ตอน "แค่เด็กฝึกงาน" 3
“ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปกินข้าวพร้อมกันไงครับ”
ชินกรยืนยิ้มแฉ่งจนตาหยีมองแพรพรรณ รอยยิ้มและท่าทีที่แสดงความห่วงใยต่อหญิงสาว สร้างความขุ่นเคืองให้กับใครอีกคนที่ยืนหน้าเหี้ยมอยู่ในห้องทำงาน ภานุวัฒน์ยกมือแหวกม่านมู่ลี่ออก ดวงตาสีเข้มมองขวางผ่านช่องว่างออกไปเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แพรทำใกล้จะเสร็จแล้ว”
“ช่วยๆ กันครับ งานจะได้เสร็จเร็วๆ” ชินกรก้มมองนาฬิกาบนข้อมือด้านซ้ายของตัวเองแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงาน ลากเก้าอี้อีกตัวเข้ามานั่งข้างๆ หญิงสาว
“อุ๊ย!” แพรพรรณดันเก้าอี้ไปด้านหลังแล้วขยับตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ทันระวังผสมกับอาการวิงเวียนคลื่นไส้จะอาเจียนจึงทำให้ร่างบางเซจะล้มหงายหลัง
“แพร เป็นไรมากไหมครับ?” ชินกรตกใจ ไม่คิดฉวยโอกาสทำไม่ดีกับสาวเจ้า แค่อยากช่วยจึงรีบคว้าร่างน้อยที่เซโอนเอนเหมือนคนจะเป็นลม พยุงให้เข้ามานั่งบนหน้าตักตัวเอง
“พิ พี่ชิน แพรขอโทษค่ะ” แพรพรรณรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในอ้อมกอดของชินกร จึงพยายามตะเกียกตะกายลุกออกจากตักของชายหนุ่ม
“แพรไม่สบายหรือเปล่าครับ?”
“มึนหัวค่ะ”
แพรพรรณยกมือปิดปากกลั้นอาการพะอืดพะอมไว้ไม่ให้อาเจียน เธอรู้สึกเปรี้ยวปากอยากจะกินของหมักดองเพื่อคลายความวิงเวียนที่เป็นมาสองสามวันแล้ว
“ทำไมแพรดูหน้าซีดจังครับ” ชินกรช่วยพยุงร่างบางที่ดูจะไม่มีแรงจะยืน สองมือของเขายังจับช่วงลำแขนสลวยไว้แล้วก้มหน้ามองดวงหน้าที่ดูไร้สีสัน
“ค่ะ” แพรพรรณดันมือของชายหนุ่มออก ขยับตัวถอยห่างเล็กน้อย มือน้อยกำหลอดยาดมจนง่ามนิ้วมือชื้นแฉะยกขึ้นจรดปลายจมูก สูดดมเอากลิ่นเย็นหอมของสมุนไพรเข้าปอดลึกๆ พลางนึกสงสัยตัวเองว่าเป็นอะไร
“พี่พาไปห้องพยาบาลไหมครับ” ชินกรพยุงร่างน้อยให้นั่งลงบนขอบโต๊ะทำงาน
ความใกล้ชิดเหมือนคนทั้งสองโอบกอดกันช่างเป็นภาพบาดใจในสายตาแดงโรจน์ของพญามัจจุราชที่ยืนอยู่ในห้องทำงาน ทว่า ภานุวัฒน์ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัด กำมือแน่นเดินเตะลมรอบห้อง
ปัง!
“คุณภานุวัฒน์ / พิ พี่วัฒน์” เสียงทุบโต๊ะดังจนทำให้สองหนุ่มสาวตกใจ สองร่างที่ยืนแนบชิดต้องรีบผลักออกจากกัน ต่างก็หันไปมองชายหนุ่มร่างโตผู้มีอำนาจเหลือล้นในบริษัท
“พวกเธอทำอะไรกัน!” เสียงดุดันเหี้ยมเกรียมตะเบ็งถาม
ภานุวัฒน์อยากจะเดินเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขา แล้วกระชากร่างของเมียที่ยังยืนกระแซะอยู่ในอ้อมกอดของชินกร
“เราสองคนไม่ได้ทำอะไรกันครับ / ปละ เปล่าค่ะ” ทั้งสองปฏิเสธในสิ่งที่ชายหนุ่มยัดเยียดให้แทบจะพร้อมกัน
“ฉันเห็นพวกเธอกอดกัน จะทำอะไรกันก็ให้ทำในที่ลับตาผู้คนบ้าง ไม่ใช่มายืนกอดกันในสถานที่ทำงานแบบนี้” เค้นเสียงเหมือนต่อว่าทั้งคู่ แต่แววตาแดงก่ำของพญายมกลับมองหน้าของน้อง นี่เธอกล้าให้ชายอื่นแตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร
“เราสองคนไม่ได้ทำเรื่องอย่างที่คุณกล่าวหาสักหน่อย”
แพรพรรณส่ายหน้าซีดขาวไปมา ตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใสอุ่นๆ สั่นไหวระริกมองหน้าชายหนุ่ม น้อยใจและเสียใจที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล
“นั่นสิครับ ผมไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องอย่างที่คุณภานุวัฒน์ว่าเลยนะครับ” สีหน้าของชินกรซีดลงเมื่อหันมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถ้านายไม่คิด แล้วนายเข้ามาทำอะไรในนี้ นายไม่ได้อยู่แผนกนี้ไม่ใช่เหรอ” คนหวงเมียยืนกอดอกมองหน้าของชินกร เขาหึงเมียเพราะความหล่อและยังหนุ่มแน่นของอีกฝ่ายที่มีพร้อม และตอนนี้ ภานุวัฒน์อยากจะย้ายไอ้ลูกน้องหน้าหล่อนี่ไปทำงานที่แผนกอื่นเสียเหลือเกิน
“ผะ ผมมาชวนแพรไปกินข้าวเที่ยงครับ” ชินกรรีบก้มหน้าหลบสายตาของเจ้านาย และเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย นึกเห็นใจและสงสาร ไม่อยากให้เธอต้องมีมลทินและเป็นขี้ปากของพนักงานในบริษัท
“ชวนไปกินข้าว แล้วทำไมต้องยืนกอดกันด้วย” ใบหน้าของภานุวัฒน์ดูเรียบเฉย แต่ในใจมันร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและขัดเคืองแม่กระต่ายน้อย ทำไมเธอต้องสนิทสนมกับพนักงานชายด้วยนะ หนุ่มใหญ่ถอนหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ไม่อยากแสดงอาการหึงหวงเมียเด็กให้ใครรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างกันในตอนนี้
“ผมแค่ช่วยพยุงให้แพรลุกเท่านั้นเอง ไม่ได้กอดเธออย่างที่คุณภานุวัฒน์เข้าใจ” ชินกรพยายามอธิบายในสิ่งที่เจ้านายยัดเยียดให้เขาและเธอ
“ทำไมต้องพยุง แพรพรรณเป็นอะไร?” ภานุวัฒน์หันขวับมองน้องน้อย เขาไล่สายตามองเธอตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจรดศีรษะ แล้ววกแววตากระด้างมองดวงหน้าหวานที่ดูซีดเซียวไปหน่อย
“คุณมองไม่ออกหรือครับ? พนักงานป่วยขนาดนี้ยังบังคับให้ทำงาน ข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมให้ไปกิน คุณมองหน้าของแพรชัดๆ สิครับ” กลัวจะโดนไล่ออกก็กลัว แต่จะไม่ยอมให้เจ้านายนิสัยไม่ดีแบบนี้มาวางอำนาจกับเขาและหญิงสาวเป็นแน่
“พี่ชิน! แพรไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” เรียวหน้ารูปไข่แดงอมชมพูเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลืองปนซีดขาว แพรพรรณยืนแทบจะไม่ไหวต้องใช้มือข้างที่กำยาดมเกาะขอบโต๊ะไว้
“ฉันก็เห็นเธอแข็งแรงดี ไม่เห็นว่าจะมีอาการป่วยตรงไหน งานที่ฉันสั่งให้ทำเสร็จหรือยัง เอามาดูซิ” ภานุวัฒน์ยืนจ้องมองเมีย สำรวจร่างบางตั้งแต่ปลายเท้ายันศีรษะ หัวใจดวงโตอ่อนยวบเมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของน้อง แต่ชายหนุ่มก็แกล้งทำนิ่งเฉยด้วยหัวใจตีบตัน เจ็บลึกจนใจจะขาดยามเห็นสีหน้างามซีดเซียว
“อุ๊บ!” แพรพรรณส่ายหน้าปฏิเสธ เกิดอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้อยากจะอาเจียนยามได้เห็นหน้าชายหนุ่ม ไหนจะกลิ่นตัวของเขาที่โชยมาเตะจมูกอีก รู้สึกเหม็นจนแทบทนไม่ไหว
“แพรเป็นอะไรครับ พี่จะพาไปห้องพยาบาลนะ” ชินกรหันมองหญิงสาวข้างกาย เมื่อเห็นท่าทีเหมือนแพรพรรณจะเป็นลม เขาไม่คิดเกรงใจนายจ้าง จับมือสวยมากุมไว้
“พะ แพร” เสียงใสสั่นเครือเปรยปะติดปะต่อยังไม่จบประโยค ร่างกายที่ขาดการพักผ่อนก็หมดแรงจะทรงตัวยืน ล้มทรุดลงไปนอนกองอยู่กับพื้นข้างปลายเท้าของชินกร
“แพร! / แพรพรรณ!” ภานุวัฒน์ตกใจไม่ใช่น้อย แต่เขาไม่อาจจะเข้าไปรับร่างของน้องน้อย ได้แต่ยืนหัวใจเต้นสั่นไหว มองเมียรักอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น
“แพร เป็นอะไร ลืมตาสิครับ” ชินกรย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างเดียว แล้วใช้แขนกำยำช้อนพยุงร่างบางให้กึ่งนั่งกึ่งนอนในอ้อมกอด มือหนายกขึ้นตบพวงแก้มซีดขาวแผ่วเบา เอายาดมที่หญิงสาวกำแน่นมาจ่อตรงปลายจมูกเรียวสวย แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา
“นะ นายช่วยไปตามแม่บ้านมาดูแพรพรรณซิ” ภานุวัฒน์เป็นห่วงเมียแต่ไม่กล้าแสดงความเป็นเจ้าของ จึงได้แต่ออกคำสั่ง
“พี่จะพาไปห้องพยาบาลนะครับ” ชินกรไม่ได้ฟังคำสั่งของเจ้านาย เขาอุ้มร่างบางที่หมดสติขึ้นแนบอกเดินผ่านหน้าภานุวัฒน์ไปอย่างไม่ได้สังเกตมองแววตาแดงโรจน์เพราะความหึงหวงน้อง
“ฉันอุ้มดีกว่านะ เธอเป็นเด็กฝึกงานหน้าห้องฉัน” ภานุวัฒน์มองร่างแน่งน้อยไร้สติอยู่ในอ้อมกอดของชินกร อยากจะแสดงสิทธิ์ในตัวของหญิงสาวแต่ก็ไม่กล้าที่จะประกาศ
“ไม่เป็นไรครับ”
