บทที่1.รอยตราที่ไม่อาจลืม...2/3
แต่ก่อนที่อันตรายจะถาโถมเข้าใส่ มีใครบางคนยื่นหน้าเข้าไปช่วย ไม่รู้ว่าหวังดี หรือต้องการมีเอี่ยวในเหยื่อแสนโอชะคนนี้ด้วย
“พี่ชาย...ผู้หญิงเขาไม่สนคนแก่หรอก สาวๆ แบบนี้ น่าจะเหมาะกับหนุ่มรุ่นแบบผมมากกว่า”
“อย่าเสือก!! จะไปไหนก็ไปเลยว่ะ คนนี้กูเจอก่อน!!” ชายแก่กว่าตะคอกกลับ จ้องคนมาใหม่ตาขวาง
“พี่ครับ ผมว่า...” บริกรหนุ่มพยายามช่วย
“อย่ายุ่งไอ้น้อง ไปเอาเหล้ามา แม่หนูนี่เขาต้องการ ไป๊ไป!!”
ชายวัยกลางคนคนนั้น หันไปไล่พนักงานซ้ำ เขาตวัดตาขุ่นขวางมองจิก เพราะไม่อยากให้ใครหน้าไหนแทรกเข้ามามีเอี่ยวด้วย
เพราะเท่าที่ดู ‘ไก่หลง’ ตรงหน้านี่ เขาได้กลิ่นสะอาดระเหยออกมาจากตัวหญิงสาวที่นอนฟุบหน้าบนโต๊ะนั่น กลิ่นของหล่อนสดสะอาดเหมือนกลีบดอกไม้ ไม่ใช่พวกย้อมแมวขาย ที่แสร้งทำกิริยาเหนียมอาย แต่มันคือการแสดงละครตบตา ตรงหน้าเขานี่ ของแท้!!
“พี่ชาย ผมขอต่อคิว”
เมื่อเห็นท่าทางแข็งขัน คนหนุ่มกว่าแต่มาทีหลังจึงยอมอ่อนให้
“ไม่ได้โว้ย...คนนี้กูต้องชิมก่อน”
มันหวงก้างแบบออกหน้า เมื่อเหยื่อสาวเนื้อหวานชวนชิมนี่ น่าจะสร้างความสุขให้ตนเองไม่น้อย
“อย่างกน่าลุง!! แบ่งๆ กันกินสิ นานๆ จะมีไก่หลงมาสักที”
เมรียังเมามายไม่ได้สติ เธอไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามากล้ำกรายในชีวิต ภัยที่อาจจะทำให้ชีวิตของเธอแหลกยับ
“กูเจอก่อน ถ้าอยากต่อคิว...มึงคงต้องรออีกนานว่ะ”
ชายหนุ่มรุ่นใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางคิดในใจ หากเป็นอย่างที่คิดจริง เขาพร้อมที่จะเลี้ยงดูหล่อน แม้จะมีครอบครัวอยู่เบื้องหลังแล้วก็ตาม แต่สมัยนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันหมดนั่นแหละ มีบ้านเล็ก บ้านน้อยแอบๆ ไว้ตามซอกตามมุม เพื่อสนองอารมณ์ความต้องการของตนเอง
อีธานเบ้ปาก เขามองคนกลุ่มใหญ่อยู่นานพอดู พวกเขาเหล่านั้นส่งเสียงดังน่ารำคาญจนเขารู้สึกฉุนนิดๆ หนุ่มร่างใหญ่ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินไปร่วมวงสนทนาด้วย ไม่ใช่เพราะอยากมีเอี่ยว เขาแค่ต้องการให้เสียงเหล่านั้น เงียบลงสักที!!
“เมื่อไรจะเลิกพูดเสียงดังสักทีหะ”
สติของอีธานมีไม่เต็มร้อยเท่าไรหรอก เขาเองก็กำลังอารมณ์เสีย และต้องการอยู่เงียบๆ เพื่อคิดทบทวนอะไรสักหน่อย
สถานที่ที่เคยสงบเป็นนิจ วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนเดิมเสียแล้ว ชายหนุ่มเซ็งสุดขีด!! เพราะเพิ่งโดนบิดาจอมเข้มงวดตะโกนด่า เพียงแค่เรื่องความเสเพลของเขา กับข่าวฉาวรายวันของทายาทตระกูลดังของ จางไท่กรุ๊ป
“อยากมีเอี่ยวด้วยเหรอลูกพี่ แต่คงยาก ตาลุงนี่หวงก้างฉิบหาย!!”
หนุ่มนักเที่ยวที่จ้องเมรีตาเป็นมันเอ่ยเสียงเซ็งสุดขีด
“มาอีกคนแล้ว ไอ้พวกพูดไม่รู้เรื่อง” หนุ่มใหญ่บ่นพึมพำ เขายกมือเท้าเอว โครงศีรษะไปมา เมื่อมีผู้ชายอีกคนเสนอหน้าเข้ามา เหมือนต้องการมีส่วนร่วม
หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีนหรี่เปลือกตาลง เขามองเป้าหมายที่ทำให้เกิดกรณีพิพาท ด้วยสายตาประเมิน
วงหน้าที่เห็นแค่เสี้ยวเดียว เมื่อส่วนที่เหลือเอนซบผิวโต๊ะ จากสายตาเสเพลตัวพ่อ!! เขาคิดว่า ส่วนที่ไม่ได้เห็นก็คงงดงามไม่ใช่น้อย ผมสีดำนิลดั่งขนของนกกาน้ำเป็นมันระยับล้อเล่นกับแสงไฟ ปลายจมูกเล็กๆ นั่นเชิดขึ้นนิดๆ เหมือนเจ้าตัวเป็นคนแสนงอน ปากอิ่มรูปกระจับเคลือบลิปสติกสีอ่อน แต่ก็ชวนให้ชิดเชยไม่น้อย ไม่แปลกหรอกที่เสือหิวจะจ้องตะครุบ!! อีธานไล่สายตาลงไปเรื่อยๆ เอวคอดกิ่วของหล่อนทำให้น้ำลายในปากของเขาเหนียวหนึบ เรียวขาเรียวที่พ้นชายกระโปรงนั่นอีก เรียวสวยจนลมหายใจของเขาสะดุด
“ไปไหนก็ไปเลย คนนี้กูเจอก่อน” หนุ่มใหญ่กันท่าสุดฤทธิ์ เขาวางก้าม อวดเบ่งให้ตนเองน่าเกรงขาม จนใครๆ ก็ขยาดไม่กล้าเข้าใกล้
“ถ้าหล่อนยินยอมดีๆ ฉันก็จะไม่ขวางหรอกนะ แต่ถ้าไม่!!” ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันคนที่ไม่ชอบยุ่งกับคนอื่นอย่างอีธาน นึกอยาก ‘เสือก’ เป็นครั้งแรก
เขากำลังอารมณ์ไม่ดี เนื่องจากเพิ่งโดนบิดาเฉ่งมาหมาดๆ เรื่องความไม่เอาไหนของตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นทายาทคนเดียวแท้ๆ แต่เรื่องงานในบริษัท อีธานแทบจะไม่สนใจ เขาสนุกไปกับการสังสรรค์ ท่องราตรี ควงสาวไม่ซ้ำหน้า เพื่อนฝูงรุมล้อม แต่บิดากลับไม่ปลื้ม คำสั่งด่วนก่อนที่เขาจะมาหมกตัวอยู่ที่นี่ คือการระงับบัตรเครดิตทุกใบของเขา และหากยังไม่เดินทางกลับไปพบบิดา ท่านจะยึดสิ่งอำนวยความสะดวกของเขาทั้งหมด
อีธานเลยมาทิ้งทวน ด้วยการดื่มอย่างหนัก ก่อนที่อิสรภาพของเขา จะหมดสิ้นลง...
“ไอ้หนุ่มอย่า ‘เสือก’ ได้มั้ยวะ หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอด”
สุภาษิตสอนใจของคนโบราณ หนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้ว เขาได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ฟังรู้เรื่องแต่แปลความหมายไม่ออก เมื่อตั้งแต่เด็ก จนโต อีธานใช้ชีวิตที่อเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่มัทนาที่เป็นคนไทย นางไม่ทิ้งขว้างภาษาบ้านเกิด อีธานเลยเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่พูดได้ถึงสามภาษา ไทย จีน และอังกฤษ