บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 - ครอบครัวล้มละลาย

ทันทีที่เดินทางไปถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลก็นำร่างของกฤตินที่นอนอยู่บนรถเข็นเคลื่อนย้ายเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

ทั้งสามคนได้แต่นั่งรอ ยืนรอ เดินวนเวียนไปมาสลับกันนานนับชั่วโมงจนมีนายแพทย์ท่านหนึ่งเดินออกมา

ทุกคนรีบสาวเท้าเข้าไปหาหมอคนดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงเพราะอย่างรู้อาการของกฤตินใจแทบขาด

“คุณกฤตินเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ดิฉันเป็นภรรยาของเขาค่ะ” ลักขณารีบเอ่ยถามอาการสามี เธอร้อนใจเป็นอย่างมากจนแทบจะนั่งไม่ติด

“ญาติคนไข้ทำใจดีๆ เอาไว้นะครับ” นายแพทย์คนดังกล่าวเอ่ยประโยคแรกออกมาก็ทำเอาทุกคนถึงกับผวา

“หมายความว่ายังไงคะ คุณกฤตินเป็นอะไรไปคะคุณหมอ ฮึก” ลักขณากลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ในลำคอก่อนจะข่มใจถามออกไปอีกครั้ง

ข้างกายของเธอยังมีลูกชายเพียงคนเดียวอย่างกวินคอยโอบไหล่อยู่ไม่ห่าง และเขาเองก็รอฟังความจากคุณหมออยู่เช่นเดียวกัน

“คนไข้เส้นเลือดในสมองแตกครับ หมอพยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อกี้คนไข้ก็หัวใจหยุดเต้นแต่ก็สามารถปั๊มกลับคืนมาได้ ตอนนี้หมอต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด รอดูคนไข้ฟื้นขึ้นมาถึงจะตรวจอาการโดยรวมอย่างละเอียดได้ครับ”

“แล้วคุณพ่อของผมจะฟื้นเมื่อไรครับคุณหมอ” กวินพยายามเข้มแข็งเอ่ยถามหมอวัยกลางคนอย่างมีสติ

“หมอเองก็ตอบไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคนไข้อีกที แต่ยังไงหมอก็จะพยายามรักษาอย่างเต็มที่ครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

“หมอขอตัวก่อนนะครับ” นายแพทย์เอ่ยจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องไอซียูอีกครั้ง

แต่ลักขณาที่ได้ฟังอาการของผู้เป็นสามีถึงกับช็อกแล้วเป็นลมล้มพับไปทันที เมื่อเห็นแผ่นหลังของนายแพทย์คนนั้นหายเข้าไปในห้องที่กฤตินนอนไม่ได้สติอยู่ในนั้น

“แม่ครับ แม่ คุณหมอ ใครก็ได้ช่วยด้วยครับ แม่ผมเป็นลม” กวินหันซ้ายหันขวาตะโกนร้องเรียกเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลให้ออกมาดูแม่ของเขา ตอนนี้พ่อก็ป่วยหนักยังไม่ฟื้น แม่ก็มาเป็นลมเพราะทำใจไม่ได้ไปอีกคน

ร่างของลักขณาถูกนำเข้าห้องพักฟื้นเพื่อรอดูอาการ เนื่องจากความเครียดที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เธอหมดสติ พอได้นอนพักไปได้สองสามชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

“เป็นยังไงบ้างครับ” กวินนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือแม่ของเขาอยู่ตลอดเวลา เพื่อรอคอยเวลาที่แม่ของเขาจะฟื้น

“พ่อล่ะกวิน พ่อฟื้นรึยัง” พอตื่นขึ้นมาลักขณาก็รีบถามหากฤตินทันที เธอเป็นห่วงเขามาก มากกว่าอาการของตัวเองด้วยซ้ำ

“ยังเลยครับ”

“พาแม่ไปหาพ่อของแกทีกวิน แม่อยากอยู่กับพ่อ” ลักขณาพยายามจะลุกออกจากเตียงแต่ก็ถูกลูกชายของเธอรั้งเอาไว้

“ยังเข้าไปไม่ได้ครับแม่ พ่อต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ รอฟังคุณหมออนุญาตก่อนนะครับ” ลักขณาชะงักไปหลังจากที่กวินพูดจบ เธอจึงยอมล้มตัวนอนลงที่เดิมพร้อมกับน้ำสีใสที่ไหลออกข้างหน่วยตา

ตอนนี้กฤตินได้ถูกเคลื่อนย้ายมาดูอาการที่ห้องไอซียู

“แม่อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ พ่อจะต้องดีขึ้น ถ้าแม่เป็นอะไรไปอีกคนแล้วผมกับพ่อจะอยู่กันยังไง” กวินพูดเตือนสติมารดาของตน

กวินเองก็รู้สึกเป็นห่วงและร้อนใจไม่ต่างจากแม่ของเขา แต่ลูกผู้ชายอย่างไรก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ พ่อล้มไปแล้วคนหนึ่ง ถ้ามัวแต่ทำตัวอ่อนแอไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ผู้เป็นแม่ได้ แล้วครอบครัวของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป

สองวันผ่านไปพ่อของเขาก็ยังไม่รู้สึกตัวขึ้นมา หรือมีอาการใดๆ ที่ตอบสนองเลยสักนิดนอกจากหายใจได้เอง ตอนนี้กฤตินได้ถูกถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว และแพทย์เจ้าของไข้ก็ได้ลงความเห็นว่าเขามีอาการคล้ายคลึงกับเจ้าชายนิทรา

“โถ่คุณ แล้วฉันกับลูกจะทำยังไง ตอนนี้โรงแรมเราก็เกิดปัญหา เราจะทำยังไงกันดีกวิน ฮือ” ลักขณาปล่อยโฮกอดลูกชาย เธอหมดหนทางแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ลักขณาเล่าถึงสถานการณ์โรงแรมตอนนี้ที่เข้าขั้นวิกฤตให้ลูกชายของเธอฟัง แต่สาเหตุที่แท้จริงไม่ได้พูดถึงเพราะลูกชายของเธอยังเด็กเกินกว่าจะมารับรู้เรื่องพวกนี้ และผู้เป็นสามีก็ดันมาล้มป่วยขึ้นมาอีกคน เธอจะหันหน้าไปพึ่งใครได้อีก

หลังจากทำใจอยู่นานกว่าจะหยุดน้ำตาไม่ให้มันหลั่งออกมาได้ ลักขณาก็ได้โทรศัพท์ไปหากรันย์พี่ชายของสามีที่พักอาศัยและมีธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกันอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

หลังจากพูดคุยกันนานนับสิบนาที กรันย์ก็ออกตัวว่าจะรีบบินมาที่ประเทศไทยเพื่อจัดการปัญหาที่ยังคงค้างคาให้ แต่เธอก็ยังไม่วางใจอยู่ดี กลัวว่าระยะเวลากว่าที่ทางนั้นจะเข้ามาแก้ปัญหาต่อมันจะยังทันเวลาหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ยอดเข้าพักก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ บวกกับมีข่าวการล้มป่วยของผู้เป็นสามีแพร่งพรายออกไป พนักงานของโรงแรมก็พากันลาออก ลูกค้าส่วนน้อยที่ยังเข้ามาพักก็ไม่พอใจกับบริการของโรงแรมที่มีพนักงานงานเหลือน้อย ไม่พอให้บริการแขกจนทำให้เกิดการกระจายข่าวเสียๆ หายๆ ในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนในที่สุดในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา กรันย์ที่เดินทางมาดูแลกิจการของกฤตินก็ไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่สั่งสมมานานได้ และโรงแรมก็ต้องปิดตัวลงเพราะล้มละลาย

“พี่ขอโทษนะลักษ์ พี่ไม่สามารถยื้อโรงแรมของครอบครัวเธอเอาไว้ได้” กรันย์เอ่ยออกมาอย่างเสียใจและก็เห็นใจครอบครัวของน้องชาย

เขาเองก็พยายามอย่างสุดฝีมือแล้ว แต่ด้วยก่อนหน้าทางโรงแรมคู่แข่งได้วางแผนทำลายชื่อเสียงมานานโดยที่เขาเองก็ไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน พอมารู้มันก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ ลักษ์เองก็ต้องขอบคุณพี่กรันย์มากเลยนะคะที่สละเวลามาช่วยครอบครัวของเรา” ลักขณายกมือไหว้ขอบคุณพี่ชายสามีอย่างสุดซึ้ง เธอเองก็ได้ทำใจเอาไว้บางส่วนแล้วว่าคงต้องเสียโรงแรมไปแน่ ๆ

“ทำอย่างกับพี่เป็นคนอื่นคนไกลไปได้ กฤตมันก็น้องชายของพี่ พี่ต้องช่วยพวกเธออยู่แล้ว แล้วนี่จะเอายังไงกันต่อ”

กรันย์นึกห่วงสองแม่ลูกนี้เหมือนกัน ไหนจะน้องชายที่นอนหมดสตินั่นอีก โรงแรมก็ล้มละลายไปแล้ว ต่อไปจะเอารายได้ที่ไหนมาจุนเจือครอบครัว ไหนจะค่ารักษาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลของกฤตินอีก

“ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้คงต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้จ่ายก่อนแล้วค่อยหาลู่ทางกันอีกที” ลักขณาคิดได้เพียงเท่านี้ เธอเองก็ยังมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าเช่นเดียวกัน รู้แค่ว่าเงินก้อนที่เก็บสะสมกันมาคงพอที่จะส่งเสียให้ลูกชายของเธอได้เรียนจบ

ณ เวลานี้ เธอคิดได้แค่นี้ หัวสมองของเธอมันตื้อจนไม่สามารถจะวางแผนอนาคตของครอบครัวของเธอได้

“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว รอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร พวกเธอก็ย้ายไปอยู่กับฉันที่อังกฤษเลยก็แล้วกัน” กรันย์ออกความเห็นเหมือนเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

ไปอยู่ที่อังกฤษด้วยกันเขาก็จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กวินหลานชายก็ใกล้จะสอบปิดเทอมแล้ว ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนด้วยเลย ส่วนน้องชายก็ย้ายไปรักษาต่อที่อังกฤษ จ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลที่บ้าน ถ้าลักขณาไม่อยากทำงานก็ช่วยดูแลบ้านไป แต่ถ้าอยากทำก็ไปช่วยงานที่โรงแรมของเขาก็ได้กรันย์ไม่ได้ติดขัดอะไร

“แต่พวกเราจะไปเป็นภาระพี่นะคะ ไหนจะคนขับรถ คนสวน และแม่บ้านของเราอีก ก็หลายชีวิตเลยนะคะ” ลักขณาเป็นห่วงความเป็นอยู่ของทุกคนในบ้านหลังจากนี้ หากเธอกับลูกและสามีต้องย้ายที่อยู่ แล้วคนเหล่านั้นจะอยู่กันอย่างไร

“ก็พาไปกันทั้งหมดนี่แหละ ถามพวกนั้นดูว่าจะไปกันรึเปล่า พี่มีงานให้ทำก็แล้วกัน แต่ถ้าใครไม่ไปพี่จะให้เงินก้อนไว้ตั้งตัวคนละห้าหมื่น เอาตามนี้นะ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ” กรันย์คิดเผื่อทุกอย่างเอาไว้แล้ว และมันก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel