บท
ตั้งค่า

๒.๒ เจ้าจ้อยแสนอาภัพ

“คุณพ่อ! คุณแม่!”

ราชนิกุลหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีอุทานอย่างตกใจ ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างจ้องมองผ่านความโกลาหลของผู้คนในงานเลี้ยงไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีอาวุธครบมือ พวกเขาเหล่านั้นกำลังตรึงกำลังและจับกุมตัวนายกรัฐมนตรีและข้าราชการอีกหลายนาย รวมทั้งหม่อมราชวงศ์พศุตม์ และคุณสร้อยฟ้า ระวิวรรณ บิดามารดาของพระพายด้วย

ร่างเล็กที่ถูกรพีรวบเอาไว้ดิ้นหลุดแล้ววิ่งฝ่าบรรดาผู้คนในงานเต้นรำที่กำลังแตกตื่นตรงดิ่งสู่กลุ่มชายฉกรรจ์อย่างไม่เกรงกลัว

“พระพาย!” หม่อมเจ้าตะวันฉายคว้าพระพายไว้ไม่ทัน จึงหันมารับสั่งบุตรชาย “ชายพี! รีบไปเอาตัวน้องออกมา เร็ว!”

แม้จะไม่รู้แน่ว่าเด็กดื้อคนนั้นเป็นใคร เหตุใดท่านพ่อจึงได้เป็นห่วงนัก แต่หม่อมราชวงศ์รพีก็ไม่รีรอ เขาทำตามรับสั่งผู้เป็นบิดาทันที บุญเหลือเกินที่แม้พระพายจะว่องไว แต่เพราะความโกลาหลทำให้หนุ่มน้อยพุ่งตัวไปถึงกลุ่มทหารเหล่านั้นได้ช้ากว่าที่ตั้งใจ จึงทำให้รพีตามมาคว้าตัวไว้ได้ก่อนที่พระพายจะโดนหางเลขไปอีกคน

“ปล่อยผม!” พระพายถูกรวบตัวไว้ในอ้อมอกของใครบางคน “อื้อ” และเมื่อจะร้องตะโกนก็ถูกฝ่ามือใหญ่ตะปบเข้ามาปิดปาก จึงทำได้แค่ดิ้นพล่านและจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนพวกนั้นที่กำลังกวาดต้อนพ่อแม่ของตัวเองไป ในขณะที่ตัวเขาเองก็ถูกคนตัวใหญ่ลากห่างออกมาเรื่อย ๆ

รพีไม่ได้อธิบายอะไร เขารีบพาพระพายกลับมายังจุดที่หม่อมเจ้าตะวันฉายและหม่อมปรางทิพย์หลบอยู่ เมื่อมาถึงก็รีบบอกให้ทุกคนตามเขาออกมา

ไม่นานหม่อมหลวงพระพายก็ถูกยัดใส่เข้ามาในรถยนต์คันใหญ่ แล้วมันก็พุ่งตัวออกจากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในทันที พระพายไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนจับเขามาและภายในรถมีใครบ้าง หนุ่มน้อยต้องการเพียงไปช่วยบิดามารดาที่ถูกจับตัวไปเท่านั้น

“ปล่อยผม! ปล่อย!”

เขาพยายามที่จะเปิดประตูรถที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว แต่หม่อมเจ้าตะวันฉายรวบตัวเอาไว้ แล้วปลอบให้ใจเย็น

“พระพาย ลูก ใจเย็น ๆ ฟังลุง”

“ท่านลุง” พระพายหมุนตัวมาหา เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยสติสัมปชัญญะก็เริ่มกลับมา คนที่จะให้คำตอบได้ว่าข้างในนั้นมันเกิดอะไรขึ้นก็คงเป็นหม่อมเจ้าตะวันฉายเพื่อนของบิดามารดาคนนี้ “มันเกิดอะไรขึ้นกระหม่อม คนพวกนั้นเป็นใคร แล้วมาจับตัวพ่อกับแม่กระหม่อมทำไม”

“คนกลุ่มนั้นเป็นทหาร”

“ทหารหรือกระหม่อม?”

พระพายประมวลผลอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่บิดามักพาออกงานพบปะผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้เขาพอจะได้ยินเรื่องการเมืองอยู่บ้างแม้จะไม่ค่อยใส่ใจนักก็ตาม

“รัฐประหารหรือกระหม่อม?” พระพายโพล่งคำที่เคยได้ยินผ่านหูขึ้นมาทันที เมื่อหม่อมเจ้าตะวันฉายพยักหน้า พระพายก็ยิ่งตกใจ “แล้วคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวอะไรด้วยเล่ากระหม่อม”

หม่อมเจ้าตะวันฉายทอดเนตรใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นตกใจแล้วถอนหทัยยาว ท่านเองก็หนักใจเช่นกันที่จะพูดมันออกมาเพราะว่าจริงเท็จเพียงใดก็ยังไม่อาจรู้

“มีข่าวลือว่าพศุตม์อยู่ในกลุ่มฉ้อราษฎร์บังหลวง นำเงินไปซื้อจอบเสียมแจกจ่ายให้ราษฎรทำการเกษตร ทว่ามีหลักฐานปรากฏว่าเป็นจอบเสียมที่ไม่ได้มาตรฐาน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีเอี่ยวกับเรื่องนี้เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง”

“ไม่จริง!” พระพายโพล่งขึ้นมากลางคันทั้ง ๆ ที่หม่อมเจ้าตะวันฉายยังตรัสไม่จบ

“ลุงก็ไม่เชื่อว่าพศุตม์จะทำเรื่องแบบนั้น หลานไม่ต้องเป็นห่วง ลุงให้คนของลุงซุ่มหาหลักฐานเพื่อล้างมลทินให้พศุตม์มาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเสียก่อน อย่างไรเสียลุงจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

“คุณพ่อคุณแม่จะไม่เป็นไรใช่ไหมกระหม่อม”

“อย่าห่วงไปเลย คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ จำที่ลุงเคยสอนตอนเด็ก ๆ ได้ไหม?”

“จำได้กระหม่อม”

หม่อมเจ้าตะวันฉายกับหม่อมราชวงศ์พศุตม์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จึงไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง ตอนเด็ก ๆ พระพายได้มีโอกาสเข้าเฝ้าท่านชายตุ้มอยู่เนืองนิจทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ท่านโปรดให้เขาคลอเคลียด้วยคิดถึงบุตรชายที่เติบโตพ้นวัยเด็กและยังไปร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศ ส่วนธิดาที่เหลืออยู่ในวังก็ล้วนเป็นหญิง และความซุกซนช่างพูดช่างถามของพระพายก็ทำให้ท่านชายตุ้มโปรดปรานยิ่งนัก ท่านมักอบรมสั่งสอนหวังให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม

“ไหนว่าจำได้” หม่อมเจ้าตะวันฉายแย้มโอษฐ์ ยื่นมือมาลูบศีรษะทุย ทั้งเพื่อปลอบขวัญอีกทั้งยังนึกโปรด “ลุงเคยบอกแล้วว่าให้คุยกันธรรมดาตามประสาลุงหลานอย่างไรเล่า”

ท่านชายตุ้มเคยบอกหลายครั้งหลายคราว่าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับท่าน แต่พระพายก็ถูกบิดามารดาปรามอยู่บ่อยครั้งว่าอย่าตีตนเสมอท่าน หนุ่มน้อยจึงเผลอใช้บ้าง โดยเฉพาะยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น

“ครับ ท่านลุง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel