ตอน "เลี้ยงเด็ก" 2
“อย่าค่ะ แพรระบมไปหมดทั้งตัวแล้วนะ” เป็นเพราะรักใช่ไหม เธอถึงทนที่จะเชื่อฟังคำพูดของเขาทุกอย่าง ถึงแม้บางครั้งจะต้องเจอกับสายตาหมางเมินของชายหนุ่มในยามอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ดูหนังฟังเพลงกันนะครับ” เสียงเข้มกระซิบชิดเรียวปากบางก่อนประกบจูบ ปลายจมูกคมสันไซ้ดอมดมไปตามพวงแก้มแล้วย้อนกลับมาพรมจูบเพื่อลงทัณฑ์อีกครั้ง ลิ้นหนาปาดแยกเรียวปากบางให้เผยแย้มออก เขาดันลิ้นแหวกคว้านตวัดหยอกล้อเรียวลิ้นน้อยที่คอยแต่จะย่นหนี บ้างสู้บ้างถดถอยเป็นครั้งคราว สร้างความรู้สึกเสียวซ่านให้โคแก่ที่พยายามหลอกล่อคอยแต่จะกินเนื้อกวางน้อยทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิด
“จะ จะดีเหรอคะ ถ้าใครเห็นเราสองคนแบบนี้บ่อยๆ พี่วัฒน์จะทำยังไงคะ?” เสียงหวานสั่นระริกเมื่อโดนริมฝีปากหยักปิดกั้น แพรพรรณต้องรีบดันหน้าของเขาออกเมื่อเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ
“ก็บอกว่าแพรเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทน่ะสิครับ” ภานุวัฒน์กระตุกยิ้ม พูดทีเล่นทีจริง เขาทำสายตากรุ้มกริ่ม ยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวน้อย
“แพรเป็นได้แค่เด็กในโรงงานของพี่วัฒน์จริงๆ ใช่ไหม?” พูดเสียงอ่อย ไม่กล้าคิดที่จะอาจเอื้อมขอให้เขายกย่องเชิดชูเธอ
แพรพรรณน้ำตาจะไหลอาบแก้มโดยพลัน แล้วจึงผลักให้เขาออกห่างพร้อมทั้งลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ชายหนุ่มก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มทันที เมื่อแผ่นหลังสัมผัสถึงไอร้อนบนผิวหน้าอกของคนตัวโต
“แพรครับ พี่แค่พูดเล่นเฉยๆ” คนตัวใหญ่ยังไม่หายหื่น กระหายหิวอยากกินเนื้อกวางน้อยเสมอ เมื่อได้กลิ่นสาบสาวก็ยิ่งทำให้โคแก่อย่างเขามีแรงแข็งขันพร้อมที่จะสู้รบตลอดเวลา
“จะพูดเล่นหรือพูดจริง แพรก็รู้ฐานะของตัวเองดีค่ะ”
แพรพรรณนั่งก้มหน้ามองมือทั้งสองข้างที่อยู่บนหน้าตัก น้ำตาก็ไหลคลอหน่วย นึกน้อยใจโชคชะตาชีวิตของตัวเองที่เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด โชคดีที่ได้อาศัยใบบุญของป้าแท้ๆ ชุบเลี้ยง แต่พอโตเป็นสาวแรกแย้มก็ไม่อาจทนที่จะอยู่ร่วมกับป้าได้ เพราะเธอไม่ต้องการเป็นเมียน้อยของลุงผู้เป็นสามีของป้า จึงต้องหนีออกมาเช่าห้องอยู่ข้างนอก หารายได้จากการขายดอกไม้ในตลาดสดใกล้ที่พักเพื่อส่งเสียตัวเองให้ได้เรียนหนังสือ
“หือ นี่งอนพี่อยู่ใช่ไหมครับ?” เสียงสูดน้ำมูกของหญิงสาวทำให้ใบหน้าเข้มที่ซบอยู่บนหัวไหล่ผ่องต้องเงยขึ้น เขาเอียงหน้ามองพวงแก้มด้านข้างของสาวเจ้า ภานุวัฒน์ปลอบขวัญน้องน้อยโดยการเม้มติ่งหูพร้อมทั้งใช้วงแขนแข็งแกร่งกอดกระชับเอวคอดกิ่วเอาไว้ มือใหญ่ก็ลูบผิวหน้าท้องแบนราบ นึกไปไกลว่าอยากให้มีสิ่งมีชีวิตหญิงหรือชายก็ได้บังเกิดขึ้นมาในนี้
“แพรเหนื่อยค่ะ แพรจะกลับห้อง” ทำเสียงที่ดูจะสั่นนั้นให้เป็นปกติมากที่สุด แล้วแกะมือหนาออก พร้อมทั้งขยับตัวคลานหนีไปนั่งชิดตรงขอบเตียง
“ไม่เอาน่า อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ ที่คุยไม่รู้เรื่องสิครับ” เขาคลานตามน้องน้อยเข้าไปนั่งชิดด้านข้าง ใช้สองขาโอบร่างกึ่งเปลือยนั้นไว้
“พี่วัฒน์นั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจที่แพรพูดใช่ไหม แพรเหนื่อยแล้ว อยากกลับห้อง” ทำไมเธอจะต้องร้องไห้ให้เขาเห็นด้วยนะ
“แพร! นี่แพรเป็นเด็กหัวรั้น หัดดื้อกับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แพรดูไม่ออกเหรอ ว่าพี่รักแพรมากแค่ไหน รู้ไหมครับ ข้างในนี้มันเป็นของแพรคนเดียว” เขาอุ้มแม่กวางน้อยให้เข้ามานั่งทับบนหน้าตัก จับมือสวยขึ้นมาดม กุมมือเธอไว้ให้สัมผัสตรงผิวเปลือยเปล่าของหน้าอกด้านซ้าย
“พี่วัฒน์” เป็นเพราะหญิงสาวโหยหาความรักและต้องการคนดูแลทางใจและร่างกาย เมื่อเจอคารมอ่อนหวานที่เวลาชายหนุ่มพูดให้ความหวัง มันช่างอบอุ่น จึงทำให้หญิงสาวหลงใหล เชื่อใจเขาทุกครั้งไป
“ฟังดูสิครับ รู้ไหมว่าสี่ห้องหัวใจดวงนี้มีแต่แพรคนเดียว พี่รักแพรตั้งแต่วันแรกที่พี่เห็นแพรมาทำงานที่นี่ สาวน้อย เป็นเมียพี่ต้องเชื่อฟังพี่นะครับ” แขนข้างหนึ่งกระชับโอบกอดเอวคอดเล็กไว้หลวมๆ ส่วนอีกข้างก็รั้งให้ศีรษะของน้องน้อยแนบหูลงบนหน้าอกเพื่อฟังเสียงหัวใจดวงโตที่เต้นตึกตักๆ แข่งกับเสียงสะอื้นน้อยๆ ของเธอ
“อึกก” อ้อมแขนอบอุ่นและคำพูดไพเราะเสนาะหูทำให้สาวน้อยไร้ที่พึ่งทางจิตใจต้องสะอื้นไห้ออกมา ใบหน้าหวานอาบน้ำตายังซบอกแกร่งฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะของเข็มนาฬิกาที่หมุนเวียนไปตามกาลเวลา เสมือนชีวิตของเธอที่เดินอยู่ในมือของเขา ที่ชายหนุ่มอยากจะเหวี่ยงทิ้ง หรือจะเชิดชูนั้นก็สุดแล้วแต่ใจ แพรพรรณไม่อาจคาดเดาอนาคตของตัวเองได้เลย
“บอกพี่ให้ชื่นใจสิครับ ว่ากวางน้อยก็รักพี่” คนอยากกินเนื้ออ่อนเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม เขาดันร่างบอบบางให้นั่งมองหน้ากัน อยากจะสบตากลมโต เพื่อมองเข้าไปค้นหาบางสิ่งที่ต้องการจากแววตาหวานซึ้ง
