
บทย่อ
ดวงจันทร์เต็มดวง แต่มีเมฆสีดำเคลื่อนตัวมาบดบังจึงเหลือเพียงครึ่งซีกส่องแสงไม่เต็มที่ เหมือนหัวใจขาดแหว่ง ความรักล้มเหลวของหญิงนางหนึ่งที่ยืนมือเกาะลูกกรง ไม่มีสักครั้งที่จะหยุดหัวใจของตัวเองไม่ให้รักและคิดถึงเขา“พี่วัฒน์ขา แพรคิดถึงพี่เหลือเกิน พี่รู้ไหมคะ ลูกสาวของเราหน้าตาเหมือนพี่มาก” ดวงตากลมโตชื้นน้ำใสๆ มองท้องฟ้าดำทมิฬ จะสว่างก็ต่อเมื่อฟ้าแลบเปรี้ยงๆ ดังอยู่สุดขอบฟ้า แพรพรรณยกมือประคองกุมความร้าวระบมเจ็บ เพราะหัวใจของหล่อนเป็นแผลกลัดหนองเรื้อรังมาเป็นปีๆ “คุณแม่ขา” เสียงของลูกสาวดังทำให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตื่นจากภวังค์รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มแล้วเดินเข้าไปหาลูก แพรพรรณคลานขึ้นเตียงแล้วล้มตัวนอนลงข้างปลายเท้าของยายหนู“เจ้าหญิงของแม่ นอนได้แล้วนะคะ” มือเรียวสวยยื่นเข้าไปจับนิ้วเท้าน้อยทั้งห้า“หม่อนยังไม่ง่วงค่ะ” หนูน้อยแพรไหมผงกศีรษะมองมารดา แล้วหันไปสนใจสิ่งของในมือ นิ้วมือก็เลื่อนภาพในโทรศัพท์“ดูอะไรคะ นางฟ้าของแม่ ไหนแม่ขอดูหน่อยสิคะ” เรียวปากอิ่มบรรจงจูบลงกลางเท้าที่เคยหอมดมตั้งแต่เท้าน้อยนี้เท่าฝาหอย“แม่ขา คุณลุงคนนี้ใครคะ?” หนูน้อยแพรไหมขยับตัวลุกนั่งคลานขึ้นไปนอนทับบนตัวของคุณแม่แล้วเอาภาพของชายหนุ่มให้คุณแม่ดู“ดึกมากแล้ว นอนนะคะ” ดวงตากลมโตคลอน้ำตาสั่นระริกเมื่อเห็นภาพนั้นด้วยความขื่นขม แพรพรรณไม่อาจหาคำตอบและบอกลูกได้ว่าคนในโทรศัพท์นั้นเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด“ทำไมลุงหน้าไม่เหมือนลุงกรานต์เลยคะ?” หนูน้อยยิ้มยิงฟัน มองภาพของผู้ชายตัวใหญ่ในมือถือ“เก็บโทรศัพท์ได้แล้วนะคะ” ปากคอสั่นยามลูกถามเรื่องของคนในรูป ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่คุณแม่คนสวยไม่รู้จะเอ่ยบอกลูกอย่างไรดี“คุณแม่ขา”“คะ?”“พรุ่งนี้ให้หม่อนไปด้วยนะคะ”“แม่ต้องทำงานนะคะ หม่อนจะไปได้ไงคะ”“หม่อนอยากไปทำงานกับคุณแม่ค่ะ”“เป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่นะคะ” ใบหน้าเศร้าลงมองหน้าลูก เธอสงสารลูกจับหัวใจ ทุกวันเสาร์ต้องตื่นแต่เช้ามืดขึ้นรถเมล์ไปทำงานด้วยกัน เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เพราะหล่อนไม่อยากฝากลูกให้ใครที่เธอไม่รู้จักดูแลให้“หม่อนเป็นเด็กดีค่ะ หม่อนจะหลับตาแล้วค่ะ” แหงนหน้าให้แม่ดู ดวงตาที่หลับนั้นดิ้นหยุกหยิกๆ “ชื่นใจของแม่” แพรพรรณมองหน้าลูก เรียวปากบางยิ้มชิดแพขนตายาวงอนไหวระริกที่เด็กหญิงตัวน้อยแกล้งทำเป็นหลับตา“คิก แม่ขา หม่อนยังไม่ง่วง หม่อนอยากฟังคุณแม่เล่านิทานค่ะ” หัวเราะชอบใจเมื่อแม่พรมจูบไปตามดวงหน้าและลำคอ หนูน้อยเกลือกกลิ้งคลานหนีไปหยิบหนังสือหลายเล่มมาให้คุณแม่“อยากให้แม่อ่านเรื่องไหนคะ?” แพรพรรณขยับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอน แผ่นหลังบางพิงหัวเตียง แขนข้างหนึ่งเป็นหมอนให้ลูกหนุน“คนแคระทั้งเจ็ดค่ะ” หนูน้อยวัยสามขวบยังไม่ยอมเลิกที่จะดูดนมของแม่ ร่างป้อมนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาทรวงอก แขนขายกขึ้นพาดลำตัวบอบบาง มืออีกข้างก็สาละวนปลดกระดุมเสื้อนอนของแม่ให้แยกออกจากกัน แพรไหมยิ้มยิงฟันตาลุกวาวมองทรวงอวบขาวแล้วรั้งบราสีเนื้อถลกขึ้น เรียวปากจิ้มลิ้มอมเม็ดบัวสีชมพู เสียงดูดนมจากทรวงของมารดาดังแข่งกับเสียงของแม่ที่อ่านนิทานอย่างไพเราะ เหมือนเป็นเสียงเพลงกล่อมให้หนูน้อยผู้แสนอาภัพกำพร้าบิดาเคลิ้มหลับลงอย่างแสนง่ายดาย“แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังหนู เขาเป็นพ่อของลูกค่ะ เราอย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายครอบครัวอบอุ่นของเขาเลยนะคะ คิดเสียว่าเขาตายจากเราไปแล้ว” เสียงกระซิบสั่นเครือชิดกระหม่อมบาง อดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไว้จนขอบตาแดงช้ำ เธอผงกหัวขึ้นมองเมื่อลมหายใจของลูกผ่อนคลายหายใจสม่ำเสมอ แพรพรรณขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาลูกรัก“เรามีสิทธิ์ได้แค่มองเขาแค่นี้ก็พอแล้วนะลูกแม่” คนช้ำรักดวงหน้าเศร้าหมองเจ็บปวดหัวใจเมื่อนึกถึงอนาคตของลูก ดวงตากลมโตคลอน้ำตาเหลือบขึ้นมองเสื้อของชายหนุ่มที่พวกหล่อนใช้นอนกอดแทนตัวตนของเขา…
บทที่1 ตอน "เลี้ยงเด็ก" 1
๑
เลี้ยงเด็ก
ณ จังหวัดเพชรบูรณ์...
ยังมีโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอผลิตผ้าไหมขนาดใหญ่ สร้างตรงกลางที่ดินนับพันไร่ ด้านนอกตัวตึกล้อมรอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงาน รวมทั้งลานจอดรถสำหรับลูกค้าที่เข้ามาดูงานหรือเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่ขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วโลก
ตึกสูงเก้าชั้นปลูกชิดภูเขาสร้างอย่างทันสมัยสไตล์โมเดิร์น ด้านล่างแปดชั้นทำเป็นออฟฟิศ ซึ่งเจ้าของกิจการได้แบ่งชั้นบนสุดทำเป็นห้องพักส่วนตัวและเป็นเขตหวงห้ามสำหรับพนักงานทุกคน แม้แต่แขกคนสำคัญก็ไม่อาจขึ้นไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องเสียก่อน
เวลาเช้าตรู่แบบนี้ของทุกวันบนห้องนอนโอ่อ่าสุดหรู ยังมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แม้เขาจะมีอายุถึงสี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าคมสันหล่อแบบฉบับไทยแท้ก็ใช่ว่าจะมีริ้วรอยตามวัยให้เห็นมากนัก
เจ้าของร่างกำยำใช้สีข้างยืนพิงขอบประตูบานเลื่อน ดวงตาสีเข้มคู่นั้นทอดมองดูความสำเร็จในชีวิตผ่านกระจกบานใส อันเป็นป้ายชื่อบริษัท ‘วิบูรณ์รักษ์ผ้าไหมไทย’ ซึ่งตั้งตระหง่านสูงใหญ่อยู่ด้านหน้าโรงงาน และมองเลยออกไปทางด้านหน้าซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และความเขียวขจีของต้นใบหม่อนจากฝีมือลูกน้องหลายร้อยคนที่ช่วยกันปลูกเป็นแถวเรียงรายเต็มเนื้อที่นับพันไร่นั้น
‘ภานุวัฒน์’ ละสายตาจากด้านนอก หันหน้าอันอิ่มสุขมองร่างบอบบางที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงคิงไซซ์สิบสองฟุต ชายหนุ่มกลืนน้ำลายผสมควันบุหรี่ลงคอเสียงดังเอื้อก จนทำให้หญิงสาวผงกศีรษะจากหมอนหันไปมองแล้วรีบหลบสายตาคมปลาบ เรียวมือสั่นไหวดึงเอาผ้าแพรผืนใหญ่เนื้อดีขึ้นมาปกปิดแผ่นหลังร้อนผ่าวของตัวเอง เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันร้อนแรงของชายตัวโตที่ยืนเป็นชีเปลือย มีเพียงบอกเซอร์สีดำตัวเดียวที่เขาใส่ปกปิดร่างกายกำยำ
“เด็กน้อยขี้เซา ตื่นแล้วก็หันหน้ามาคุยกันหน่อยสิครับ”
ภานุวัฒน์ยืนอัดควันบุหรี่เข้าปอดผสมกับการจิบกาแฟรสขม แววตาหื่นกระหายเหลือบมองร่างแน่งน้อย เท้าใหญ่ก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนชิดขอบเตียงแล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงข้างแม่กระต่ายน้อยแสนงาม
“กิ กี่โมงแล้วคะ?” ‘แพรพรรณ’ หญิงสาวหน้าสวยหวานวัยยี่สิบปีขยับร่างขาวผ่องหนี เมื่อปลายจมูกเรียวสันที่เชิดรั้นนิดๆ ได้กลิ่นกาแฟผสมกับกลิ่นบุหรี่ หลบความเขินอายด้วยการซุกหน้าลงบนหมอนใบใหญ่
“แปดโมงเช้าแล้วครับสาวน้อย” แขนแข็งแรงค้ำยันฟูกนุ่มขนาบร่างหอมกักขังหล่อนไว้ ใบหน้าคมคายโน้มเข้าหา แล้วเอ่ยเสียงกระซิบแหบแห้งสั่นพร่าชิดแผ่นหลังขาวผ่องราวกับน้ำนม สาวเจ้าขนกายลุกซู่ ทั้งร่างสะท้านซ่านเมื่อริมฝีปากหนาไล้พรมจูบสัมผัสผิวนุ่มนิ่มบนแผ่นหลัง
แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ทำให้เป็นกังวล กลัวว่าชายหนุ่มจะเคืองว่าไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก แพรพรรณก็เกิดความกระตือรือร้นดันร่างโตที่กึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่บนตัวเธอออก
“อะไรนะคะ! แปดโมงเช้าแล้วเหรอ ทำไมพี่วัฒน์เพิ่งมาปลุกแพรล่ะคะ”
“นอนต่อเถอะครับ”
ภานุวัฒน์ถูกมือเล็กนั้นผลักให้ลงไปนอนทับที่เก่าของหญิงสาว เขาผงกศีรษะขึ้นมองแผ่นหลังขาวอมชมพู อดใจไม่ไหวจึงยื่นมือเข้าไปเกี่ยวเส้นผมเงางามพร้อมทั้งลูบผิวนุ่มนิ่มไปด้วย
“แพรตื่นสายอีกแล้ว ทำไมพี่วัฒน์ไม่ปลุกแพรคะ ถ้าออกไปตอนนี้ มีหวังได้เป็นขี้ปากคนงานแน่เลย” เป็นเพราะชายหนุ่มแสดงอาการไม่อยากจะให้ใครต่อใครรับรู้ว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกันแล้ว เธอจึงต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
“แพรครับ” ภานุวัฒน์ดีดตัวลุกนั่ง เขาขยับตัวเข้าไปนั่งซ้อนด้านหลังของหญิงสาว แขนทั้งสองข้างก็สอดเข้าโอบกอดเอวคอดไว้ด้วยความหลงใหล
“พี่วัฒน์ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะ แพรจะรีบไปแต่งตัว สงสัยคนงานพากันเข้ามาในบริษัทแล้วแน่เลย ตายๆ แพรจะทำยังไงดีคะ ถ้ามีคนมาเห็นแพรในสภาพนี้” ใจเล็กร้าวรานเจ็บหน่วงเมื่อนึกถึงตำแหน่งตัวเอง ตอนกลางวัน เธอจะเป็นเพียงเด็กฝึกงานที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด แต่พอตกเย็นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคนสำคัญและเป็นคนที่เขาพร่ำบอกว่า ‘แพรคือคนที่พี่รัก’
“พี่ไม่ให้แพรไป วันนี้วันหยุด แพรอยู่กับพี่นะ”
ดวงหน้าหล่อซบลงบนไหล่บางพร้อมทั้งกระซิบเสียงนุ่มทุ้มชิดติ่งหูขาว ภานุวัฒน์รั้งคนตัวน้อยให้หันหน้ามาเผชิญ แล้วดันให้แม่กระต่ายน้อยนอนลงบนเตียงที่เดิม ส่วนตัวเขาก็โถมทับกักขังเธอไว้ด้วยร่างกายใหญ่โต
