ตอน "แค่เด็กฝึกงาน" 4
“ฉันเป็นเจ้านายของเธอ ฉันจะดูแลลูกน้องของฉันเอง”
ทนไม่ไหวจึงเดินไปดักหน้าพนักงานหนุ่ม เสียงเข้มและใบหน้าอันเกรี้ยวกราดของเจ้านายที่ตัวสูงหนาใหญ่ อีกทั้งยังมีอำนาจเหนือกว่า ทำให้ชินกรไม่กล้าที่จะแข็งข้อ ยอมให้ภานุวัฒน์เป็นคนอุ้มหญิงสาวที่หมดสติไร้ชีวิตชีวา
“อะ ครับ” ชายหนุ่มจำต้องตัดใจ
“นายจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องห่วงแพรพรรณหรอกนะ ฉันจะจัดการเอง”
พูดจบก็อุ้มเมียแนบอกเพื่อพาเข้าไปห้องทำงานของตัวเอง หัวใจเต้นโครมครามๆ กลัวน้องน้อยจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้
ภานุวัฒน์ก้มมองใบหน้าซีดเซียว อยากจะใช้ร่างกายเช็ดชำระคราบกลิ่นกายของไอ้เด็กหน้าอ่อนนั่นออกจากผิวกายของน้องน้อยเสียเหลือเกิน สีหน้าเจ็บปวดไม่อาจแสดงออกมาเมื่อต้องปกปิดสิ่งซ่อนเร้นเอาไว้ ทั้งที่อยากจะตะโกนให้ทั้งโลกรู้ว่าหล่อนคือเมียเขา
“คุณภานุวัฒน์ จะพาแพรไปไหนครับ?”
ปัง!
เสียงปิดประตูห้องทำงานเป็นคำตอบจากคนที่มีอำนาจเหนือกว่า ชินกรได้แต่ยืนมอง เกาหัวและสงสัยว่าทำไมเจ้านายไม่พาแพรพรรณไปห้องพยาบาล…
“ปะ ปวดหัว” ร่างบอบบางที่ได้สติขยับยกมือขึ้นกุมขมับ พยายามนึกทบทวนพร้อมทั้งกะพริบเปลือกตาชื้นแฉะหลายๆ ครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง เธอมองไปรอบห้องก็ต้องรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
“เป็นไงบ้าง” เสียงละเมอทำให้ภานุวัฒน์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพรมตรงข้างโซฟาถามออกมา เขาเฝ้ามองน้องไม่ยอมห่าง จึงได้มีโอกาสไล่สายตาสำรวจดวงหน้าหวานและรูปร่างผิวพรรณผุดผ่องอวบอั๋น หน้าอกหน้าใจอวบอิ่มคับเสื้อจนทำให้ชุดนิสิตที่ใส่อยู่กระดุมหลายเม็ดปริออกจากกัน
“ทะ ทำไมแพรมาอยู่ที่นี่คะ?” ถึงจะมึนตื้อที่หัวแต่ก็ต้องรีบลุกนั่ง แพรพรรณรีบขยับขาหนี นั่งพับเพียบบนโซฟานอนเมื่อมือใหญ่คอยแต่ลูบไล้ ดวงตากลมโตยังคลอน้ำตา สายตาระแวงมองไปรอบห้อง นี่ถ้ามีใครมาเห็นคงจะทำให้เขาเสียหายแน่เลย
“บอกพี่สิ แพรเป็นอะไร?” สรรพนามและคำพูดหวานหู รวมถึงสัมผัสอ่อนโยนทำให้หญิงสาวที่หวาดหวั่นกลัวใครต่อใครเห็นนั้นหันขวับมามองหน้าเขาทันที
“แพรมาอยู่ในห้องทำงานของคุณภานุวัฒน์ได้ไงคะ?” มองหน้าเขาแล้วหันไปมองประตูที่ถูกปิดลงกลอนอย่างดี แม้แต่ผ้าม่านหน้าต่างก็ถูกเลื่อนปิดจนมองไม่เห็นแม้เงาของคนด้านนอก แพรพรรณได้แต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้น จำได้ว่านั่งคุยอยู่กับพี่ชินกรก่อนหน้า
“แพรยังไม่บอกพี่เลยนะ แพรเป็นอะไร?” ภานุวัฒน์ขยับตัวเข้าไปนั่งชิดขอบโซฟา แขนกำยำข้างซ้ายสอดเข้าสีข้าง โอบกอดรอบเอวคอดกิ่ว ส่วนมืออีกข้างยื่นเข้าไปจับปลายคางน้อยให้หันมามองตากัน
“พะ แพรไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่เวียนหัว” ถึงจะยังไม่มีแรงก็ขยับตัวดันวงแขนแกร่งออกจากเอว แววตาของเธอนั้นมีน้ำตาคลอจนแพขนตายาวงอนสั่นไหวระริกเมื่อก้มหน้า เหลือบมองเขา
“เวียนหัว? ตัวก็ไม่ร้อนนี่” ครั้งนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟา เขาจับน้องน้อยให้หันมาเผชิญมองตากัน มือเรียวใหญ่แตะสัมผัสบนผิวหน้าผากแผ่วเบา แล้วเลื่อนนิ้วโป้งไล่ไปตามผิวนุ่มตรงใต้ขอบตาเพื่อเช็ดน้ำอุ่นใสออกให้
“ก็บอกแล้วไงคะ แพรไม่ได้เป็นอะไร” ดันมือเขาออกแล้วคลานหนี พร้อมทั้งพยุงตัวลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังมีความรู้สึกเหมือนจะคลื่นไส้อยากอาเจียน
“แพรจะไปไหน นอนพักเถอะ” ภานุวัฒน์รีบคว้าร่างน้อยไว้ เขาอุ้มให้หญิงสาวนั่งทับบนตัก วงแขนแข็งแรงก็กอดเธอไว้แน่นด้วยความโหยหา คิดถึงร่างบางเนียนนุ่มตลอดทั้งวัน
“คุณภานุวัฒน์ ปล่อยแพรค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” จิตใจของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ นี่เธออยู่ในฐานะอะไรกันแน่ ทำไมต้องแอบพบกันอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้
“หยุดเรียกพี่ว่าคุณได้แล้ว พี่ได้ยินแล้วมันรู้สึกว่าเราสองคนช่างดูห่างเหินกันเหลือเกิน”
คนตัวน้อยได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้า ดวงตากลมโตพร่ามัวนั้นคลอไปด้วยน้ำใสๆ มองหลอดยาดมของตัวเองที่อยู่ในมือ ภานุวัฒน์จับแขนสลวยทั้งสองข้างให้กอดลำคอของตนไว้ แล้วออกคาถาร่ายมนตร์สะกดจิตด้วยคำหวานปานน้ำผึ้ง ผสมสัมผัสของริมฝีปากหยักที่พรมจูบไปตามพวงแก้มหอม พร่ำปลอบขวัญอย่างอ่อนนุ่ม
“ไม่ให้แพรเรียกคุณ คุณจะให้แพรเรียกพี่เหรอคะ” แพรพรรณพยายามขยับตัวนั่งหันหลังให้ชายหนุ่ม ใบหน้างามเบี่ยงหนี ไม่อยากให้เขาได้สัมผัสน้ำตาที่ไหลรินอาบพวงแก้ม
“ก็ใช่สิครับ เรียกสิ พี่วัฒน์” คนหน้ามึนส่งเสียงหื่นกระซิบชิดซอกคอระหงหอมกรุ่น ริมฝีปากร้อนระอุไล่เม้มดูดติ่งหูน้อย ปลายจมูกโด่งคมสันก็ออกแรงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนบนผิวด้านหลังของแม่กวางน้อยที่ยังมีเสื้อเชิ้ตสีขาวปิดกั้น
“มะ ไม่กลัวคนอื่นรู้เหรอคะ?” หญิงสาวสะท้านครางเสียงโหย ทุกอุณหภูมิของผิวนิ่มเต้นตุบตับไปตามรอยสัมผัสอันอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน
“เดี๋ยวนี้ทำไมเมียพี่ชอบดื้อ พูดไม่รู้เรื่อง และชอบพูดประชดประชันจังฮะ” เขาตวัดอุ้มร่างบางให้นอนหงายลงไปบนฟูก ส่วนตัวเองก็โน้มลงกึ่งนั่งกึ่งนอนคร่อมทับไว้ โดยใช้ข้อศอกทั้งสองข้างค้ำยันพื้นโซฟาขนาบกักขังเธอ มือหนวดปลาหมึกทั้งสองข้างก็ไต่เป็นตัวปูไปตามผิวข้างแก้มและเรียวปากบาง
