บท
ตั้งค่า

๒.๓ เจ้าจ้อยแสนอาภัพ

“ครับ ท่านลุง”

พระพายรับคำ แต่สีหน้าและแววตาก็ยังคงเศร้าอยู่ ท่านชายตุ้มจึงปลอบพร้อมกับให้สัญญา

“อย่ากังวลไปเลย ลุงสัญญาว่าวันพรุ่งนี้หลานจะได้พบกับพศุตม์และสร้อยฟ้า”

“จริงหรือครับท่านลุง”

“จริงสิ แต่ต้องยิ้มให้ลุงดูก่อน”

ดวงหน้าเศร้าเงยขึ้นมาแล้วฝืนยิ้มให้เพื่อนของบิดาอย่างแกน ๆ หม่อมเจ้าตะวันฉายจึงดึงร่างบางเข้าไปกอดปลอบ

หม่อมราชวงศ์รพีมองภาพนั้นผ่านกระจกมองหลังอย่างแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นหม่อมเจ้าตะวันฉายอ่อนโยนกับใครได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่น้อง ๆ ของเขาก็ออกจะเกรงกลัวท่านพ่อเสียจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาคลอเคลีย แต่ดูเหมือนว่าพระพายจะเป็นข้อยกเว้น

เขาเคยพบหม่อมราชวงศ์พศุตม์และสร้อยฟ้า รู้ว่าทั้งสองมีบุตรชายหนึ่งคน แต่รพีไม่เคยพบหน้า คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีชื่อแปลก ๆ ที่แท้ก็เจ้าสายลมผู้หลากหลายอารมณ์คนนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้ก็กระโดดเหยง ๆ จะเอาเรื่องเขาเสียให้ได้ข้อหาฆาตกรรมเจ้าจ้อยเจ้ากระรอกน้อยแสนอาภัพ ต่อมาก็วิ่งเข้าใส่กลุ่มทหารที่มีอาวุธครบมืออย่างอาจหาญว่องไวราวกับพายุ มาตอนนี้กลับสิ้นสภาพใบหน้าอาบน้ำตาอยู่ในอกของท่านพ่อของเขาราวกับเด็กน้อยผู้น่าสงสาร เดาไม่ออกเลยว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนี้มีตัวตนเป็นอย่างไร แข็งแกร่งกร้านโลกดังหินผาหรือว่าอ่อนแอและเปราะบางดังปุยเมฆเพียงแค่เจอกระแสลมแรงก็แตกสลาย

หม่อมเจ้าตะวันฉายพาพระพายมาอยู่ที่วังตุลยาธรด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ราชนิกุลหนุ่มน้อยยอมอย่างว่าง่าย และเฝ้ารอให้ถึงวันพรุ่งนี้อย่างใจจดจ่อ พระพายนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเป็นห่วงบิดามารดา ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกท่านจะเป็นอย่างไร

เขาเดินผ่านห้องทรงงานของท่านชายตุ้มที่ประตูเปิดแง้มอยู่ในยามวิกาล เสียงสนทนาจากด้านในเล็ดลอดออกมาให้พอได้ยินว่าท่านชายกับรพีและผู้ชายอีกสองคนกำลังปรึกษากันเรื่องที่จะช่วยพาตัวพศุตม์กับสร้อยฟ้าออกมา พระพายจึงมีความหวังว่าวันพรุ่งนี้เขาจะได้เจอหน้าพ่อกับแม่

ทว่าในวันรุ่งขึ้น พระพายนั่งรออยู่หน้าวังตุลยาธรตั้งแต่ทินกรทอแสงตราบจนมันเคลื่อนคล้อยไปทางทิศประจิมก็ยังไม่มีวี่แววว่าบิดามารดาจะมาหา ท่านชายตุ้มกับบุตรชายคนโตอย่างหม่อมราชวงศ์รพีก็หายหน้าไปตั้งแต่เช้าตรู่ ราชนิกุลหนุ่มร้อนใจเหลือคณา บรรดาคนรับใช้มาเชิญให้ไปรับประทานอาหาร พระพายก็โบกมือบอกว่าไม่หิว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเขากินไม่ลง เดือดร้อนให้หม่อมจอมขวัญต้องมาเชิญด้วยตัวเอง

“พระพาย” ภรรยารองของหม่อมเจ้าตะวันฉายที่พระพายรู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนสนิทกับสร้อยฟ้าเอ่ยเรียกหลานชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “กินข้าวกินปลาเสียบ้างเถิดลูก”

“หม่อม…” พระพายหันไปสบตาผู้ใหญ่ด้วยดวงตาแดงก่ำ “พ่อกับแม่ยังไม่มาเลยครับ”

“คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ หลานอย่าได้เป็นกังวลไป เดี๋ยวจะล้มป่วยทำให้สร้อยฟ้าเป็นห่วง” หม่อมจอมขวัญพูดเหมือนท่านชายตุ้มไม่มีผิด ผู้ใหญ่ก็ปลอบได้เพียงเท่านี้

หม่อมจอมขวัญใช้วาทศิลป์เกลี้ยกล่อมอยู่ครู่ใหญ่จนพระพายใจอ่อนยอมกินข้าว แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินกลับเข้าไปในวัง รถยนต์คันใหญ่ก็เคลื่อนตัวเข้ามา พระพายได้ยินเสียงก็หันขวับไปมอง เมื่อพบว่ามันคือรถของวังตุลยาธรที่รพีใช้เมื่อคืนเขาก็รีบวิ่งออกมายืนรอรับ

หนุ่มน้อยก้ม ๆ ย่อ ๆ เพื่อเพ่งมองว่าภายในรถมีใครอยู่บ้าง แล้วดวงตาสีน้ำตาลก็เจิดจ้าอย่างดีใจเมื่อหนึ่งในนั้นคือมารดา

ทันทีที่รถจอดสนิท พระพายก็รีบไปเปิดประตูด้านที่สร้อยฟ้านั่ง ก่อนจะโผเข้ากอดมารดาอย่างดีใจ

“คุณแม่ครับ”

สร้อยฟ้าอ้าแขนรับลูกชายวัยสิบเจ็ดปีที่โถมตัวเข้ามา แล้วกอดรัดเอาไว้แน่น

“ลูกรัก” ร่างของนางสั่นสะท้านยามเอ่ยเรียกลูกน้อย น้ำเสียงเครือสั่นราวกับจะขาดใจ พระพายรับรู้ได้ถึงน้ำตาของแม่ที่หยดลงบนบ่า เขารีบผละตัวออกมาแล้วละล่ำละลักถาม

“คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง” ดวงตาคลอน้ำเริ่มกวาดมองหา เมื่อเห็นว่าทุกคนลงมาจากรถหมดแล้ว แต่ไม่เห็นผู้เป็นบิดาแม้แต่เงา “แล้วคุณพ่อล่ะครับ?”

ทันทีที่สิ้นเสียงของลูกชาย คนเป็นแม่ก็ร่ำไห้ดึงพระพายเข้าไปกอดไว้แน่นอีกครั้ง

“พ่อของลูกสิ้นใจแล้วพระพาย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel