ตอน "แค่เด็กฝึกงาน" 2
“อะ คะ?” เสียงดุดันของเจ้านายเอ่ยออกคำสั่งทำให้สายฝนสะดุ้งตกใจกลัว
“เข้าไปคุยกับผมในห้องทำงานด้วยครับ”
“คะ ค่ะ”
“พิ วัฒน์ คุณภานุวัฒน์ ฉะ ฉันผิดเองค่ะที่ไม่ตั้งใจทำงาน” เม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง แพรพรรณกระซิบเรียกชื่อของคนรักอยู่ในใจ ไม่กล้าที่จะแสดงอาการอะไรออกมาให้คนในบริษัทรับรู้ว่าเธอและเขามีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งมากเพียงใด หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้า เปรยเสียงสั่นเครือยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
“คุณสายฝน ช่วยบอกเด็กฝึกงานให้ตั้งใจทำงานด้วยนะ เอกสารพวกนี้ ผมต้องใช้วันนี้ รอไม่ได้” ก่อนที่ภานุวัฒน์จะเดินออกจากห้องก็ได้หันมองกองเอกสารที่วางเต็มโต๊ะ แล้วชำเลืองมองหน้าสาวเจ้า ทำไมเธอชอบทำหน้าละห้อยมองกันแบบนี้ อยากให้ทุกคนที่นี่รับรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างนั้นหรือ ภานุวัฒน์นึกเคืองน้องน้อยขึ้นมาทันที
“ได้ยินที่คุณภานุวัฒน์บอกแล้วใช่ไหมแพรพรรณ” สายฝนหน้าเคร่งเครียดหันมาดุเด็กฝึกงาน
“ค่ะ” หญิงสาวยืนชิดขอบโต๊ะ ได้แต่พยักหน้ารับคำสั่งของสายฝน คำว่าเด็กฝึกงานดังกระหึ่มและช่างเป็นคมมีดกรีดตรงขั้วหัวใจให้เป็นแผลเจ็บปวดเสียเหลือเกิน บางที แพรพรรณก็นึกสงสัยว่าพี่วัฒน์รักเธออย่างที่เคยพร่ำบอกทุกวันทุกคืนจริงหรือเปล่า
“คุณสายฝนอย่าลืมเอาแฟ้มรายการลูกค้าต่างประเทศมาให้ผมดูด้วยนะ” ภานุวัฒน์เดินไปถึงหน้าห้องทำงาน แต่เขาก็ชะโงกหน้ากลับมาขอเอกสารสำคัญ
“ตายๆ แม่แพรพรรณ คุณภานุวัฒน์ต้องการเอกสาร เธอทำรายการเสร็จหรือยังเนี่ย” สายฝนจะเป็นลมเมื่อมองอาการเหมือนคนจะร้องไห้และส่ายหน้าของหญิงสาวที่บอกเป็นนัยๆ ว่า งานยังไม่ได้ตรวจ
“ฮือๆ พี่ฝนขา แพรขอโทษ” ดวงหน้านวลขาวซีด ขอบตากลมโตเริ่มแดงก่ำ เธออยากจะร้องไห้มากในเวลาแบบนี้
“ฉันจะบ้าตาย! ฉันจะโดนไล่ออกจากงานก็เพราะหล่อนนี่แหละ แม่แพรพรรณ”
“คุณภานุวัฒน์คะ อย่าไล่พี่ฝนออกจากงานเลยนะคะ ที่งานล่าช้าเป็นเพราะฉันไม่ตั้งใจทำเองค่ะ ฉันขอโทษ” เปรยเสียงสั่นไหวบอกเจ้าของร่างสูงที่ยังยืนรอเอกสารอยู่หน้าห้องทำงาน แต่นั่นใช่ว่าเขาจะฟังเหตุผล ซึ่งชายหนุ่มทำเหมือนว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงลมพัดผ่าน
“อยากหัวขาดหรือไง ถึงได้กล้าไปพูดแบบนั้นกับเจ้านายน่ะ” สายฝนยกมือตบหน้าผากตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปหานายจ้าง หล่อนก็ทำโทษหญิงสาวโดยการหยิกผิวตรงต้นแขนของแพรพรรณที่ไม่ยอมหยุดพูด
“พิ พี่วัฒน์” แพรพรรณเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ ดวงตากลมโตแดงช้ำกะพริบเปลือกตาหลายครั้ง หวังกลั้นน้ำใสๆ ไม่ให้ไหลออกมาอาบแก้ม เมื่อเห็นความห่างเหิน ไม่หลงเหลือสายตาอ่อนโยนมองเธอแม้แต่น้อยนิด รู้ตัวว่าผิดแต่เขาก็ไม่น่าเมินเฉย เย็นชากับเธอถึงเพียงนี้เลย
แต่เพราะรัก แพรพรรณจึงพยายามกลั้นสะอื้น ข่มความน้อยใจลงแล้วนึกปลอบขวัญตัวเองว่า ‘งานคืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว’ ไม่สมควรเอามาปะปนกัน…
เที่ยง สามสิบนาที...
“แพรครับ?” พนักงานชายที่อยู่อีกแผนกเอ่ยเรียก ร่างสูงโปร่งในชุดยูนิฟอร์มของบริษัทเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน เขาชื่อ ‘ชินกร’ อายุมากกว่าเธอเจ็ดปี ชายหนุ่มแอบมีใจให้สาวน้อย
หน้าหวานตั้งแต่เธอเดินเข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่
“สวัสดีค่ะ พี่ชิน”
“ไปกินข้าวกันครับ”
“พี่ชินไปกินก่อนแพรเถอะค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าสนใจงานที่ต้องทำให้เสร็จ เพราะทางเบื้องบนสั่งมาว่าทุกแฟ้มต้องเรียบร้อยดีก่อนบ่ายสามโมง
“หัวฟูเลยนะ” หนุ่มบ้านนอกหัวใจพองโตเมื่อเห็นรอยยิ้มของสาวที่หมายปอง
“ไม่ฟูได้ไงคะ งานเต็มโต๊ะเลย แพรต้องทำให้เสร็จก่อนบ่ายสามด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงงอนๆ น้อยใจใครอีกคน
“งานเยอะเหรอครับ?” แขนทั้งสองข้างของชินกรยกขึ้นค้ำยันขอบโต๊ะทำงาน แววตาของชายหนุ่มนั้นมีความเป็นห่วงมองเสี้ยวหน้าหญิงสาวด้วยใจรัก แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้
“ใช่ค่ะ”
“ให้พี่ช่วยไหมครับ?”
“อย่าเลยค่ะ”
“ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปกินข้าวพร้อมกันไงครับ”
ชินกรยืนยิ้มแฉ่งจนตาหยีมองแพรพรรณ รอยยิ้มและท่าทีที่แสดงความห่วงใยต่อหญิงสาว สร้างความขุ่นเคืองให้กับใครอีกคนที่ยืนหน้าเหี้ยมอยู่ในห้องทำงาน ภานุวัฒน์ยกมือแหวกม่านมู่ลี่ออก ดวงตาสีเข้มมองขวางผ่านช่องว่างออกไปเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แพรทำใกล้จะเสร็จแล้ว”
“ช่วยๆ กันครับ งานจะได้เสร็จเร็วๆ” ชินกรก้มมองนาฬิกาบนข้อมือด้านซ้ายของตัวเองแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงาน ลากเก้าอี้อีกตัวเข้ามานั่งข้างๆ หญิงสาว
