ตอนที่ 1 - วัยเด็กของกวินและพลอยใส
“พี่กวิน” ทันใดที่เด็กสาวในวัยสิบขวบเห็นพี่ชายข้างบ้านมารอรับที่หน้าโรงเรียนอย่างเช่นทุกวันก็ออกอาการดีใจ รีบเอ่ยเรียกชื่อของเขา ก่อนจะไหว้ลาคุณครูเวรประจำวันนี้แล้วรีบวิ่งออกมาที่หน้าประตูโรงเรียน
“ปะ กลับบ้านกัน” เสียงอ่อนนุ่มเอ่ยกับเด็กสาวตัวเล็กพร้อมกับยกมือขึ้นโยกศีรษะของเธอเบาๆ แล้วดึงกระเป๋าออกจากหลังของเธอมาสะพายแทน
“ค่ะ” เธอตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินเคียงข้างกันกลับบ้าน
เด็กหญิงวัยสิบขวบ เธอมีชื่อว่า พลอยใส เธอเป็นเด็กน่ารัก อารมณ์ดี พ่อและแม่ของเธอเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งคู่ แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนไม่สามารถมองเห็นลูกสาวที่น่ารักสดใสได้เติบใหญ่ บิดามารของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยกันทั้งคู่ในวันที่ไปสัมมนาเชิงวิชาการที่ต่างจังหวัด
ทุกวันนี้พลอยใสถูกเลี้ยงดูมาด้วยยายมณี หญิงวัยชราที่เป็นมารดาของแม่ของเธอ
และโชคดีที่มี กวิน เด็กหนุ่มอายุสิบหกปี เป็นรุ่นพี่ที่อยู่บ้านติดกัน เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เขามักจะมาเล่นกับพลอยใสตั้งแต่เด็กๆ ยายมณีเองก็ทั้งรักและเอ็นดู และชอบเรียกมากินข้าวที่บ้านด้วยกันบ่อยๆ
ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับทั้งคู่แทบจะเป็นพี่น้องกันจริงๆ เสียด้วยซ้ำ ติดแค่คนละพ่อคนละแม่ก็เท่านั้น
“พี่กวินขอขี่หลังหน่อยได้มั้ยคะ” เสียงใสของเด็กสาวร้องขอหนุ่มรุ่นพี่ที่ตอนนี้กำลังเดินเท้ากันอยู่ที่ปากซอยและก็ใกล้จะถึงบ้านกันอยู่แล้ว
“อืม ขึ้นมาสิยัยตัวเล็ก” กวินย่อตัวลงนั่งให้พลอยใสขึ้นมาขี่หลังตามที่เธอร้องขอ ซึ่งเธอมักจะอ้อนแบบนี้เป็นประจำทุกวันจนเขานั้นชินไปแล้ว
พอได้รับอนุญาตพลอยใสก็ขึ้นไปขี่หลังของกวินทันทีพร้อมกับกอดคอของเขาเอาไว้แน่นเพื่อกันตกลงมา
“พลอยใสตัวหนักขึ้นมั้ยคะ” สาวน้อยเอียงคอถามคนที่แบกร่างของของเธออยู่บนหลัง เมื่อเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพลายขึ้นที่ข้างขมับ แล้วเธอก็ใช้มือเช็ดเหงื่อให้อย่างไม่รังเกียจ
“ไม่หนักเลย ถึงจะหนักกว่านี้พี่ก็อุ้มไหว” กวินยกยิ้มให้กับเธอแล้วตอบออกไปด้วยความสัตย์จริง เขาเห็นเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก และก็คิดว่าเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไปเสียแล้ว
“พี่กวินใจดีที่สุดเลยค่ะ พลอยใสชอบพี่กวินที่สุดเลย” พลอยใสตอบออกไปอย่างไร้เดียงสา เธอคงจะไม่รู้ว่าการชอบของเด็กน้อยกับเด็กหนุ่มที่โตแล้วนั้นมันต่างกัน
“หึ แก่แดดนะเรา รู้เหรอว่าชอบหมายถึงอะไร” กวินหัวเราะชอบใจเบาๆ ที่เด็กน้อยคนนี้ชอบพูดจาเกินวัย
“ชอบก็คือชอบไงคะ เหมือนหนูชอบกินขนม ชอบดูการ์ตูน และก็ชอบพี่กวิน” เธอยังคงตอบออกมาอย่างไม่รู้ประสา
“อืม ชอบก็ชอบ พี่ก็ชอบเราเหมือนกันเด็กน้อย”
“เย้ๆ พลอยใสดีใจจังที่พี่กวินชอบ”
กวินแบกพลอยใสไปส่งถึงในบ้าน ตรงห้องรับแขกที่มียายมณีสวมแว่นสายตานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แล้วย่อตัวลงนั่งให้พลอยใสลงจากหลังของเขา
“สวัสดีค่ะยาย”
“สวัสดีครับคุณยาย” ทั้งสองคนยกมือไหว้หญิงชราพร้อมกับสวัสดีตอนเย็น
“หวัดดีจ้ะหลานๆ รีบเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บเร็วลูกแล้วลงมากินขนมที่ยายทำกัน กวินก็อยู่กินด้วยกันนะ” ยายมณีเอ่ยกับเด็กทั้งสองคน
“วันนี้ผมคงไม่ได้อยู่กินขนมฝีมือคุณยายนะครับ พอดีผมมีงานที่ค้างทำอีกเยอะเลย ว่าจะรีบกลับไปทำการบ้านน่ะครับ” กวินเอ่ยปฏิเสธหญิงชราออกไป
วันนี้อาจารย์สั่งงานไว้เยอะมาก เพราะเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดเทอมแล้ว นอกจากทำงานที่อาจารย์สั่ง ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ คงจะไม่ได้มาแวะฝากท้องที่นี่ไปสักพัก
“กวินเข้าไปในครัวกับยายนะ เดี๋ยวยายแบ่งใส่กล่องให้กลับไปกินที่บ้าน เอาไปแบ่งพ่อกับแม่เราด้วย ยายทำไว้เยอะเลย”
“ครับคุณยาย”
ยายมณีเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับกวิน หลังจากแบ่งขนมใส่กล่องเสร็จแล้ว กวินก็ไหว้ลาแล้วกลับบ้านของเขา
“คุณยายขา พี่กวินกลับไปแล้วเหรอคะ ทำไมไม่อยู่กินขนมกับพลอยใสเลย” เด็กสาวที่เพิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน มองออกไปยังนอกประตูแล้วเอ่ยถามผู้เป็นยาย
“พี่เขามีการบ้านที่ต้องทำน่ะ เราเองกินเสร็จแล้วก็รีบขึ้นไปทำการบ้านนะลูก”
“ค่ะยาย”
กวินเดินกลับบ้านของตนที่อยู่ถัดไปอีกหลัง ครอบครัวของเขาทำธุรกิจโรงแรมอยู่ในกรุงเทพฯ ฐานะทางครอบครัวของเขาก็ถือว่าดีมาก แม้โรงแรมจะถูกจัดอยู่ในระดับสามดาว แต่ก็บริหารจัดการมาได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันนี้
“ว้าย คุณคะ อย่าเป็นอะไรไปคะ ลุงพจน์เตรียมรถให้ทีค่ะ อย่าเป็นอะไรไปนะคะ ฮือ…” เสียงของลักขณาผู้เป็นแม่ของกวินตะโกนร้องเรียกคนขับรถ ให้รีบไปนำรถมารอรับเพื่อนำตัวกฤตินผู้เป็นสามีไปโรงพยาบาล หลังจากที่เขาโหมงานหนักเพราะโรงแรมถูกกลั่นแกล้งทำลายชื่อเสียงมานานจนล้มป่วย
กวินที่เดินเข้าไปในบ้านก็พบผู้เป็นพ่อนอนหมดสติอยู่บนพื้นและวางหัวที่ตักของมารดาที่เอาแต่ร่ำไห้กอดพ่อของเขาอยู่ จึงได้รีบวิ่งเข้าไปหา
“พ่อครับ พ่อเป็นอะไรไปครับแม่” เขาวางกล่องขนมลงที่พื้นแล้วถามด้วยความร้อนรนปนตกใจ
“พ่อกับแม่คุยกันอยู่ดีๆ แล้วจู่ ๆ ก็ล้มลงไปเลย ฮึก พ่อของแกจะเป็นอะไรไปมั้ยกวิน” ลักขณาเล่าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อนองหน่วยตาทั้งสองข้าง ภายในใจเกิดความกลัว กลัวว่าผู้เป็นสามีจะเป็นอะไรร้ายแรง
“รถมาแล้วครับ” ลุงพจน์วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาผู้เป็นนาย ทุกคนก็ช่วยกันพยุงร่างของกฤตินขึ้น
“ขี่หลังผมเลยครับ” กวินย่อตัวลงให้ลุงพจน์และแม่ของเขาประคองร่างของผู้เป็นพ่อขึ้นด้านหลังแล้วรีบไปที่รถ