บทที่1 ตอน "เลี้ยงเด็ก" 1
๑
เลี้ยงเด็ก
ณ จังหวัดเพชรบูรณ์...
ยังมีโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอผลิตผ้าไหมขนาดใหญ่ สร้างตรงกลางที่ดินนับพันไร่ ด้านนอกตัวตึกล้อมรอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงาน รวมทั้งลานจอดรถสำหรับลูกค้าที่เข้ามาดูงานหรือเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่ขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วโลก
ตึกสูงเก้าชั้นปลูกชิดภูเขาสร้างอย่างทันสมัยสไตล์โมเดิร์น ด้านล่างแปดชั้นทำเป็นออฟฟิศ ซึ่งเจ้าของกิจการได้แบ่งชั้นบนสุดทำเป็นห้องพักส่วนตัวและเป็นเขตหวงห้ามสำหรับพนักงานทุกคน แม้แต่แขกคนสำคัญก็ไม่อาจขึ้นไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องเสียก่อน
เวลาเช้าตรู่แบบนี้ของทุกวันบนห้องนอนโอ่อ่าสุดหรู ยังมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แม้เขาจะมีอายุถึงสี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าคมสันหล่อแบบฉบับไทยแท้ก็ใช่ว่าจะมีริ้วรอยตามวัยให้เห็นมากนัก
เจ้าของร่างกำยำใช้สีข้างยืนพิงขอบประตูบานเลื่อน ดวงตาสีเข้มคู่นั้นทอดมองดูความสำเร็จในชีวิตผ่านกระจกบานใส อันเป็นป้ายชื่อบริษัท ‘วิบูรณ์รักษ์ผ้าไหมไทย’ ซึ่งตั้งตระหง่านสูงใหญ่อยู่ด้านหน้าโรงงาน และมองเลยออกไปทางด้านหน้าซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และความเขียวขจีของต้นใบหม่อนจากฝีมือลูกน้องหลายร้อยคนที่ช่วยกันปลูกเป็นแถวเรียงรายเต็มเนื้อที่นับพันไร่นั้น
‘ภานุวัฒน์’ ละสายตาจากด้านนอก หันหน้าอันอิ่มสุขมองร่างบอบบางที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงคิงไซซ์สิบสองฟุต ชายหนุ่มกลืนน้ำลายผสมควันบุหรี่ลงคอเสียงดังเอื้อก จนทำให้หญิงสาวผงกศีรษะจากหมอนหันไปมองแล้วรีบหลบสายตาคมปลาบ เรียวมือสั่นไหวดึงเอาผ้าแพรผืนใหญ่เนื้อดีขึ้นมาปกปิดแผ่นหลังร้อนผ่าวของตัวเอง เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันร้อนแรงของชายตัวโตที่ยืนเป็นชีเปลือย มีเพียงบอกเซอร์สีดำตัวเดียวที่เขาใส่ปกปิดร่างกายกำยำ
“เด็กน้อยขี้เซา ตื่นแล้วก็หันหน้ามาคุยกันหน่อยสิครับ”
ภานุวัฒน์ยืนอัดควันบุหรี่เข้าปอดผสมกับการจิบกาแฟรสขม แววตาหื่นกระหายเหลือบมองร่างแน่งน้อย เท้าใหญ่ก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนชิดขอบเตียงแล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงข้างแม่กระต่ายน้อยแสนงาม
“กิ กี่โมงแล้วคะ?” ‘แพรพรรณ’ หญิงสาวหน้าสวยหวานวัยยี่สิบปีขยับร่างขาวผ่องหนี เมื่อปลายจมูกเรียวสันที่เชิดรั้นนิดๆ ได้กลิ่นกาแฟผสมกับกลิ่นบุหรี่ หลบความเขินอายด้วยการซุกหน้าลงบนหมอนใบใหญ่
“แปดโมงเช้าแล้วครับสาวน้อย” แขนแข็งแรงค้ำยันฟูกนุ่มขนาบร่างหอมกักขังหล่อนไว้ ใบหน้าคมคายโน้มเข้าหา แล้วเอ่ยเสียงกระซิบแหบแห้งสั่นพร่าชิดแผ่นหลังขาวผ่องราวกับน้ำนม สาวเจ้าขนกายลุกซู่ ทั้งร่างสะท้านซ่านเมื่อริมฝีปากหนาไล้พรมจูบสัมผัสผิวนุ่มนิ่มบนแผ่นหลัง
แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ทำให้เป็นกังวล กลัวว่าชายหนุ่มจะเคืองว่าไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก แพรพรรณก็เกิดความกระตือรือร้นดันร่างโตที่กึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่บนตัวเธอออก
“อะไรนะคะ! แปดโมงเช้าแล้วเหรอ ทำไมพี่วัฒน์เพิ่งมาปลุกแพรล่ะคะ”
“นอนต่อเถอะครับ”
ภานุวัฒน์ถูกมือเล็กนั้นผลักให้ลงไปนอนทับที่เก่าของหญิงสาว เขาผงกศีรษะขึ้นมองแผ่นหลังขาวอมชมพู อดใจไม่ไหวจึงยื่นมือเข้าไปเกี่ยวเส้นผมเงางามพร้อมทั้งลูบผิวนุ่มนิ่มไปด้วย
“แพรตื่นสายอีกแล้ว ทำไมพี่วัฒน์ไม่ปลุกแพรคะ ถ้าออกไปตอนนี้ มีหวังได้เป็นขี้ปากคนงานแน่เลย” เป็นเพราะชายหนุ่มแสดงอาการไม่อยากจะให้ใครต่อใครรับรู้ว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกันแล้ว เธอจึงต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
“แพรครับ” ภานุวัฒน์ดีดตัวลุกนั่ง เขาขยับตัวเข้าไปนั่งซ้อนด้านหลังของหญิงสาว แขนทั้งสองข้างก็สอดเข้าโอบกอดเอวคอดไว้ด้วยความหลงใหล
“พี่วัฒน์ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะ แพรจะรีบไปแต่งตัว สงสัยคนงานพากันเข้ามาในบริษัทแล้วแน่เลย ตายๆ แพรจะทำยังไงดีคะ ถ้ามีคนมาเห็นแพรในสภาพนี้” ใจเล็กร้าวรานเจ็บหน่วงเมื่อนึกถึงตำแหน่งตัวเอง ตอนกลางวัน เธอจะเป็นเพียงเด็กฝึกงานที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด แต่พอตกเย็นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคนสำคัญและเป็นคนที่เขาพร่ำบอกว่า ‘แพรคือคนที่พี่รัก’
“พี่ไม่ให้แพรไป วันนี้วันหยุด แพรอยู่กับพี่นะ”
ดวงหน้าหล่อซบลงบนไหล่บางพร้อมทั้งกระซิบเสียงนุ่มทุ้มชิดติ่งหูขาว ภานุวัฒน์รั้งคนตัวน้อยให้หันหน้ามาเผชิญ แล้วดันให้แม่กระต่ายน้อยนอนลงบนเตียงที่เดิม ส่วนตัวเขาก็โถมทับกักขังเธอไว้ด้วยร่างกายใหญ่โต
