ตอนที่ 6 รอฟื้น
ผ่านไปหลายชั่วโมงห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหมอที่ออกมาด้วยใบหน้าอิดโรย
คุณท่านลู่จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจอย่างไม่เป็นสุข
" พวกเขาปลอดภัยใช่มั้ยครับ "
หมอถอนหายใจแล้วเอ่ย
“ คนไข้พ้นขีดอันตรายไปหนึ่งคนเดี๋ยวพยาบาลจะส่งไปยังห้องพักฟื้นของผู้ป่วย รอฟื้น
อาจต้องใช้เวลานานหน่อยนะครับ
แต่ญาติผู้ป่วยต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดนะ
คอยสังเกตอาการมีอะไรเปลี่ยนหรือแปลกไปให้รีบแจ้งคุณหมอทันที
เพราะผู้ป่วยได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอย่างหนัก ”
“ ครับ ขอบคุณมากครับ ”
คุณท่านลู่เอ่ยขอบคุณอย่างให้เกียรติ
แล้วเตียงรถเข็นห้องผ่าตัด ก็เข็นร่างชิชาออกมาพาร่างของชิชาไปยังห้องพักฟื้น
คุณท่านลู่ก็นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดต่อไป
ส่วนตรัยคุณนั้นตามชิชาไปยังห้องพักผู้ป่วยทันที
ทันทีที่คุณปู่คุณย่าของชิชาทราบข่าวก็รีบบินมาที่โรงพยาบาลทันที
เมื่อพวกเขามาถึงก็รู้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้ของพวกเขายังคงอยู่ในห้องไอซียูทำให้พวกเขาเครียดอย่างหนัก
คุณย่าของชิชาร้องให้เสียใจเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจด้วยความกลัวจะสูญเสียลูกชายกับลูกสะใภ้ไป
แกซบอกสามีร้องให้ไม่หยุดอย่างน่าสงสาร ตัดพ้อไม่หยุด
“ ทำไมๆต้องเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ขึ้นกับพวกเขาด้วยทำไม
ทำไมพระเจ้าถึงไม่คุ้มครองพวกเขาเลยฮือๆๆๆ ทำไมพระเจ้าใจร้ายขนาดนี้
ได้โปรดๆช่วยให้ลูกๆหลานๆของฉันพ้นขีดอันตรายฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว ให้พวกเขาทุกคนด้วยปลอดภัยเถิดฮือๆๆๆ ”
ผู้เป็นสามีคอยปลอบใจตบหลังหล่อนเบาๆ
“ ลูกๆและหลานของเราจะต้องฟื้นแน่นอนพวกเขาต้องปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแน่นอน คุณอย่าคิดมากเลยนะเดี๋ยวความดันจะขึ้น ”
ชายชราปลอบใจภรรยาอย่างอ่อนโยน คุณท่านลู่นั่งอยู่เงียบๆอย่างเจ็บปวด
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปชิชาฟื้นขึ้นมาอยู่ในความดูแลของคุณปู่คุณย่า
พอรู้ว่าพ่อและแม่ยังไม่ฟื้นและอาจเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรานไปตลอดมีโอกาสน้อยมากที่จะรอด
เธอก็ร้องให้เสียใจอย่างหนักหัวใจเธอแตกสลายด้านชาไปหมดจนไร้ความรู้สึกเจ็บใดๆ
สามเดือนต่อมาเธอถูกฝากไว้กับบ้านลู่เพื่อเรียนต่อให้จบมัธยม
ส่วนพ่อแม่ของเธอนั้นถูกส่งตัวไปรักษาที่บ้านย่าที่ฝรั่งเศส
ปู่กับย่าให้เหตุผลกับว่าเธอต้องเรียนต่อให้จบและต้องเรียนรู้งานในบริษัทเฟิ่งหลงให้มาก
เพราะเธอจะต้องรับช่วงเป็นผู้ถือหุ้นต่อจากพ่อของเธอ
เธอจึงตั้งใจเรียนจนจบมัธยมพอเรียนจบเธอก็ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างตั้งใจ
ผ่านไปปีกว่าคุณท่านลู่ก็บังคับให้ตรัยคุณเลิกกับมิตาแล้วมาแต่งงานกับเธอ จนทำให้ตรัยคุณเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ
ในคืนวันแต่งงานของทั้งสอง มิตาก็ไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
ทันทีที่ตรัยคุณรู้ข่าวก็รีบไปหาเธอทันที
หลังจากนั้นในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เป็นเรือนหอ
ก็มีเพียงเธอและเหล่าแม่บ้านไร้เงาของตรัยคุณ
เธอรู้สึกเศร้าใจและโดดเดี่ยวเดียวดายราวกับฮองเฮาในวังหลัง
ความเหงาทำให้เธอคิดถึงความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อแม่ก่อนหน้านี้
เธอนั่งกอดเข่าตัวเองร้องให้กลางดึกเช่นนี้ทุกคืน บางคืนก็คิดทบทวนอะไรต่างๆนาๆ
สิ่งที่เธอได้รับจากตรัยคุณคือความเย็นชา
เธอไม่รู้ว่าคุณท่านลู่ขู่อะไรตรัยคุณ
เขาจึงยอมตกลงแต่งงานกับเธอแต่กลับแสดงท่าทีรังเกียจเธอ เกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรดี
การแต่งงานของเธอและเขาเป็นแค่ในนาม
แต่เธอกลับเต็มใจและยินดีแต่งกับเขาจากใจจริง
เธอไม่คิดว่าหลังแต่งงานเธอจะกลายเป็นแบบนี้พี่ตรัยคุณคนนั้นของเธอไม่มีอีกแล้ว
คนที่เธอแต่งงานด้วยกลายเป็นคนที่เธอไม่รู้จักเอาเสียเลยและทำให้เธอกลัวเขามากขึ้นทุกวัน
ในตอนแรกเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอนั้นเดิมทีดีอยู่แล้วหากอยู่ด้วยกันไปพี่ตรัยคุณของเธอ
อาจจะหันมารักเธอแบบคนรักบ้างแต่สิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอคือความเย็นชา
ไร้ความเป็นมิตร มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้เธอ
ทุกครั้งที่เขาเข้ามาในบ้านเธอก็พยายามเข้าหาเขาตลอด
แม้เขาจะย่างกรายเข้ามาในบ้านเพียงวินาทีเดียวเพื่อมาเอาของก็ตาม
และคำพูดที่เขาให้เธอคือ
“ ออกไปให้พ้นหน้าผม แล้วอย่ามาเสนอหน้าอีก "
" เธอรู้มั้ยว่าตัวเองน่ารังเกียจไร้ค่าแค่ไหน "
" ผมเกลียดผู้หญิงประเภทคุณที่สุดออกไปให้ห่างจากตัวผม ”
ทุกครั้งเธอได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาสุดท้ายเขาโยนใบหย่าลงตรงหน้าเธอพร้อมกับเอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ ถ้าเธอยังอยากให้ฉันดีต่อเธอก็เซ็นชื่อลงบนใบหย่าซะ ”
ครั้งนี้เหมือนความอดทนของเธอเริ่มจะหมดลง มันก็สมควรแล้วเธอไม่ใช่คนดีอะไรนักเธอเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อและหัวใจเธอจึงพูดตอบโต้ไปว่า
“ ฉันไม่อย่า คุณอยากหย่าคุณก็ไปคุยกับคุณปู่เอง ”
เธอต้องการยั่วโมโหเขาแต่เธอคาดไม่ถึงว่าคำพูดเพียงแค่นั้นเขาถึงกับตบหน้าเธอด้วยความโมโห
“ ชิชาเธอคิดว่าเธอเป็นใครกันถึงกล้าเอาคุณปู่มาขู่ฉัน ”
แววตาเกรี้ยวกราดและน้ำเสียงดุดันของเขาทำให้รู้สึกกลัวมาก
สีหน้าทะมึงทึงแววตาราวกับปีศาจร้ายจ้องมองใบหน้าของเธอราวกับจะฆ่าทิ้งให้ได้
เธอจับไปที่แก้มของตัวเองด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ
มองหาร่องรอยของความรู้สึกผิดในแววตาของเขา แต่กลับไม่พบเลย