บทก่อนหน้านี้ บทที่1.รอยตราที่ไม่อาจลืม...3/3
ชายหนุ่มปรายตามองผู้หญิงหนึ่งเดียวในที่นั้น เขาไหวไหล่ เมื่อหล่อนไม่ได้มีทีท่าร้อนรน หลังหล่อนผงกศีรษะขึ้นมาจากการนอน หล่อนก็ยังคงดื่มเครื่องดื่มในมือแบบสบายอารมณ์ ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบตัวสักนิด เขาเลยยอมถอย
“ตามสบาย เธอคงยินดี” อีธานไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาก็คงทนไม่ไหวหากคนอ่อนแอกว่าถูกรังแก
แต่เหตุการณ์ตรงหน้ามันราบเรียบ ไร้การขู่บังคับ เพียงแต่แม่โฉมงามนั่นสวยซึ้งเกินกว่าจะถูกรุมทึ้งจากเสือหิวกักขฬะ
ชายหนุ่มถอยกลับมานั่งที่เดิม แต่สายตาของเขาไม่ได้ละจากวงหน้างดงามนั่นสักนิด
“ยัยบ้าจะโดนลากไปปู้ยี่ปู้ยำยังไม่รู้ตัว” เสียงบ่นพึมพำ แก้วบรั่นดีถูกยกขึ้นกรอกปาก เพื่อลดทอนความหงุดหงิดในหัวใจ
เมรีเอียงคอมองสองหนุ่มแปลกหน้าที่ยังคงตื๊อไม่เลิก เธอขมวดคิ้ว ถามเสียงแหลมด้วยความไม่พอใจ
“คุณต้องการอะไรหะ ฉันบอกแล้วไงว่าจะดื่มเงียบๆ”
เสียงของเมรีอ้อแอ้จนแทบฟังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากแอลกอฮอลล์จำนวนมากที่เธอดื่มเข้าไปนั้น ทำให้การควบคุมตัวลดน้อยลง
“พี่แค่อยากนั่งดื่มเป็นเพื่อนน้อง มาคนเดียวไม่เหงาเหรอไงจ๊ะ” ลีลาพ่อปลาไหลเพื่อให้สาวสวยหลงเคลิ้ม เพียงแต่เมรีไม่ชื่นชอบ เธอกำลังกลัดกลุ้มมากกว่าอยากเสวนากับคนแปลกหน้า
“ไม่เลยยยย ไปไหนก็ไป ฉันอยู่คนเดียวได้” เสียงของเมรีเริ่มดังขึ้น เปลือกตาหรี่ปรือลงทุกขณะเพราะความเมามาย
“อย่าเสียงดังสิจ๊ะ อยากโวยเพราะมีปัญหาทางบ้านเหรอไง? ไปกับพี่สิ... เดียวพี่หาที่เงียบๆ ให้ระบายให้เต็มที่” หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์เริ่มตะล่อม เขาลดสายตาลง กวาดไล่ตั้งแต่เนินอก จนถึงสะโพกผายงามงอน ลูกกระเดือกที่ลำคอเต้นพล่าน เพราะความกระสันซ่านตีตื้นขึ้นมาจุกอก
คำพูดของฝ่ายตรงข้ามกระทบความรู้สึกเจ็บปวด มือเรียวงามยกขึ้นฟาดปัง!! บนผิวโต๊ะ “หึ!! เมรีมันก็แค่ส่วนเกิน เป็นตัวปัญหาของพ่อ...เชิญเลย ไม่เห็นจะสน!!” ความรู้สึกลึกๆ ผุดพรายขึ้นมา เธอบ่นว่าบิดาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
และมันเข้าทางคนที่จ้อง...
“อ๋อ!! ทะเลาะกับพ่อมา พ่อไม่รักหรือไงล่ะ?” ช่วงวัยของเขาก็มีบุตรสาววัยประมาณนี้เลย แต่ก็ไม่นึกละอายที่คิดจะทำมิดีมิร้ายกับสาวแปลกหน้า
“เมรีไม่สนหร๊อก อยากแต่งงานเหรอ... เชิญ!!” ความประสงค์ของเก่งกาจ เขาต้องการมีเพื่อนปรับทุกข์ในบั้นปลายชีวิต แต่เมรีไม่ต้องการ เธอรู้สึกเหมือนถูกพราก ใครอีกคนแย่งความรักของบิดาไป
แก้วใบสวยในมือของเมรีว่างเปล่า หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์จึงรินบรั่นดีที่หนีบมาด้วยลงไปแทน คนสติสัมปชัญญะไม่เต็มร้อย แถมยังไม่รู้ว่ามีคนจ้องจะทำลาย เผลอยกกระดกใส่ปาก ครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำพั๊นที่ผสมแอลกอฮอล์แบบเจือจาง แต่มันคือบรั่นดีรสแรง มีแอลกอฮอลล์มากกว่า40ดีกรี ผลที่ได้คือ...
สติอันน้อยนิดของเมรีหลุดผึ่ง เธอเมาหนักกว่าเก่า จนแม้แต่การทรงตัวยังไม่ไหว
เสือหิวที่จ้องตะครุบยิ้มร่า เขาโบกมือให้บริกร พร้อมกับชำระค่าใช้จ่ายของเมรี ก่อนจะหิ้วปีกเธอออกไปจากสถานที่แห่งนั้น
ถึงจะเมามายจนสติเหลือเพียงน้อยนิด เมรีก็ยังรับรู้ถึงความน่ากลัว ของชายแปลกหน้า เธอพยายามขัดขืนแล้ว แต่มันไร้ประโยชน์ เรี่ยวแรงที่เธอมีนั้น แม้แต่ยกแขนยังยาก ดวงตาหรี่ปรือ กวาดมองหาทางรอดให้ตัวเอง พยายามส่งเสียงบอกคนอื่นๆ แต่มันไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบ...
“ปะ ปล่อยฉัน...”
หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม มันแอบสูดดมกลิ่นเนื้อนาง ลูบคลำสัดส่วนยวนตาของสาวขี้เมาด้วยความลำพอง ไม่สนใจเสียงร้องห้าม แสนแผ่วเครือนั่น
หญิงสาวพยายามขืนตัวไว้ แต่ไร้ประโยชน์ ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านใกล้ประตูนรกเข้าไปทุกที
เมรีรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย เธอสลัดผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นจนหลุด เรือนกายอวบอุ่นเซถลาไม่ต่างอะไรกับนกปีกหัก ล้มฟุบ!! แทบปลายเท้าของใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนั้น...
อีธานเอียงคอมอง เขากระดิกปลายรองเท้าไปมา มือแข็งแรงแกว่งแก้วบรั่นดีทรงสูง จนน้ำสีอำพันด้านในกลิ้งไปกลิ้งมา
“ชะ ช่วยด้วย!!”
เมรีเค้นเสียงวอนขอออกมาจนได้ เธอฟุบหน้าแนบกับพื้นสกปรก สติสัมปชัญญะหลุดลอยไปแบบสิ้นเชิง
หนุ่มใหญ่นักล่าถลาเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาว เขาทำท่าจะไปประคองเธอ
ปลายรองเท้าสีดำเสือกเสยเฉียดหน้าตนเองไปแบบเฉียดฉิว มันผงะ!! ล้มก้นกระแทกพื้น พร้อมแหกปากร้องลั่น
“โอ้ย!! ไอ้หนุ่มอยากมีเรื่องหรือไงวะ กูบอกแล้วใช่มั้ยอย่าเสือก” มันตะโกนพูดเสียงดังจนน้ำลายกระเซ็น ดวงตาเบิกโตจ้องมองหนุ่มแปลกหน้าด้วยความโกรธจัด
ดวงตาคมกริบจ้องมองหนุ่มใหญ่เหมือนกำลังตั้งใจหาเรื่อง!! ในดวงตานั้น หาได้มีความเกรงกลัว มีรอยยิ้มเยาะมุมปาก จนคนมองเห็นเดือดจัดมากขึ้น
“แถวนี้พี่คุมรู้ไว้ด้วยไอ้หน้าอ่อน”
หลังจากลุกขึ้นยืนได้ หนุ่มใหญ่วางก้ามข่ม มันเอ่ยเสียงกร้าวประกาศศักดา แบบตั้งใจข่มขู่
“อ๋อเหรอออ?” อีธานลากเสียงยานคาง เขาเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง กวาดตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลน
“กูบอกแล้วมึงไม่ฟัง แบบนึ้คงต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง” มันปรี่เข้ามาหา ทำท่าเหมือนจะประทุษร้าย
ขนาดมีคนขู่เหย็งๆ ตรงหน้า ยังไม่มีวี่แววของความเกรงกลัว หนุ่มใหญ่ลังเลนิดๆ แต่เหยื่อเนื้อหวานแสนโอชะนั่น จะให้ทิ้งไปง่ายๆ ก็คงเสียดายแย่ มันจำใจเดินหน้าต่อ พร้อมกับเริ่มรู้สึกหวาดๆ เมื่อไอ้หน้าอ่อนที่เขาปรามาส มันนิ่งเกินจนรู้สึกกลัว
สมัยนี้ รูปร่างหน้าตาวัดความแกร่งไม่ได้ บางคนรูปร่างอ้อนแอ้น แต่เขี้ยวเล็บกับมีอยู่รอบตัว คนตรงหน้านี่ รูปร่างสูงใหญ่ไม่ใช่น้อย แม้หน้าตาจะหล่อเหลา กระเดียดไปทางผู้หญิง เมื่อผู้ชายคนนี้ผิวขาวจั๊วะ แถมยังแต่งตัวนำแฟชั่น เหมือนลูกหลานคนมีสตางค์ที่สำรวยมากกว่าห้าวหาญ
อาวุธร้ายกาจสีเงินวาว!!
ถูกมือเรียวที่เขาแค่นว่า หยิบออกมาจากซอกเสื้อสูทที่มันสวม วางเสียงดังปัง!! ตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่แต้มมุมปาก
“ฉันไม่ได้ขู่ แล้วไอ้นี่ก็ไม่ได้มีไว้โชว์ ฉันซ้อมยิงปืนมาตั้งแต่อายุ10ขวบ แกคิดว่าระยะแค่นี้ฉันจะพลาดมั้ย?”
อีธานเปรย เขาฉวยแก้วบรั่นดีมากระดกดื่ม ไม่ได้รู้สึกกริ่งเกรงคนแปลกหน้าสักนิด
หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ มันขยับถอยหลังแบบอัตโนมัติ ถึงจะเสียดายเหยื่อแสนหวานแทบขาดใจ แต่หากต้องแลกกับลมหายใจตนเอง...คงต้องของบาย...
“โธ๋!! ลูกพี่อยากได้หล่อนก็ไม่บอก...ผมถอยให้ก็ได้”
สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไป มันพูดลิ้นรัว ก่อนจะรีบเผ่นแน่บ หายไปท่ามกลางคนมุง
ชายหนุ่มเก็บอาวุธหนักกลับเข้าที่เดิม เขาทรุดตัวลงไปประคองสาวน้อยที่เกือบจะสิ้นชื่อ พร้อมกับบ่นพึม
“ลูกเต้าเหล่าใครล่ะนี่ เมาขนาดนี้สมควรเสียตัวหรอก”
เมรีที่หมดสติไปแล้ว ตอนที่ถลาลงมาแทบเท้าอีธาน หล่อนหลับไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นอันตราย...