บทที่2.เจ้าชาย...หรือโจร!!
บทที่2.เจ้าชาย...หรือโจร!!
ห้องพักที่อีธานอาศัยซุกตัวนอน วันนี้เตียงกว้างของเขาถูกยึดครองจากคนแปลกหน้าที่สู้อุตส่าห์หิ้วมาจากสถานบันเทิงแห่งนั้น เพราะหากหล่อนทิ้งไว้...พรุ่งนี้เช้าคงมีข่าวโศกนาฏกรรมดังคึกโครม เมื่อฝูงหมาป่าเป็นโขยง จ้องรอจะเขมือบหล่อนอยู่
“แกกับหล่อนก็ไม่ต่างกันหรอกน่า”
อีธานเปรย เขายืนเท้าสะเอวมองเมรีที่นอนหลับบนเตียงด้วยสายตาหนักใจ
เขาเป็นทายาทคนเดียวของจางไท่กรุ๊ปก็จริง...แต่ช่วงนี้เขาถูกบิดาคาดโทษ จึงหลบมาพักอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ รอเวลาให้ความผิดที่สร้างเรื่องฉาวโฉ่ ลดทอนความรุนแรงลง แม้บัตรเครดิตทุกใบของเขาถูกระงับ เขามีแค่เงินสดติดตัวกับที่ซุกหัวนอน และรถยนต์หนึ่งคัน ยานพาหนะที่ใช้ขับขี่ไปไหนมาไหน มันอึดอัดทรมาน จนอีธานเกือบทนไม่ไหว แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็อยู่ได้ โดยไม่ลำบากเท่าไร แม้จะรู้สึกหงุดหงิดไปบ้าง...
เสื้อสูท ตามด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ถูกสลัดทิ้ง เขาคงต้องอาบน้ำ ล้างคราบเหม็นๆ ที่เกาะติดตามตัวออกไปก่อน ก่อนที่จะนอนหลับ และตื่นมาสู้กับความวุ่นวายในวันพรุ่งนี้
15นาทีต่อมา...
อีธานเดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ เขาเกือบสะดุดชายพรมจนหกล้ม เมื่อสายตามองเลยไปยังที่นอนของตัวเอง
เมรีที่เมามายและหลับสนิทตอนที่เขาหันหลังให้นั้น เวลานี้หล่อนตื่นแล้ว กำลังนั่งหัวห้อย ลำตัวเอนไปเอนมากลางเตียง อะไรไม่เท่า...เสื้อยืดทีน้ำตาลไหม้ที่หล่อนสวมอยู่บนช่วงบนลำตัวนั้น เวลานี้มันหล่นอยู่แทบปลายเท้าของเขา เรือนกายของหล่อนนั้น มีแค่บาร์เซียสีเนื้ออ่อนๆ ตัวเดียว
แม่เจ้า!!
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชายหนุ่มร่ำร้องในใจ แต่มันไร้ประโยชน์ เมื่อปลายเท้าของเขา ขยับเดินเข้าไปใกล้ๆ แบบอัตโนมัติ
“พ่อจ๋า กอดเมรีหน่อย” ในดวงตาพร่ามัว เมรีมองเห็นคนตรงหน้าเป็นบิดาตนเอง เธอชูมือขึ้น โบกมือไหวๆ ร่ำร้องให้คนที่คิดว่าเป็นบิดาเข้ามาใกล้ๆ โดยไม่รู้ว่า ที่อยู่ตรงหน้าตนเองนั้น ไม่ต่างอะไรกับอสูรร้าย!!
อีธานทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอน เขามองสบนัยน์ตาหรี่ปรือนั่น พยายามห้ามตนเอง แต่ไม่มีผลอะไรเลย...
“พ่อไม่รักเมรีแล้วเหรอคะ?”
“...” อีธานอึ้ง เขากะพริบเปลือกตาถี่ๆ
เมรียังร่ำร้อง เธอขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่ตนเองคิดว่าคือบิดา!! คนบนเตียงกระเสือกกระสนเข้าใกล้ หล่อนพยายามที่สุดที่จะให้บิดาแสดงความรักเหมือนเคย โดยไม่รู้ว่า คนตรงหน้าที่หล่อนเข้าใจไปเองนั้น ไม่ใช่ บิดา!!
อีธานขยับหนี เขายกมือตบหน้าผากตนเองแรงๆ
“ยัยบ้านี่ ตั้งใจยั่วหรือไงวะ!!” เขาบ่นอุบอิบ นั่งนิ่งๆ รอดูปฏิกิริยาของหล่อนต่อไป
“พ่อจ๋า อย่าแต่งงานใหม่เลยนะ เมรีไม่อยากให้ใคร...มาแทนที่แม่”
หญิงสาววอนขอเสียงพร่า เธอโถมเข้าใส่บิดา เกลือกกลิ้งหน้ากับแผ่นอกของท่าน
ชายหนุ่มกลอกตามองบน...เขาเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อบุคคลตรงหน้าหาใช่เด็กน้อยอายุสามขวบเมื่อไรล่ะ ที่กำลังถูไถเนื้อตัวกับเขานี่ คือผู้หญิงสวย...สวยจนเขาอยากตัดความลำบากใจ และโถมใส่หล่อนเสียเลย...
อีธานสูดลมหายใจลึกๆ ยกมือขึ้นดันศีรษะของเมรี “หยุดเถอะน่า” ชายหนุ่มบ่นเหมือนรำคาญ แต่ความจริงแล้ว ความรู้สึกของเขาเวลานี้ มันตรงกันข้ามกัน...เมื่อผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั่น หล่อนไม่ต่างอะไรกับเทพีอโพรไดท์ เรือนกายอวบอิ่มเย้ายวน...ทรวดทรงหล่อนสามารถทำให้เกิดสงครามได้เลย
มือเรียวบางยังลูบไล้เนื้อตัวของเขาไปมาไม่หยุด หล่อนพร่ำพูดเสียงอ้อแอ้
“หยุดสักทีสิ!! เกิดอะไรขึ้นจะมาโทษฉันไม่ได้นะ”
อีธานตวาดเสียงสั่นพร่า...เขาหลุบเปลือกตาลง...พยายามข่มใจสุดฤทธิ์ ก็คนในอ้อมแขนเป็นประติมากรรมที่สวยลออตาที่สุด เท่าที่เคยสัมผัสมา ผิวผ่องนั่นกำลังทำให้สติเขาขาดกระจาย
เนินอกอิ่มเบียดอัดอยู่ตรงหน้า อีธานสบถลั่น ‘พอกันที!!’ เขาจะไม่ทนอีกต่อไป เมื่อหล่อนกำลังยั่วเขา และหนทางที่จะทำให้ตนเองสงบลง มีแค่วิธีง่ายๆ วิธีเดียว เมื่อหล่อนเองก็ดูกร้านโลก การมีความสัมพันธ์ทางกายสำหรับวัยรุ่นสมัยนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
คงเพราะสันดานผู้ชาย พวกเขาใช้อารมณ์ตัดสินแทนความคิด เรื่องที่เกิดขึ้นเลยเป็นตราบาปที่ไม่อาจลบเลือนได้
เมรีที่สะลึมสะลือ ไม่รู้ว่าจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
เธอปล่อยตัวไปใจไปกับความฝันที่รางเลือน ความรัญจวนที่ทำให้ตนเองประสาทสั่น กับรสหวานหอมของรสพิวาสที่ตนเองไม่รู้จัก ดื่มด่ำกับความเย้ายวนที่คิดไปเอง
เมรีหลับสนิท...เธอเมาจัด บวกกับการเสียพลังงานมากมายในประสบการณ์ครั้งแรก...
10:00 นาฬิกา...
แพขนตาหนาประหนึ่งปีกผีเสื้อกระพือไหวขยับถี่ๆ ก่อนจะเปิดฉับ เมื่อสิ่งที่ตนเองจับภาพได้ทางสายตา ไม่คุ้นตาสักนิด
มือเรียวสั่นระริก ยกปิดปากตัวเองแน่นๆ ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า...มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ‘ที่นี่ที่ไหน?’ เสียงถามดังขึ้นในหัว มันน่าตกใจเสียเหลือเกิน เมื่อลืมตาขึ้นมาในสภาพที่น่าอดสู เธอเปลือย แถมยังมีผู้ชายตัวใหญ่นอนคว่ำหน้าอยู่ด้านข้าง ‘คุณพระ!!’
สภาพร่างกายตนเอง คนไม่ประสีประสาก็คงรู้ เมื่อบนผิวเนื้อขาวผ่องเต็มไปด้วยริ้วรอย เพียงแค่ขยับร่างกาย ความ ‘เจ็บ’ พุ่งปราดจากกึ่งกลางร่างกายจนทำให้ตนเองตระหนกมากขึ้น
เมรีฉวยผ้าห่มผืนบางมาห่อร่างเปลือยของตนเอง เธอคลานลงจากเตียงนอน น้ำตาหยดริน ควานหาเสื้อผ้าบนพื้นพรม กระโจนเข้าไปในห้องน้ำด้านข้าง รีบปิดล็อกประตูด้วยมือที่สั่นระริก
‘ต้องรีบไป!!’
เมรีคิดออกแค่นี้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สำนึกสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะมืดมิด เธอกำลังดื่มเพื่อประชดบิดาอยู่ที่ไหนสักที่
ฝีเท้าเบากริบจรดลงบนพื้น เธอย่องออกมาเงียบๆ ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง เมรีหันไปมอง ‘เขา’ แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่พ้นชายผ้าห่ม มีรูปรอยอะไรบางอย่าง...หญิงสาวขมวดคิ้ว เขม้นมองยังจุดนั้น ‘รอยสัก’ รูปมังกรตัวใหญ่ กับเสี้ยวหน้าคมคาย เธอขอจดจำหน้าเขาไว้ ก่อนจะรีบผลุนผลันจากไป...
หญิงสาวนั่งห่อตัวลีบอยู่ที่เบาะหลังรถแท็กซี่ที่กำลังวิ่งฉิวไปยังจุดหมายปลายทาง เธอออกมาจากที่แห่งนั้น และกำลังตรงกลับบ้าน...
“เมรี...หายไปไหนมาลูก พ่อรอทั้งคืน” ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในบ้าน เสียงบิดาตะโกนถาม ท่านเดินตรงมาหาเธอ
“พ่อ” หญิงสาวคราง น้ำตาไหลริน เธอไม่ใช่เมรีคนเดิมแล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้นและไม่สามารถบอกใครได้
“กินอะไรมาหรือยังล่ะ?” ท่านถาม เสียงปนความห่วงใย
“ขอเมรีไปนอนก่อนนะพ่อ...เมื่อคืนเมรีนอนบ้านเพื่อน...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวรีบตัดบท ก่อนที่บิดาจะมองเห็นความผิดปกติ
เก่งกาจมองตามบุตรสาวขึ้นไป ท่านถอนใจดังเฮือก เดินกลับไปนั่งที่เดิม และย้อนทบทวนความต้องการของตนเองเสียใหม่ หากต้องเลือกระหว่าง ‘ความสุขของตัวเอง’ กับ ‘ความสุขของลูก’ น้ำหนักความชั่งใจเทมาฝั่งของเมรี หากจำเป็นจริงๆ เขาคงต้องเลือกเมรี มากกว่าเพื่อนคู่คิดที่เข้าใจเขาในอนาคต
“เห้อ”