บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 การแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม

มู่จิ่วเยว่ล้างผักป่าที่เพิ่งเอาแช่น้ำไว้ รอให้โจ๊กใกล้เสร็จแล้วค่อยโยนลงหม้อไปต้มใส่ด้วยกัน

น้ำมันและเกลือนับเป็นของมีค่าราคาแพงในพื้นที่ชนบท ครอบครัวธรรมดาจะไม่มี ดังนั้นตอนแยกเรือนจึงไม่มีแบ่งมาให้พวกเขา ไม่มีรสชาติอะไรเลย นางก็ทำได้แค่กินไปทั้งแบบนี้

นางยกชามโจ๊กเข้ามาในห้อง วางโจ๊กลงบนโต๊ะแล้วมองหลัวชิงอวี่ที่กำลังหลับตาอยู่บนเตียง

นางดัดเสียงพูดอย่างออดอ้อน "สามีอยากให้ข้าป้อนเจ้ากินโจ๊กหรือไม่?"

หลังจากพูดจบ นางกลับเป็นฝ่ายตัวสั่นขนลุกก่อน เสียงออดอ้อนแบบนี้ไม่เหมาะกับนางเลยจริงๆ

“ไม่ต้อง!” หลัวชิงอวี่เอ่ยปาก ท่าทีไม่ได้ดูดุร้ายเหมือนเมื่อวาน

“ไม่ก็ดี เช่นนั้นเจ้ากินโจ๊กก่อน ประเดี๋ยวข้าจะช่วยดูแผลให้เจ้าทีหลัง”

พูดจบนางก็เดินออกไปโดยไม่สนใจเขาเลย

หลัวชิงอวี่มองตามแผ่นหลังของนางแต่กลับไม่พูดอะไร ทุกครั้งที่ได้ยินนางเรียกสามี หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก

มู่จิ่วเยว่กินโจ๊กของตัวเองเสร็จ หลัวต้าหย่งก็มาพร้อมกับภรรยาและลูกๆ

“เมื่อครู่ คนตระกูลหลัวมาสร้างปัญหาที่นี่อีกแล้วเหรอ?”

หลัวต้าหย่งเห็นนางนั่งกินโจ๊กอยู่หน้าประตู เดิมทีท่าทางของนางดูหยาบคายและไม่สำรวมเอามากๆ แต่เพราะนางตัวเล็ก แถมยังสวย มันจึงทำให้รู้สึกน่ามองเสียมากกว่า

มู่จิ่วเยว่ไม่เงยหน้าขึ้น “เจ้าได้ยินทุกอย่างแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เรือนทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เมื่อครู่นี้เสียงดังเอะอะขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่ได้ยิน

ภรรยาของหลัวต้าหย่งเป็นผู้หญิงผิวเข้มตัวผอม ดูท่าทางเหมือนจะแก่กว่าหลัวต้าหย่ง

นางมีนิสัยร่าเริงตรงไปตรงมา "น้องสาว เจ้าชื่ออะไร ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากจะซ่อมแซมเรือน ข้าจึงมาช่วยสานหญ้ามุงหลังคา"

คราวนี้มู่จิ่วเยว่ถึงเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวมีใบหน้าประดับรอยยิ้ม ดูแล้วสบายตากว่าหลัวต้าหย่งเจ้าท่อนไม้นั่นเป็นไหนๆ

“ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง พวกเจ้ากินอะไรมาแล้วหรือยัง เรียกข้าว่าจิ่วเยว่ก็ได้”

“ชื่อดีนะ! เรากินมาแล้ว เจ้าก็รีบกินเถอะ” ​​ซ่งซื่อผลักหลัวต้าหย่งเบาๆ “เจ้าไปดูชิงอวี่เถอะ ข้าจะพาเด็กๆ สานหญ้าก่อน”

มู่จิ่วเยว่รุ้สึกเกรงใจเล็กน้อย ลูกคนโตที่กำลังมองนางอยู่อายุน่าจะประมาณห้าขวบ ส่วนคนเล็กเพิ่งจะหัดเดินเอง ช่วยสานหญ้าได้แล้วเหรอ?

นี่คือความหมายที่ว่าลูกคนจนรู้ความไวงั้นเหรอ?

“พี่สะใภ้ ปล่อยให้เด็กๆ เล่นไปเถอะ” นางกล่าวพลางรีบกินโจ๊กที่เหลือ.shs,f

ซ่งซื่อทำงานคล่องตัวว่องไวมาก มีนางมาช่วย เพียงไม่นานทั้งสองคนก็สานหญ้ามุงเสร็จอย่างรวดเร็ว

หลัวต้าหย่งยกบันไดออกมาและปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว แล้วช่วยเอาหญ้ามุงหลังคาขึ้นไปมัดให้เรียบร้อย

มู่จิ่วเยว่ฉวยโอกาสตอนนี้เข้าไปในห้องของหลัวชิงอวี่

เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน เมื่อเช้าเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานก็ดันมาโดนพ่อแม่ผู้ประเสริฐของเขาปลุกจนตื่นอีก

แม้ว่าด้านนอกจะทำงานกันเสียงดังลั่น แต่เขาก็ยังหลับสนิท

มู่จิ่วเยว่ยืนอยู่ข้างเตียง อันที่จริงผู้ชายคนนี้หล่อมาก แต่ผิวคล้ำเล็กน้อย

โดยเฉพาะตอนนี้ที่กำลังหลับ มันทำให้ความหม่นหมองของเขาดูน้อยลงไป แต่กลับเพิ่มความเศร้าโศกมากขึ้นจนทำให้มู่จิ่วเยว่ไม่อาจละสายตาได้

“หน้าตาไม่เลว แต่น่าเสียดายมีพ่อแม่ผิดคน” นางพึมพำเบาๆ แล้วเดินไปที่เตียง

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว มีแสงสว่างเพียงพอ นางค่อยๆ เปิดผ้าพันแผลรอบเท้าของเขาออก

เมื่อเปิดผ้าออก กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นผสมกับกลิ่นเลือดก็ลอยอบอวลไปในอากาศ

นางค่อยๆ ขูดสมุนไพรจากเท้าลงบนผ้าอย่างระมัดระวัง ขณะที่ตรวจดูบาดแผลนางก็อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้

บาดเจ็บสาหัสมากจริงๆ กระดูกน่องขาหัก จุกที่หักก็แทงทะลุผิวหนังออกมา

ตอนนี้อากาศร้อน แผลไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ทำให้มีหนอง และบวมแดงขึ้นมา

บาดแผลแบบนี้ต้องทำการผ่าตัดเอาเศษกระดูกที่แตกหักด้านในออกมา แล้วค่อยจัดตำแหน่งกระดูกที่หักใหม่

ทายาต่อกระดูกที่นางใช้เตายาเคี่ยวออกมาเล็กๆ ก็น่าจะอาการดีขึ้น

แต่ระหว่างนั้นต้องทุกข์ทรมานมาก และต้องใช้เวลานานพอสมควร

“เจ้าทำอะไร” เสียงแหบห้าวของหลัวชิงอวี่ดังขึ้น ผสมกับน้ำเสียงโกรธๆ เล็กน้อย

แม้ว่ามู่จิ่วเยว่จะเบามือมากแล้ว แต่ความเจ็บปวดจากการกระดูกแม้จะไม่ขยับมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนยากที่จะนอนหลับได้

มู่จิ่วเยว่ถอดผ้าที่พันขาอีกข้างของเขาออกด้วย แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "บาดแผลของเจ้าจะพันไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว มันเริ่มบวมหนองแล้ว"

หลังจากชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง นางก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า "หลัวชิงอวี่ ขาของเจ้า ข้ารักษาได้"

หลัวชิงอวี่มองนางนิ่งๆ ไม่รู้ว่าเขาเชื่อคำพูดของนางหรือไม่

มู่จิ่วเยว่ก็ไม่รีบร้อน นางค่อย ๆ ถอดผ้าออกจนหมดและขูดสมุนไพรออก

ขาขวาได้รับบาดเจ็บหนักยิ่งกว่า เพราะบาดเจ็บไปถึงเอ็นเข่า และกระดูกที่หักก็บิดเบี้ยวผิดรูปไปโดยสิ้นเชิง

มิน่าหมอที่นี่ถึงบอกว่าไม่มีทางรักษาได้ บาดเจ็บขนาดนี้ แม้จะอยู่ในยุคหลังก็ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ ยิ่งสมัยโบราณที่เทคโนโลยีการแพทย์ล้าหลังแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

นางสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้จริง แต่นางไม่มีเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด

และไม่รู้ว่าในพื้นที่ห้วงเวลาแดนมหัศจรรย์ของนางจะมีไหม ไม่อย่างนั้นคงต้องคิดหาวิธีอื่น

“เจ้าต้องการอะไร” ในที่สุดหลัวชิงอวี่ก็เอ่ยปากถาม

มู่จิ่วเยว่ยืนตัวตรง มองตาเขาแล้วพูดเบา ๆ “ข้าจะรักษาขาของเจ้าให้หายดี ส่วนเจ้าก็คืนอิสระให้แก่ข้า เป็นไง?”

นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม สัญญาขายตัวของนางอยู่ในมือของตระกูลหลัว นางไม่สามารถไปไหนได้

นอกจากจะเริ่มต้นลงมือที่เขา

หลัวชิงอวี่มองนางนิ่งๆ ผ่านไปพักใหญ่เขาจึงพูดอย่างเย็นชาว่า "ตกลง!"

เขาไม่ได้ถามว่าเหตุใดนางจึงรู้วิชาการแพทย์ และสามารถรักษาขาของเขาได้จริงหรือไม่ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาพบว่าแม่นางผู้นี้ไม่ได้เป็นเหมือนดังข่าวลือ

ในตัวนางเหมือนมีอีกด้านหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้

เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบตกลงกับนาง

บางทีอาจเป็นเพราะได้เหตุธาตุแท้อันเย็นชาของคนในครอบครัวแล้ว มันทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้กระมัง?

มู่จิ่วเยว่ไม่คิดว่าเขาจะยอมตกลงง่ายๆ ขนาดนี้ นางนึกว่าต้องเกลี้ยกล่อมไปอีกพักใหญ่เสียอีก

แต่เมื่อนึกถึงชื่อเสียงของตัวเอง นางก็เข้าใจทันที

มันก็เหมือนอย่างที่เฉินซื่อเคยพูดไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขา คนที่มีชื่อเสียงป่นปี้อย่างนางคงไม่มีทางได้มาลงเอยกับเขาหรอก?

นางหยิบผ้าผันแผลกับสมุนไพรเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินตรงไปที่เตาไฟเพื่อต้มน้ำร้อน

หลัวต้าหย่งมัดมุงหลังคาอยู่ด้านบน แม้ว่าพวกเขาสองคนจะคุยกันเสียงเบามาก แต่ก็ถูกเขาได้ยินจนได้

แววตาเขาสื่อความหมายชัดเจน เมื่อมองมู่จิ่วเยว่เดินเข้าไปในเรือนครัวจากด้านบน เขาจึงยกมุมปากยิ้มจากด้านบน

“ชิงอวี่ เจ้าเชื่อสิ่งที่นางพูดจริงเหรอ?” เขาพยายามกดเสียงลงต่ำมาก

เมื่อหลัวชิงอวี่ที่กำลังครุ่นคิดได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างเคืองๆ “ต้าหย่ง เจ้าติดนิสัยชอบแอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทางของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก หลัวต้าหย่งก็สบายใจขึ้น

"ข้าไม่ได้หูหนวกนี่"

ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างข่าวลือข้างนอก ตรงกันข้ามนางกลับดูมีโชคติดตัวยังไงบอกไม่ถูก

เมื่อวานหลัวชิงอวี่ยังทำหน้ายอมแพ้กับชะตาชีวิต แทบไม่ยอมพูดเลยสักคำ แต่วันนี้กลับดีขึ้นมากไม่น้อย

บางทีชิงอวี่อาจจะดีขึ้นจริงๆ ก็ได้

หลัวชิงอวี่เม้มริมฝีปากแต่ไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งจับต้นขาขวาไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาบูดเบี้ยวเล็กน้อย ตามหน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

ไม่นานมู่จิ่วเยว่ก็เข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำร้อน นางเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง “เจ็บรึ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel