ตอนที่ 4 ฤกษ์งามยามดี
ขณะที่ทั้งคู่สนทนากันอย่างมีความสุขตรัยคุณกับมิตาก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของชิชา
แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันไปโดยไม่รบกวน
ตรัยคุณได้ยินทุกอย่างตั้งแต่ที่ชิชาบอกว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องไปมีครอบครัว
จนถึงบอกว่าเธอกำลังจะไปฝรั่งเศสวันนี้
เขามองชิชาที่พูดด้วยรอยยิ้มสดใส ในใจเขารู้สึกหวิวๆไม่น้อย
แต่เขาก็ไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้า มิตาที่ยืนควงแขนเขา
กลับยิ้มเยาะขึ้นจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม
แต่ภายใต้ความสวยงามนั้นแฝงร้ายกาจไว้
คุณปู่ลู่อึ้งไปมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสของชิชา
แล้วมองไปทางคุณพ่อจอร์นคุณแม่มารี
ราวกับมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม
ว่าที่มาวันนี้เพื่อมาแสดงความยินดีพร้อมกับมา
บอกลาเขาใช่มั้ย แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
เขารู้สึกใจหายเมื่ออยู่ๆชิชาที่เขารักดุจหลานสาวแท้ๆจะไปจากเขา
เขารู้ว่าเพราะสาเหตุใด แม้ชิชาจะยิ้มราวกับไม่มีอะไร
แต่เขาก็คิดว่าเธอแค่ฝืนใจยิ้มกลบเกลื่อนความเสียใจเท่านั้น
เขาโกรธหลายชายมาก แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเขาทำเพียงยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“ จ้ะ! งั้นปู่จะโทรหาบ่อยๆนะ ”
“ ค่ะ ”
ชิชาเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วเข้าไปกอดคุณปู่ลู่
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่คุยกันจบลงแล้ว ตรัยคุณก็เอ่ยทักทายพ่อแม่ของชิชาอย่างเคารพ
“ สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานของพวกเรานะครับ ”
“ จ้ะ ขอแสดงความยินดีกับหลานทั้งสองจากนี้ไปก็ดูแลกันดีๆนะ ”
คุณหญิงมารีพูดพร้อมรอยยิ้มจากนั้นคุณผู้ชายจอร์นก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ ยินดีด้วยนะหลานชาย ขออวยพรให้รักกันนานๆดูแลกันดีๆมีลูกมีหลานให้คุณท่านลู่เยอะๆนะ ”
" ครับ "
ตรัยคุณเอ่ยตอบรับด้วยรอยิ้มอ่อนๆ
แต่งงานทั้งทีตรัยคุณกลับรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เขารู้สึกว่าทั้งที่เป็นงานมงคลของเขาแต่เขากลับเหมือนถูกคนใกล้ตัวทอดทิ้ง
ไม่ให้ความสำคัญและตีตัวตัวออกห่างจากเขาไปทีละคนๆ
ลึกๆเขารู้สึกไม่พอใจชิชาที่เป็นตัวก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้
เขาคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธอคุณลุงคุณป้าคงไม่ไปต่างประเทศในวันสำคัญของพวกเขาเช่นนี้
และคุณปู่คงไม่โกรธเขาจนลงไม้ลงมือกับเขาอย่างรุนแรงจนหน้าเขาบวมแดง
ถึงขนาดต้องใช้รองพื้นปกปิดรอยนิ้วมือ
ชิชาหันมามองตรัยคุณกับมิตาด้วยรอยยิ้มอันสดใสแล้วเอ่ยขึ้น
" ชิชาขอแสดงความยินดีกับพี่ไตรกับคุณมิตาด้วยนะคะ "
แววตาสวยของชิชาเป็นประกายใบหน้าเรียวเล็กได้รูปนั้นงดงามหมดจด
บริสุทธิ์อย่างแท้จริงซึ่งแสดงถึงความจริงใจที่ออกมาจากใจ
จากนั้นเธอก็มองไปยังมิตาแล้วเอ่ยต่อว่า
“ คุณมิตาฉันขอเรียกคุณว่าพี่มิตาเหมือนกับพี่ไตรนะคะ ”
มิตาแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนมองดูใบหน้าสวยหมดจดด้วยความอิจฉาริษยาในใจ
“ ได้จ้ะ เรียกยังไงก็ได้ ยังไงฉันก็อายุมากกว่าและกำลังจะกลายเป็นภรรยาของไตรแล้ว
คุณเป็นน้องสาวของเขาก็เหมือนกับเป็นน้องสาวฉันเช่นกันค่ะ ”
เธอเน้นที่คำว่าภรรยาทำให้คุณปู่ลู่ตาเขียวขึ้นมาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ
ชิชายิ้มอย่างเป็นมิตรให้เธอด้วยท่าทางไร้เดียงสาแล้วเอ่ย
“ ค่ะพี่มิตา ฉันขอให้พี่กับพี่ไตรรักกันมากๆดูแลกันตลอดเป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะคะ ”
“ จ๊ะ ”
มิตาเอ่ยตอบ พร้อมกับขยับแขนเรียวที่คล้องไว้แนบชิดกับแขนของตรัยคุณมากขึ้น
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ หวังให้ชิชาอิจฉา
ตรัยคุณจ้องมองไปยังชิชาอย่างเงียบๆ
นอกจากโกรธแค้นเธอในใจแล้วเขายังรู้สึกว่าเธอในวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย
และสวยขึ้นอย่างไร้ที่ติผิวดูขาวเนียนละเอียด
หุ่นเพรียวสวยเข้ากับชุดที่เธอใส่
ผมที่รวบตึงเสริมให้บุคลิกเธอดูดีมีความมั่นใจสวยธรรมชาติแบบไม่ต้องเติมแต่ง
เมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบๆ มีสายตาผู้ชายมากมาย
ต่างจับจ้องมาที่ชิชาอย่างกับหมาป่าคอยจับตามองเหยื่อตรงหน้า
แล้วเขารู้สึกแปลกๆขึ้นมาแวบหนึ่งแต่ว่าที่ภรรยาข้างกายเขาก็สะกิดมือเขาเล็กน้อย
ให้เขาได้สติไม่เหม่อลอยแบบนี้ และเธอก็แสดงท่าทีไม่พอใจตรัยคุณออกมาทางสายตา
ชิชามองดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือก็พบว่าจวนจะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว
จากนั้นเธอก็มองไปที่คุณพ่อคุณแม่ของเธอ
แล้วเอ่ย
“ คุณพ่อคุณแม่คะใกล้จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วเราไปกันเลยมั้ยคะ ”
พ่อจอร์นกับแม่มารียิ้มอย่างอ่อนโยนพยักหน้าให้ลูกสาวเบาๆแล้วเอ่ย
“ จ้ะ ”
จากนั้นชิชาก็หันมาทางคุณท่านลู่แล้วเอ่ยลา
“ คุณปู่ข๋างั้นหนูกับคุณพ่อคุณแม่ไปก่อนนะคะ "
" อืม เดินทางปลอดภัยนะ รักษาตัวด้วย "
" ค่ะ "
เธอพยักหน้าพร้อมกับตอบรับ
จากนั้นก็หันไปทางตรัยคุณกับมิตาแล้วเอ่ย
" พี่ไตรพี่มิตาฉันไปก่อนนะคะ ”
“ พวกเราไปนะคะคุณท่านลู่ ”
คุณหญิงมารีเอ่ยลา จากนั้นคุณผู้ชายจอร์น
ก็เอ่ยตาม
“ รักษาตัวด้วยนะครับคุณท่านลู่ ”
จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากงานแต่งของตรัยคุณไป
คุณท่านลู่มองไปยังหลานชายด้วยสีหน้าโกรธเคือง
ก่อนหน้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากคุณหญิงมารี
ทันทีที่วางสาย
เขาก็ตบไปที่ใบหน้าของหลานชายฉากใหญ่ด้วยความโมโหแล้วต่อว่าชุดใหญ่อีกครั้ง
“ แกเห็นผลงานของแกหรือยังฉันเลี้ยงแกมาคิดว่าแกจะฉลาด
มองอะไรทะลุปรุโปร่งบ้างแต่แกกลับโง่ทิ้งเพชรเม็ดงามเลือกก้อนกรวดที่ไร้ค่ากลับมา ”
แกมันโง่หลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น เลี้ยงแกมาเสียข้าวสุกจริงๆ
แกมองไม่ออกหรือว่าแกตาบอด อยากจะเลี้ยงลูกคนอื่น ”
คุณท่านลู่โกรธจนตัวสั่นแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงกร้าวและดุดัน
“ หลังจากตบแต่งกันเสร็จแล้วพวกแกสองคนไสหัวไปให้ไกลๆจากสายตาฉันอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ”
ได้ยินดังนั้นตรัยคุณก็เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
“ คุณปู่! รู้ตัวมั้ยว่าคุณปู่พูดอะไร พวกเรารักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จิตใจคนเรามันบังคับกันไม่ได้หรอกครับผมกับ
ชิชาเราเป็นแค่พี่น้องกัน ผมไม่เคยคิดกับเธอฉันชู้สาวเลย ”
จากนั้นตรัยคุณก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสุขุมอย่างไม่ยอม
“ มิตาเธอไม่ดีตรงไหน เธอทั้งเก่ง ทั้งช่วยงานผมเธอปฏิบัติตัวดีมาตลอด คุณปู่อคติกับเธอเกินไป ”
ได้ยินดังนั้นคุณท่านลู่ก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า
" ตรัยคุณ ฉันหวังว่าสักวันแกจะตาสว่าง
และตาสว่างในวันที่ไม่สายเกินไป "
ตรัยคุณเอ่ยอย่างผิดหวังและเหนื่อยใจ
“ คุณปู่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยที่ผ่านมางานในบริษัทมีมิตาที่คอยช่วยผมแก้ปัญหาอยู่ตลอด
มีเพียงเธอเท่านั้นที่คู่ควรจะยืนเคียงข้างผม ”
พูดยังไงหลานชายก็ไม่เข้าใจ คุณท่านลู่โกรธจนตัวสั่นจึงง้างมือตบลงไปบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นอีกครั้ง
บนใบหน้าของตรัยคุณปรากฏรอยนิ้วมือและเริ่มบวมแดงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไหนแต่ไรมาตรัยคุณไม่เคยเถียงไม่เคยต่อปากต่อคำ เชื่อฟังคุณท่านลู่อย่างเงียบๆมาตลอด
มาวันนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียวกลับปกป้องเธอถึงกับยอมทะเลาะกับคุณท่านลู่อย่างใหญ่โต
เหล่าสาวใช้และพ่อบ้านต่างตกตะลึง
รับรู้ได้ถึงความสำคัญของมิตา ว่าในหัวใจคุณชายของพวก เธอนั้นว่าสำคัญขนาดไหน
และรับรู้ว่าคุณท่านลู่ไม่ยอมรับหลานสะใภ้
ในอนาคตคนนี้มากแค่ไหน
ถึงขนาดลงมือกับหลานชายหัวแก้วหัวแหวน
และพวกเขาก็รู้ว่ามีเพียงคุณหนูชิชาที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้นเท่านั้นที่อยู่ในใจคุณท่านลู่
แต่น่าเสียดายคุณชายของพวกเขากลับไม่แยแสไม่เหลียวและไม่ใส่ใจเธอเหมือนเมื่อสมัยเด็กแล้ว
มื่อทั้งสามคนจากไปมิตาก็หันไปมองตามแผ่นหลังของทั้งสาม
แล้วยกมุมปากขึ้น ความร้ายกาจที่ซ่อนไว้ใต้นัยน์ตาดำขลับแวบผ่านเข้ามา
แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวาน แล้วหันไปยิ้มให้แขกในงานต่อ
เมื่อได้เวลาฤกษ์งามยามดี ผู้คนก็ค่อยๆเข้ามาในห้องพิธี
ผู้เป็นเจ้าของงานยิ้มอย่างมีความสุขท่ามกลางแขกและนักข่าวจากหลายสำนัก
ทั้งสองกำลังจะสวมแหวนให้กัน บนใบหน้าประดับรอยยิ้มอันชื่นมื่น เต็มไปด้วยความสุข