บทที่4.การพบเจอที่ไม่คาดคิด2/5
2/5
บ้านเมฆาไกร...
“พ่อจ๋า คุณน้า เมรีได้งานใหม่ที่จางไท่ค่ะ”
ขณะที่กำลังถอดรองเท้าตรงประตูหน้าบ้าน เมรีตะโกนบอกคนในบ้านเสียงลั่น เธอเก็บความยินดีนี้ไว้ในใจไม่ไหว เมื่ออยากบอกให้สมาชิกทุกคนในบ้านรู้ ตำแหน่งงานที่มั่นคงขึ้น กับเงินเดือนที่มากขึ้น จากนี้ไป อันนาคงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแน่ๆ
“ดีจัง...อย่างนี้ต้องฉลอง” เก่งกาจยิ้มกริ่ม บริษัทยักษ์ใหญ่ในพศ. นี้ คงต้องยกให้บริษัทจางไท่กรุ๊ป เขาเป็นผู้นำเรื่องอาหารแช่แข็ง...ส่งออกทั่วโลก ผลกำไรต่อปี มากกว่าพันล้าน พนักงานบริษัทก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย โบนัสปลายปีเป็นที่ฮือฮา ดังนั้นคนทั่วไป...จึงพยายามที่จะเข้าทำงานที่จางไท่ แม้จะเป็นแค่เพียงตำแหน่งเล็กๆ ก็ตาม
“รอได้เงินเดือนเดือนแรกได้มั้ยคะพ่อ เราจะได้ไปฉลองกันทั้งบ้าน”
เมรียิ้มร่าเริง เธอจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น1 เท่าจากที่ทำงานใหม่ ดังนั้นต่อไปนี้เธอจะมีเงินสำรองเก็บ มากกว่าเก่า อนาคตที่จะส่งอันนาไปเรียนต่างประเทศ คงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป...
“กลับมาแล้วคร๊าฟ” เสียงเด็กชายดังแหวกอากาศมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำตึงตัง
“หิวจังเลยคร๊าฟคุณยาย...มีอะไรให้อันอันกินบ้างมั้ยคร๊าฟ” พร้อมกับเสียงอ้อนที่เด็กน้อยทำเป็นประจำ อันนากลับจากโรงเรียน และที่แรกที่เด็กชายจะมุ่งตรงไปคือ ครัว
เก่งกาจโครงศีรษะ อันนาร่าเริง แข็งแรง และเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน เด็กชายคือของขวัญจากพระเจ้าอย่างแท้จริง เขาเกิดมาเพื่อทำให้ทุกคนมีความสุข จนลืมเรื่องราวร้ายๆ แต่หนหลังจนหมด...ไม่มีใครปริปากถึง ‘พ่อ’ ของอันนา และเด็กชายก็ไม่เคยถาม เมื่อเขามีทุกอย่างมากเกินกว่าจะไขว่คว้า
“ตัวแสบ...เล่นซนทั้งวันสิ กลับมาถึงบ้านเลยหิว”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระเซ้า อันนายิ้มรับ กระพุ้งแก้มของเขาโป่งนูน เมื่อกำลังกินของว่างที่คุณยายใจดีเตรียมไว้ให้
“เปล๊าน๊า!!” เด็กชายกล่าวแก้ เขาแค่ชอบขนมที่คุณยายทำไว้ให้ ร่างกายจึงอวบอ้วน “ขนมคุณยายอร่อยที่ซู๊ด” เขากล่าวชม พร้อมกับยิ้มจนดวงตายิบหยี
สาวใหญ่ทรุดนั่ง เธอเลื่อนแก้วทรงสูง ที่ภายในบรรจุน้ำหวานสีสวยส่งให้หลานชาย
“ไม่ต้องชม ยายก็เต็มใจทำขนมให้อันอันกินอยู่แล้วจ้า”
“วันนี้ซนหรือเปล่าอันอัน?” เมรียกมือโยกศีรษะบุตรชาย มองเขาด้วยดวงตาแฝงความรักเต็มเปี่ยม
“ไม่เลยครับ อันอันน่ารักที่สุดในโลก ครูพี่เลี้ยงบอกอันอันแบบนั้นคร๊าฟ”
เสียงคุยแจ้วๆ สลับกับเสียงหัวเราะ เมื่ออันนาเป็นที่โปรดปรานของทุกคนรอบตัว ถึงเขาจะซน หรือรั้นในบางครั้ง แต่ความจริงแล้ว เด็กชายฉลาดเป็นกรด เขามีไอคิวมากกว่าเด็กทั่วไป
“ขี้โม้!!”
“ทำไมวันนี้หม่าม๊าอยู่บ้านละครับ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนี่นา”
เมรีอมยิ้มก่อนตอบ “วันนี้หม่าม๊าไปสมัครงานที่ใหม่มาจ้ะ เงินเดือนเยอะกว่าที่เดิมอีกนะ อันอันจะได้มีสตางค์กินขนมมากขึ้นไง”
“เย้ๆ” อันนาไม่รู้หรอก เขารู้แค่ว่ามารดากำลังดีใจ ความรู้สึกนั่นส่งผ่านถึงเขาด้วย
“เริ่มงานเมื่อไรล่ะลูก”
“ต้นเดือนหน้าค่ะพ่อ...”
“งั้นวันนี้ เราทำเมนูพิเศษกินล่วงหน้าก็แล้วกัน...เพราะมันเหลืออีกหลายวันกว่าเงินของหนูเมรีจะออกนะ” ไพลินออกความเห็น
“ดีที่สุดคร๊าฟ” และคนที่เห็นด้วยคนแรก เป็นเจ้าเดิม อันนาลุกขึ้นยืนกระโดดหย็องแหย็งไปมา
“ไปตลาดกันดีกว่าค่ะน้า ไปหาของสดมาทำอาหารฉลองกันเย็นนี้”
“ดีเหมือนกัน...”
“อันอันไปด้วยคร๊าฟ อันอัน จะไปช่วยถือของ อันอันเป็นสุภาพบุรุษ”
มือป้อมๆ ยกขึ้นทุบอกตนเอง เขายืดอกเบ่งกล้าม ประหนึ่งว่าตนเองนั้นโตเต็มที่ ทั้งที่เวลานี้เขาอายุแค่ 4 ปีก็ตาม
“ใช่เลย...สุภาพบุรุษน้อยของยาย”
ครอบครัวเมฆาไกรเป็นครอบครัวอบอุ่น สมาชิกทุกคนในบ้าน ทุ่มเทความรักให้เด็กชายทั้งหมด ไม่มีอันตรายใดใดมาแผ้วพาน ขวากหนามถูกกำจัดเพื่อให้เด็กชายเดินบนถนนชีวิตได้แบบสะดวก ไร้เสียงติติง เมื่อเมรีไม่ได้ประพฤติตัวย่ำแย่ คนในชุมชนเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก แม้จะยังกังขาเรื่องการกำเนิดของเด็กชาย แต่เมื่อไม่มีใครพูดถึง...เรื่องเลวร้ายนั่น ก็หายไปกับกาลเวลา
เมรีเริ่มงานที่ใหม่ในเดือนถัดไป...
บรรยากาศการทำงานไม่ต่างจากที่เดิมเท่าไร เมื่อเธอตั้งใจมาทำงาน มิได้แฝงความปรารถนาอื่นๆ มาด้วย
หญิงสาวสนิทกับอัญชันที่สุด ในบรรดาเพื่อนร่วมงาน สองสาวมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำตัวต่างจากบรรดาพนักงานหญิงคนอื่น เมื่อเธอไม่เคยชะเง้อชะแง้ มองหาอีธาน
ผิดกับ...เพลินตา...พนักงานสาวที่เริ่มงานในวันเดียวกันกับเมรี
หญิงสาวผู้นั้น...มีเป้าหมายที่คนรอบตัวรู้ดี...เธอไม่เคยแคร์ที่ถูกนินทา...
“เพลิน ได้ข่าวเธอไปเดทกับคุณอีธานมาเหรอ?”
เป็นเสียงกระซิบที่ไม่ปกตินัก เมื่อคนพูดจงใจให้คนรอบตัวได้ยิน เพราะมันเป็นที่สาธารณะ พวกเขากำลังนั่งอยู่ในบริเวณโรงอาหารของบริษัท
“ดูๆ นั่งชูคอเหมือนนางหงส์ พิโถ่เอ๋ย!! ก็แค่ของเล่นมหาเศรษฐี”
อัญชันป้องปากกระซิบบอกเมรี หญิงสาวรับฟังแต่ไม่ใส่ใจ เมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพลินตา
“ข่าวเร็วจังนะยะ” สาวโสภาจีบปากพูด เธอเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ไหวไหล่แบบไม่ยี่หระใครๆ
“จริงเหรอ...เธอนี่แจ่มเลย” วลี คู่หูตัวแสบ ลูกคู่ที่เป็นกึ่งๆ ลูกไล่ของเพลินตากล่าวชม หล่อนทรุดนั่ง เชิดปลายคางขึ้น เริ่มทำตัวกร่าง เมื่อเพื่อนสาวของตนเอง...กำลังขึ้นแท่น
“ก็แค่เดท...ยังไม่ถึงไหนหรอกน่า” หญิงสาวรีบออกตัว เธอเซ็งสุดขีด ตอนที่อีธานขอตัวกลับ เมื่อมีโทรศัพท์ตามตัวเขาแบบเร่งด่วน ความหวังของเธอเลยพังคลื่นแบบไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่เธอกะจะเผด็จศึกชายหนุ่มอยู่แล้ว...เพราะจังหวะ และโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้หล่นโครมลงมาง่ายๆ
“ทำไมล่ะ!!”
“หึ” เพลินตากระแทกลมหายใจแรงๆ เธอเสยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “งานด่วนน่ะ เขาเลยขอตัวกลับก่อน”
“เอาน่า...อีกไม่นานเธอคงได้ทุกอย่างสมใจ” วลีให้กำลังใจ
“ไม่รู้เมื่อไรนี่สิ!!” เพลินตารู้เต็มอก อีธานไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว เขาคั่วสาวๆ ไปทั่ว...เธอบังเอิญโชคดีที่ได้รับโอกาสนั้น แม้จะถูกเหน็บแนมว่าเป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว...ก็ช่าง!! ขอแค่มีโอกาสสักครั้ง เพลินตามั่นใจ เธอทำให้อีธานสยบอยู่แทบตักตนเองได้
เพราะแค่เศษเงินของเขา...เธอก็สบายไปตลอดชีวิต แม้จะมีเสียงนินทาเซ็งแซ่อยู่รอบตัว ก็ช่างมันสิ