บทที่ 5 หลบหน้าฉันทำไม
จริงใจรีบหนีออกจากห้องของหมอใจร้ายทันทีเมื่อเขาปล่อยตนเองเป็นอิสระแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอจึงฉวยโอกาสจังหวะนั้นรีบแต่งตัวแล้วหยิบเสื้อเขามาหนึ่งตัวใส่กลับห้อง พอกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานของตนเองเหมือนปกติ แต่ร่องรอยที่ถูกคนใจร้ายฝากไว้นั้น เธอก็ใช้ครีมรองพื้นทาปกปิดไว้
จริงใจออกไปทำงานแต่เช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ถ้าให้อยู่ถึงเช้าแล้วเจอกับคนใจร้าย เธอคงทำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้จึงได้แต่หนีออกมาก่อน มารอเวลาเข้าทำงานของตนเอง
“จริงใจ มาทำงานเหรอ” เสียงนุ่มอ่อนโยนเอ่ยทักสาวน้อยที่ตนเอ็นดู
“ค่ะ หมอตุลย์” จริงใจตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“ทำไมมาเช้าจัง เนี่ยยังตีห้าอยู่เลยนะ หมอก็ยังไม่ได้ออกเวร มีอะไรรึเปล่า สีหน้าดูเหนื่อยๆ” ตุลย์ถามหญิงสาว
“พอดีจริงใจนอนไม่ค่อยหลับค่ะเลยคิดว่าออกมารอทำงานดีกว่า”
คำพูดและสีหน้าของจริงใจทำให้ตุลย์ขมวดคิ้วเป็นปมสงสัย ปกติแล้วถึงนอนไม่หลับยังไง จริงใจก็น่าจะอยู่ที่บ้านรอเตรียมมื้อเช้าและของใส่บาตรให้คุณย่าก่อนถึงจะออกมาทำงาน
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าจริงใจ ไปพักผ่อนที่ห้องทำงานหมอได้นะ” ตุลย์เอ่ย
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะหมอตุลย์” สาวน้อยส่ายหน้าตอบ แต่แล้วน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้ม
อึก!
ตุลย์เห็นน้ำตาของจริงใจไหลอาบสองแก้มและดวงตาสดใสร่าเริงเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องแน่นอน
“ไปที่ห้องหมอเถอะ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่จริงใจไปพักที่ห้องหมอได้ ห้องทำงานหมอมีเตียงนอนหลังตู้หนังสือ” แล้วตุลย์ก็เดินมาโอบประคองคนที่ตนเห็นมาแต่เด็กเดินไปยังลิฟต์โดยสารเพื่อจะพาขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นสูงสุดของตึกของตน
ฮือๆ
“หมอตุลย์ทำไมดีกับจริงใจจังเลยคะ อึก! ฮือ...” เธอถามเขาเมื่อเข้ามาในลิฟต์
“ก็จริงใจเป็นน้องสาวฉันนี่” ตุลย์เอ่ยพร้อมปาดเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้มนุ่มนิ่มออกให้
“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูจริงใจค่ะ อึก! ฮือๆ”
“ร้องออกมาจริงใจ ร้องออกมา” หมอตุลย์จึงโอบกอดปลอบสาวน้อยที่กำลังร้องไห้ตัวสั่น
ฮือๆๆ
ปืนหงุดหงิดตั้งแต่จริงใจออกไปจากห้องไม่บอกลาตนเองสักคำ แถมยังออกไปจากบ้านแต่เช้า เช้านี้ที่โต๊ะอาหารก็ไม่เจอเธอมาช่วยแม่ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
“จริงใจไปไหนน้าเจียม”
“ออกไปทำงานแต่เช้าแล้วค่ะหมอปืน” เจียมเอ่ยตอบ
เขารู้ทันทีว่าจริงใจตั้งใจหลบหน้าตัวเอง
“อือ...แล้ววันนี้มีข้าวต้มปลาเหรอครับ ไม่มีอย่างอื่นเหรอ” ปืนเอ่ยถามเจียม แม่ครัวประจำบ้านตนเอง
“มีอะไรก็กินๆ ไปเถอะตาปืน” คนเป็นย่าเอ่ยบอกหลานชาย
“ผมก็พูดไปงั้นแหละครับคุณย่า น้าเจียม ผมขอไข่ลวกด้วยนะครับ”
“ค่ะ หมอปืน” แล้วเจียมก็รีบออกไปจัดการให้เจ้านายทันที
“วันหยุดทีไรก็ไปใช้พลังงานข้างนอกเลยนะตาปืน แล้วเมื่อไหร่จะมีเหลนให้ย่าได้อุ้มฮึ ย่าเบื่อหน้าพวกแกสองคนพี่น้องแล้วนะตาปืน” แรมเอ่ยกับหลานชายพร้อมตักข้าวต้มปลาเข้าปาก
“คุณย่ามีหลานก็น่าจะพอแล้ว จะมีทำไมเหลน อีกอย่างผมไม่อยากมีลูก ผมไม่ชอบเด็ก อีกอย่างถึงมีก็ให้ผู้หญิงเลี้ยงไปเถอะ ผมไม่ต้องการหรอก ผมให้เงินได้ แต่ให้ผมรับผิดชอบไม่ได้” ปืนไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะเป็นคนเลว เพราะเขาไม่พร้อมและทุกครั้งเขาก็ไม่เคยพลาดเรื่องเด็ก
“ความคิดของแกมันต่ำทรามจนย่าอยากเอาชามข้าวต้มร้อนๆ สาดใส่หน้า แกคิดแบบนี้ได้ยังไงตาปืน นั่นลูกแกนะ เด็กนั่นเลือดเนื้อของแกไม่ใช่ของใคร แกควรรับผิดชอบ”
“ถ้าผมรักแม่ของเด็ก ผมก็จะรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นความสนุกกันชั่วครั้งชั่วคราว ผมไม่รับผิดชอบ ผมจะรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูลูกให้ แต่อย่าคิดใช้ลูกมาจับผม เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายที่ใจดี”
“ไปซะ! ไปให้พ้นหน้าย่าซะตาปืน ย่าอยากกินข้าวเช้าคนเดียว”
“ผมยังกินไม่อิ่ม ผมรอไข่ลวก”
“ยกไปกินในครัวหรือที่ไหนก็ได้ ย่าไม่อยากคุยกับหลานชั่วอย่างแกแล้วตาปืน” คนเป็นย่าเอ่ยอย่างเดือดดาล
“ผมจะไปแสนดีแบบพี่ตุลย์ของย่าได้ยังไง ไปก็ได้ครับ ว่าแต่เนี่ยยังไม่ออกเวรกลับบ้านอีกเหรอครับหลานรักของคุณย่าน่ะ” ก่อนจะยกชามข้าวต้มออกจากห้องรับประทานอาหาร เขาก็ถามย่าของตน
“แล้วแกเห็นไหมล่ะ ไม่เห็นก็แสดงว่ายังไม่กลับ ไปซะตาปืน ไปให้พ้นหน้าย่า ย่าไม่อยากเอาข้าวต้มสาดหน้าแกตอนนี้”
“ครับ ไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมไปกินข้าวกับนมเย็นที่หลังบ้านก็ได้” แล้วปืนก็ถือชามข้าวต้มของตนเดินจากไป
เฮ้อ!