บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 - สัมภาษณ์งาน

พลอยใสเข้าสัมภาษณ์งานในลำดับที่สี่ ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีโต๊ะยาวอยู่ตรงกลางห้องพร้อมกับผู้ให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ทั้งหมดสามคน คนซ้ายมือเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด คนที่นั่งตรงกลางเป็นหัวหน้าฝ่ายขาย และคนขวามือก็คือหัวหน้าฝ่ายบุคคลของโรงแรม

พลอยใสนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะยาวประจันหน้ากับหัวหน้าแผนกทั้งสามคน เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มสู้และตอบคำถามที่ได้รับอย่างสุดความสามารถ พลอยใสไม่รู้ว่าจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ทำเต็มที่แล้ว

หลังจากที่พลอยใสตอบครบทุกคำถามแล้ว หัวหน้าแผนกทั้งสามคนก็หันหน้าปรึกษากันด้วยน้ำเสียงเบา เบามากจนเธอไม่ได้ยินอะไรเลย

ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นกระหน่ำราวกับกำลังนั่งลุ้นรางวัลใหญ่ คนก่อนหน้าที่สัมภาษณ์ไปก่อนเธอ บอกแค่ว่าหลังสัมภาษณ์เสร็จทางโรงแรมจะติดต่อไปอีกครั้ง แล้วทำไมพอถึงตาเธอ ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งสามคนถึงไม่ปล่อยให้เธอออกจากห้องไปเหมือนคนก่อนๆ

ระหว่างนั่งรอพลอยใสก็ลุ้นไปด้วยว่าหัวหน้าทั้งสามจะพูดอะไรต่อจากนี้ เธอจะผ่านการสัมภาษณ์งานในครั้งนี้หรือไม่

“คุณพร้อมเริ่มงานเลยมั้ยคะ” หัวหน้าฝ่ายขายคนที่นั่งอยู่ตรงกลางถามกับเธอด้วยใบหน้าที่เป็นกันเองมากขึ้น ต่างจากตอนที่สัมภาษณ์เมื่อครู่ที่ดูเคร่งขรึมและเป็นทางการอยู่มาก

“พร้อมค่ะ” พลอยใสไม่รู้ว่าผ่านหรือไม่ แต่คำถามนี้ก็เหมือนจะสื่อไปในทางที่ดีเธอจึงเลือกที่จะตอบรับอย่างไม่ลังเล

“งั้นวันที่หนึ่งมาเริ่มงานได้เลยนะคะ” หัวหน้าฝ่ายขายเอ่ยกับเธออีกครั้ง

พลอยใสส่งใบสมัครและเข้าสัมภาษณ์งานในช่วงปลายเดือนพอดี ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมก็คือวันที่หนึ่งของเดือนถัดไป

“นี่หนูได้งานแล้วใช่มั้ยคะ” พลอยใสถามออกไปด้วยอาการตื่นเต้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความสุขใจ

“ค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณสัมภาษณ์ผ่านแล้ว” ครั้งนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เอ่ยขึ้นมา

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” พลอยใสเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้หญิงทั้งสามคนด้านหน้า

จากการปรึกษากันเมื่อครู่ หัวหน้าทั้งสามแผนกได้ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า พลอยใสเป็นคนที่มีบุคลิกเรียบร้อย ยิ้มเก่ง ดูมีความมั่นใจเหมาะกับงานโรงแรม และแม้จะไม่ได้อยู่ด่านหน้าเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ต้องใช้หน้าตาและความสามารถในการสื่อสารกับผู้ใช้บริการ แต่เธอก็เหมาะที่จะทำงานในแผนกฝ่ายขายที่กำลังเปิดรับเป็นอย่างมาก ไหนจะการศึกษาที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ก็บ่งบอกได้แล้วว่าเธอเป็นเด็กใฝ่เรียนรู้ ถ้าได้คนมีความสามารถแบบเธอมาร่วมงานด้วยก็คงจะดีไม่น้อย

พวกเขาทั้งสามคนจึงตัดสินใจประกาศผลการสัมภาษณ์ต่อหน้าพลอยใสไปทันที ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรก็อาจจะต้องขอเวลาพิจารณากันเสียหน่อย แต่กับพลอยใส หัวหน้าฝ่ายขายอย่างดาหวันกลับต้องตา และคิดว่าคนอย่างพลอยใสมีดีอยู่ในตัวและน่าจะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากพอที่จะสามารถร่วมงานกับเธอและคนในทีมได้

พลอยใสกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขตั้งแต่ออกจากห้องสัมภาษณ์มา เธอมีความมั่นใจมากว่าจะได้งานนี้และมันก็เป็นอย่างที่คิด

“พลอยใสเป็นยังไงบ้างลูก” ยายมณีเห็นหลานสาวเดินเข้าบ้านเลยรีบถามขึ้น

ระหว่างวันที่หญิงชรานั่งรออยู่ที่บ้านก็ได้แต่ภาวนาและอวยพรให้หลานสาวได้งานนี้เสียที เพราะอดห่วงไม่ได้ที่เห็นพลอยใสออกไปหางานทำทุกวี่ทุกวันแต่ก็ต้องกินแห้วกลับมาเพราะไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน

พลอยใสเดินเข้าไปหายายของเธอที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแล้วเข้าไปสวมกอด

“ไม่ได้เหรอลูก ไม่เป็นไรนะไม่ต้องเสียใจ มาช่วยยายทำขนมขายก็ได้ หลานสาวคนเดียวยายเลี้ยงไหวอยู่แล้ว” ยายมณีเอ่ยปลอบใจหลานสาวที่เอาแต่เงียบ

หญิงชราคิดว่าถ้าพลอยใสหางานไม่ได้จริงๆ ก็มาช่วยกันทำขนมนี่แหละ เพราะเธอเองก็ทำมาตั้งแต่สาวๆ ส่งขายในตลาดมาตั้งหลายปียังอยู่กันได้เลย แล้วเงินเก็บกับเงินประกันที่พ่อกับแม่ของเธอเหลือเอาไว้ให้อีก ถ้าอยู่กันอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือยก็สามารถอยู่กันได้ไม่อดอยากกันหรอก

“จะให้ยายเลี้ยงได้ยังไงกันล่ะคะ เลี้ยงมาจนโตป่านนี้แล้ว หนูก็ต้องมีงานทำแล้วเลี้ยงยายบ้างสิคะ” พลอยใสยังคงไม่บอกข่าวดี แต่ก็เอ่ยเป็นนัยว่าเธอต้องการที่จะทำงานมากกว่าให้ยายของเธอเลี้ยงดู

“ก็ไม่ได้งานไม่ใช่เหรอ” ยายมณีเอ่ยถามหลานสาวก่อนจะอมยิ้มแล้วถามต่ออีกประโยค “นี่อำยายเล่นใช่มั้ยแม่ตัวดี เดี๋ยวนี้กล้าหลอกยายแล้วเหรอฮะ” หญิงชราคลี่ยิ้มหัวเราะในลำคอ พร้อมกับฟาดมือไปที่แขนของหลานสาวเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ

“ก็ได้ๆ ค่ะ หนูยอมแล้วค่ะ หนูได้งานแล้วค่ะยาย เขาให้ไปเริ่มงานวันที่หนึ่งค่ะ” โดนยายของเธอจับได้เลยสารภาพออกไปตามตรงพร้อมกับยกมือลูบที่แขนปรอยๆ

ข่าวดีนี้ทำให้หญิงชราดีใจมาก ในที่สุดหลานสาวก็ได้งานทำเสียที

“ยายดีใจด้วยนะพลอยใส แล้วที่ทำงานไกลจากบ้านเรารึเปล่าลูก ให้ลุงฝันไปรับไปส่งเอามั้ย”

“ไม่ค่อยไกลเท่าไรคะ นั่งแท็กซีสี่สิบนาทีก็ถึง” เธอไม่อยากเป็นภาระให้ลุงฝันต้องคอยรับส่ง ลุงแกก็เริ่มแก่มากแล้ว เธอไปเองได้สบาย แค่เดินไปเรียกรถที่หน้าปากซอยแค่นี้เอง

“นี่เราจะไปกลับเองเหรอ งั้นยายซื้อรถให้เอามั้ย จะได้เดินทางได้สะดวกหน่อย” หญิงชราเสนอซื้อรถให้หลานสาว

พลอยใสรู้ว่าเงินเก็บของพ่อกับแม่ยังพอมีเหลืออยู่มาก แต่เธอก็ไม่อยากจะใช้เงินเกินตัว อีกอย่างเงินก้อนนั้นเธออยากเก็บไว้ให้ยายของเธอเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ไหนจะค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แม้คุณยายจะยังหาเงินได้ด้วยการทำขนมไทยแล้วนำไปส่งขายให้เจ้าใหญ่ในตลาดที่มาคอยรับซื้อเป็นประจำโดยที่มีป้าแหวนคอยเป็นลูกมือ แต่เธอก็เป็นห่วงเพราะยายของเธอก็แก่ชรามากขึ้นทุกที จะให้มาทำแบบนี้ไปตลอดก็คงจะไม่ได้

“ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไว้รอหนูหาเงินได้เยอะๆ แล้วหนูค่อยซื้อดีกว่า” พลอยใสอยากหาเงินใช้เอง ถ้าอยากได้อะไรเธอจะเก็บเงินแล้วซื้อด้วยเงินของตัวเองดีกว่า เพราะตอนนี้เธอคิดว่าการซื้อรถยังไม่จำเป็นเท่าไร

“งั้นก็ตามใจเราก็แล้วกัน”

หญิงชราได้แต่ถอนหายใจให้ความดื้อของหลานสาว ถ้าลองเธอได้เอ่ยปากว่าไม่แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถบังคับเธอได้ แต่ดีที่พลอยใสปฏิเสธในเรื่องที่มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ไม่อย่างนั้นคนเป็นยายคงมีเรื่องให้ต้องปวดหัวเป็นแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel