ตอนที่ 6 - ทุกความคิดมีแต่เขา
ทางด้านพลอยใส ตอนนี้เธอกลายเป็นน้องปีหนึ่งคณะบริหารธุรกิจ เธอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับเพื่อนรักที่ชื่อเฟย์ และมาได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนคือบีลีฟและซินดี้
พลอยใสเติบโตมาเป็นสาวสวยหวาน น่ารักสดใส ใครเห็นเป็นต้องรักและเอ็นดู เธอเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากเพราะผู้เป็นยายได้สอนมาอย่างดี และเธอเองก็เป็นเด็กที่เชื่อฟัง ประพฤติตนดีมาโดยตลอด จึงกลายมาเป็นพลอยใสที่น่ารักอย่างทุกวันนี้
ตั้งแต่โตเป็นสาวพลอยใสก็ไม่เคยมีความรักกับใครมาก่อนและก็ไม่คิดที่จะมี เธอยังคงจำคำสัญญาวันเก่าระหว่างเด็กหญิงวัยสิบขวบกับพี่ชายข้างบ้านได้เป็นอย่างดี พลอยใสยังคงเฝ้าคิดถึงและยังรอการกลับมาของกวินอยู่
ตั้งแต่จากกันก็คงจะมีเพียงตุ๊กตาหมีที่กวินเคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนพลอยใสอายุแปดขวบ และรูปถ่ายในตอนเด็กที่เธอกับกวินถ่ายด้วยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน และนั่นเป็นเพียงรูปเดียวที่ทั้งคู่ได้ถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน และก็เป็นเพราะของสองสิ่งนี้ที่ทำให้เธอยังจดจำคำสัญญาในวันนั้นได้ไม่เคยลืม
เวลาสี่ปีที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัย พลอยใสต่างถูกหนุ่มๆ ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาขายขนมจีบ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปทุกคนโดยให้เหตุผลที่ว่าเธอไม่อยากคบใคร จนเพื่อนๆ ต่างพากันเรียกเธอว่ายัยแม่ชีเป็นเชิงล้อเลียน
และในวันที่เพื่อนรักอย่างเฟย์กำลังกลุ้มใจกับปัญหาหัวใจอยู่ เฟย์จึงชวนพลอยใสออกไปดูหนังเพื่อคลายเครียด พอออกจากโรงภาพยนตร์ก็เข้าไปนั่งกินไอศกรีมกันต่อ และเพื่อนสาวก็ได้ตั้งคำถามหนึ่งขึ้นมา คำถามที่คำตอบนี้ก็ไม่เคยมีใครเคยรู้มาก่อนเพราะถูกพลอยใสเก็บซ่อนมานานนับสิบกว่าปี
“พลอยใส แกเคยคิดจะชอบใครบ้างรึเปล่า” ประโยคนี้ของเฟย์ ทำเอาพลอยใสชะงักไปครู่หนึ่งและกำลังชั่งใจว่าจะบอกออกไปอย่างไรดี
พลอยใสอมยิ้มก้มมองถ้วยไอศกรีมก่อนจะเอ่ยตอบ “เคย และทุกวันนี้ก็ยังชอบอยู่” แม้ริมฝีปากของเธอจะยกยิ้มแต่ในดวงตามันกลับดูเศร้า คงเป็นเพราะคิดถึงคนคนหนึ่งมากแน่ ๆ
“ใครอะ แกไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย” เฟย์ดูสนอกสนใจกับความลับของพลอยใส
เฟย์ คือเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม เธอเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่พลอยใสสนิทมากที่สุด ตั้งแต่กวินย้ายไปอยู่ต่างประเทศ พลอยใสก็ไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนแต่ก่อน เธอมาเริ่มเปิดใจคบเพื่อนอีกครั้งก็ตอนเข้าโรงเรียนมัธยม และได้เจอกับเฟย์
เฟย์เป็นคนช่างพูด เธอมักจะชอบมานอนที่บ้านของพลอยใสอยู่บ่อยๆ จนยายมณีก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง
“อยากรู้จริงๆ เหรอ” พลอยใสเอ่ยถามเพื่อนรักอีกครั้ง ที่จริงก็แค่อยากจะย้อนถามตัวเองอีกหนว่าพร้อมจะเล่าความลับนี้ออกไปหรือไม่
“อื้ม” เฟย์ตอบกลับสั้นๆ พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตารอฟัง
“เขาชื่อกวินน่ะ เป็นพี่ชายที่เคยอยู่ข้างบ้านของฉันเมื่อก่อน” พลอยใสเริ่มเล่าออกไปสั้นๆ
“ข้างบ้านเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ” เฟย์เอ่ยถามอีกครั้ง
เธอเองก็มาบ้านของพลอยใสออกจะบ่อย ทำไมถึงไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างบ้านของเธอเลย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมารอบบ้านของพลอยใสก็มีแต่รุ่นของยายมณีก็เท่านั้น
“ตั้งแต่ธุรกิจของครอบครัวล้มละลาย พ่อของเขาก็ป่วย ครอบครัวของพี่กวินเลยย้ายไปอยู่กับลุงที่ต่างประเทศแล้วล่ะ” ยิ่งพลอยใสเล่าถึงเรื่องครอบครัวของกวินก็ยิ่งทำให้ใบหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไปนานแล้วเหรอ แล้วได้ติดต่อกันอยู่รึเปล่า เธอดูจะคิดถึงเขามากเลยนะ”
“ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้วล่ะ เขาคงจะลืมฉันไปแล้ว” กวินคงจะลืมเธอไปแล้วจริงๆ ตั้งแต่ย้ายไปเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเธออีกเลย
“โอ๋ๆ ไม่เศร้านะแก แกยังมีฉันเป็นเพื่อนอยู่นะ” เฟย์เอ่ยปลอบพลอยใสเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าเศร้าจนเธอลืมปัญหาหัวใจของตัวเองไปเลย
“ฉันไม่ได้เศร้าสักหน่อย แค่คิดว่าสักวันเราอาจจะได้เจอกันอีก” พลอยใสตอบกลับตามความคิดที่ฝังใจมาโดยตลอด
“ถามหน่อยสิ ตอนจากกันแกกับเขาอายุเท่าไรอะ ตอนเราอยู่มอหนึ่ง เขายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า” เฟย์ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเธอนึกย้อนยังไงก็ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มแถวบ้านของพลอยใสเลย
“ตอนนั้นเขาอายุสิบหก ส่วนฉันสิบขวบ”
“สิบขวบ แกก็ชอบเขาแล้วเหรอ” เฟย์ดูตกใจที่พลอยใสเริ่มเกิดความรู้สึกชอบใครสักคนในวัยที่เด็กมาก
“ฉันถึงได้บอกไง ว่าเรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้หรอก ตอนนั้นฉันแค่ปลื้มที่เขาเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่พอรู้ว่าพี่กวินจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศฉันก็เสียใจมาก ร้องไห้ไปตั้งหลายวันแหนะ และเขาก็สัญญาว่าจะคิดถึงฉัน จะกลับมาหาฉันอีกครั้งตอนที่เขาเรียนจบ” พลอยใสยังคงหวังว่าสักวันกวินจะกลับมาหาเธอ กลับมาตามสัญญาที่มีให้แก่กัน
เฟย์เริ่มคิดตามที่พลอยใสบอก ตอนนี้พวกเธอเรียนอยู่ปีสี่อายุยี่สิบสองกันแล้ว เขาแก่กว่าตั้งหกปี ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็กวินก็อายุยี่สิบแปดแล้วน่ะสิ
“โห แกนี่สุดยอดเลยอะยัยแม่ชีของฉัน ไม่คิดว่าแกจะรักมั่นฝังใจขนาดนี้ ขอบใจแกมากเลยนะที่เล่าความลับให้ฉันฟัง ฉันสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ” เฟย์เอ่ยขอบคุณที่พลอยใสแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับเธอ
พอได้เล่าความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจออกไปมันก็เหมือนได้ปลดปล่อย ทุกๆ ครั้งที่เห็นหนุ่มคนอื่นลูบผมของแฟนสาว บางคนก็ให้ขี่หลัง บางคนก็เดินจับมือกัน มันทำให้เธอนึกถึงพี่ชายข้างบ้านในสมัยเด็ก
ถ้าตอนนี้เขายังอยู่ข้างกายเธอมันจะดีแค่ไหนนะ เราจะยังคงทำเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า และไม่รู้ว่าเวลาที่ผ่านมานานนับสิบปีจะทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงเธอก็ยังอยากเห็นหน้าของเขาอยู่ดี แต่ด้วยวัยขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่ากวินจะมีคนรักแล้วหรือยัง
ทุกความคิดที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวมีแต่ผู้ชายที่ชื่อกวินวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะแบบไงพลอยใสถึงไม่ยอมเปิดใจคบกับใคร เพราะเธอคิดถึงเพียงแต่เขาแค่คนเดียวจนไม่มีที่ว่างเหลือเอาไว้ให้ใครอีก