ตอนที่ 7 ตรอมใจตาย
ในเช้าวันรุ่งขึ้นชิชาก็ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตตามปกติ ตรัยคุณยังกักบริเวณเธอเหมือนเดิม
ไม่ให้เธอออกไปทำงานที่บริษัทอีก ไม่ให้เธอพบเจอใคร ขังเธอไว้ในบ้านหลังใหญ่ที่ไร้โทรศัพท์
ทำให้เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย
ตลอด1ปีมานี้เธอไม่ได้ออกไปสัมผัสหรือได้เหยียบหญ้าหน้าบ้านเลย
โลกภายนอกตอนนี้เป็นยังไงเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว เธอก็ไม่สามารถรู้ได้
ภายในบ้านมีเพียงทีวีให้เธอได้ดูแก้เหงาไปวันๆ เธอไม่ได้คุยกับใครไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง
ความขมขื่นที่มีในใจกัดกินหัวใจของเธอไปทีละนิดๆ
ทุกวันนี้เธอแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว
เธอนั่งร้องให้หน้าทีวีอย่างเงียบๆ ทานอะไรไม่ลงร่างกายของเธอจึงผอมลงไปมาก
แม่บ้านประจำคฤหาสน์เห็นเธอก็อดสงสารไม่ได้จึงเข้ามาหาเธอแล้ววางจานผลไม่ลงบนโต๊ะแล้วเอ่ย
" คุณชิชาไม่ทานข้าวมาหลายวันแล้วทานผลไม้หน่อยนะคะ "
เธอมองไปยังแม่บ้านทั้งที่ใบหน้ายังคงเปื้อนคราบน้ำตาอยู่แล้วเอ่ยถามขึ้น
" ทำไมวันนี้ฉันไม่เห็นคนอื่นเลยล่ะ พวกเขาไปไหนกันหมด แล้วทำไมคุณต้องใส่ชุดสีดำด้วย มันเกิดอะไรขึ้น "
แม่บ้านมองชิชาด้วยแววตาสงสารแล้วเอ่ย
" คุณชิชา หลังจากนี้คุณต้องดูแลตัวเองแล้วนะ คุณตรัยคุณไล่พวกเราทุกคนออกหมดแล้ว
ฉันไม่อยากจะทิ้งคุณให้อยู่ลำพังแต่ถ้าฉันไม่ไปครอบครัวของฉันก็เดือดร้อน คุณคงเข้าใจนะคะ
ส่วนที่ฉันใส่ชุดสีดำเพราะไว้อาลัยให้กับคุณท่านลู่ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสามวันก่อนค่ะ "
" คุณว่าไงนะ! "
ชิชาเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเธอช็อกไปจนพูดอะไรไม่ออกน้ำตาที่ยังไม่แห้งก็ไหลพรั่งพรูลงมาอีกครั้ง แม่บ้านจึงเอ่ยต่อว่า
" คุณชิชาต้องเข้มแข็งนะคะ พวกเราทุกคนรู้ว่าคุณทนทุกข์ใจมาตลอด
หลังจากนี้คุณตัวคนเดียวแล้วคุณต้องมีใจที่เข้มแข็งอย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะคะ
ฉันต้องไปแล้วคุณดูแลตัวเองดีๆนะคะ "
เอ่ยจบแม่บ้านก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
ชิชานั่งร้องให้ไม่หยุด เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
" คุณปู่ คุณปู่จากไป ชิชาก็ไม่เหลือใครแล้ว
ชิชากลัวเหลือเกิน "
เธอทั้งตกใจและเสียใจมากถึงมากที่สุดกับการจากไปของคุณท่านลู่
เพราะเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ
" ทำไมคุณปู่ถึงได้ด่วนจากไปเร็วขนาดนี้ ชิชาไร้วาสนาไม่มีโอกาสไปกราบลาคุณปู่
ชิชาขอส่งดวงวิญญาของคุณปู่ตรงนี้คุณปู่จงไปสู่สุคติ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีนะคะ
ไม่ต้องห่วงชิชา ชิชาสบายดี "
ชิชาเอ่ยลาคุณท่านลู่ทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดใจหัวใจ
ตอนนี้ในคฤหาสน์หลังใหญ่บนเขาเหลือเพียงเธอคนเดียว
ผู้คนในบ้านเริ่มทยอยกันจากเธอไปทีละคนๆ
แม่บ้านสักคนก็ไม่มีแล้วยิ่งมารู้ว่าคุณปู่ลู่จากไปอีก
ความหวาดกลัว ความอ้างว้า ความโดดเดี่ยวความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ได้เข้ามาเยือนเธออย่างไม่ปราณี
เธอนั่งร้องให้ซึมเศร้าในห้องนั่งเล่นด้วยความอาลัย
ไม่นานแสงตะวันค่อยๆลับขอบฟ้า ความสลัวเข้ามาเยือน ลมหนาวเย็นพัดเข้ามาเอื่อยๆกระทบผิวกายเธอ
เธอรู้สึกว้าเหว่คิดถึงบ้านที่เป็นบ้าน คิดถึงช่วงชีวิตที่สวยงาม คิดถึงช่วงชีวิตที่มีพ่อแม่
เธอฝืนยิ้มขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดไฟ ปิดประตูหน้าต่างอย่างดี
รอบๆตัวเธอเงียบสงบลงมีเพียงเสียงวิหคร้องเจี๊ยวจ๊าวบินเข้ารังบนต้นไม้รอบๆคฤหาสน์
ชิชาเองก็เดินขึ้นบันได กลับเข้าไปในห้องนอนที่แสนกว้างใหญ่สุดแสนว่างเปล่า
เธอใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่จนชินแล้ว และวันนี้เธอก็ต้องฝึกตัวเองให้ชินกับการไม่เหลือใครสักคน
เธอเดินไปอาบน้ำแล้วก็กลับมานอนลงบนเตียงในยามค่ำคืนด้วยความโดดเดี่ยวและเหงาใจ
ในขณะที่ตรัยคุณกับมิตากำลังนั่งกอดกันดูทีวีด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่เธอกลับนอนกอดหมอนแล้วร้องให้ออกมาด้วยความเสียใจ
เธอคิดทบทวนมาตลอดทั้งคืน คืนนี้เป็นคืนที่เหน็บหนาวใจกว่าทุกคืนเธอไม่เหลือใครแล้วที่พึ่งพาได้
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการที่เธอแต่งงานกับตรัยคุณเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์
ทางด้านตรัยคุณตอนนี้เขาอุ้มมิตากลับเข้าไปในห้องแล้วจูบเธออย่างดูดดื่ม
แล้วจบลงด้วยสองกายแนบชิดรวมเป็นหนึ่งอย่างเร่าร้อนบนเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้นตรัยคุณลุกขึ้นมาแต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน
เขาเข้าไปจูบหน้าผากมิตาเบาๆแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน
" ผมไปทำงานก่อนนะที่รัก "
มิตายิ้มแล้วเอ่ยว่า
" ค่ะ "
พอตรัยคุณจะหมุนตัวเดินออกไปมิตาก็เอ่ยขึ้นทำหน้าน่าสงสาร
" ไตร เลิกงานแล้วรีบกลับมานะคะ อย่าไปไหนนะ "
คำว่าอย่าไปไหนของเธอ ตรัยคุณรู้ดีว่าเธอหมายถึง ห้ามกลับไปที่คฤหาสน์อีก
เขาจึงเอ่ยตอบเธอไปว่า
" ครับ ทำงานเสร็จแล้วผมจะรีบกลับมาหาคุณจะไม่ไปไหนทั้งนั้น "
" ค่ะ "
มิตายิ้มขึ้นอย่างอ่อนหวานด้วยความพอใจ แล้วตรัยคุณก็เดินออกจากห้องไป
มิตาที่อยู่ข้างหลังยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างชั่วร้ายแล้วเอ่ย
" นังชิชาฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็นจนต้องตรอมใจตายไปเลย "