บทที่ 7 พ่อแม่ที่วิเศษสุด
มู่จิ่วเยว่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเฉินซื่อยืนอยู่หน้าเรือนครัวกำลังมองนางด้วยสายตาประหลาดใจ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” มู่จิ่วเยว่ก้มหน้าก้มตายุ่งกบงานของตัวเองต่อ สำหรับคนในครอบครัวของหลัวชิงอวี่ นางไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้พวกเขาเลยสักนิด
“แน่นอน ข้าก็มาดู…” เฉินซื่อเกือบจะพูดหลุดปาก แต่จู่ๆ ก็สะดุ้งรีบปิดปากตัวเองทันที
จิ่วเยว่ชะงักมือหยุดไปครู่หนึ่ง และเข้าใจทันทีว่าคนตระกูลหลัวคงอยากจะมาดูว่าหลัวชิงอวี่ถูกดวงกินผัวของนางฆ่าตายไปแล้วหรือยัง?
ตอนนี้มู่จิ่วเยว่แอบเศร้าใจแทนหลัวชิงอวี่อยู่ในใจเล็กน้อย ต้องมาอยู่ท่ามกลางพ่อแม่และครอบครัวแบบนี้ การที่เขามีชีวิตอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้นับเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
เมื่อนึกได้เช่นนั้น มู่จิ่วเยว่จึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปทันที
เฉินซื่อที่ยืนอยู่ตรงประตูตกใจมากจึงรีบถอยหลังเผลอไปเหยียบลงหลุมจนตัวโซเซจนเกือบล้ม
มู่จิ่วเยว่กลับหัวเราะออกมาและมองนางอย่างมีเลศนัย เมื่อเดินมาถึงหน้าเรือนครัวก็มองไปทางห้องของหลัวชิงอวี่
ตรงนั้นมีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่นอกประตู พวกเขาไม่ได้เข้าไป แต่ก็โผล่หัวมองเข้าไปข้างในเป็นครั้งคราว
เสียงร้องไห้ดังมาจากในห้อง "ลูกชายผู้น่าสงสารของข้า เหตุใดเจ้าถึงมาด่วนจากไปเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะนังดวงกินผัวผู้นั้นแน่ๆ แม่จะไม่ปล่อยนางไว้แน่ "
มูจิ่วเยว่ริมฝีปากกระตุกสั่น ทั้งๆ ที่รู้ว่านางเป็นตัวซวย แต่ยังซื้อตัวนางมายัดเยียดเป็นเมียลูกชายที่บาดเจ็บสาหัส ก็เพราะอยากให้เขาตายไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้คนยังไม่ตายแท้ๆ แต่นางกลับวิ่งมาร้องห่มร้องไห้ถึงนี่ กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้หรือไง
จริงๆ เลย คนไร้ยางอายไร้ที่เทียบจริงๆ!
นางสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ตัวยังเดินไม่ถึงแต่นางกลับชิงร้องไห้ขึ้นมาก่อน
“ฮือฮือ สามี เจ้าทิ้งข้าไว้เพียงลำพังเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าจะให้ภรรยาอย่างข้าอยู่ต่อไปอย่างไร”
ชายหนุ่มสองคนที่ยืนเฝ้าประตูได้ยินเสียงนางก็ขวางหน้าประตูทันที
“นังตัวซวย เจ้าทำให้น้องชายข้าต้องตาย ยังจะมีหน้ามาร้องไห้อีก?”
มู่จิ่วเยว่ทำท่าปาดน้ำตาที่ไม่มีน้ำตาตรงหางตา แล้วพูดว่า “ไม่ใช่พวกเจ้าซื้อตัวข้ามาหวังอยากให้ดวงกินผัวของข้าฆ่าเขาให้ตายหรอกหรือ หากไม่ใช่พวกเจ้า ข้าก็คงมาอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก?"
"เจ้า..." หลัวชิงหลานโมโหมาก ได้แต่ชี้หน้านางแต่พูดไม่ออก
มู่จิ่วเยว่ออกแรงดึงตัวชายสองคนนั้นออกไป ก่อนจะเห็นเฒ่าแก่หลัวกับท่านหญิงเฒ่าหลิ่วที่คนหนึ่งยืน อีกคนนั่งอยู่ข้างเตียง
ท่านหญิงเฒ่าหลิ่วที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็อยู่ห่างมาก ทีแรกนางยังร้องคร่ำครวญเสียงดัง แต่พอได้ยินเสียงมู่จิ่วเยว่ นางก็หยุดร้องไห้ทันที
“นังสารเลว นังตัวซวย เจ้ายังกล้าเข้ามาอีกเหรอ? คืนลูกชายข้ามานะ”
ท่านหญิงเฒ่าหลิ่วลุกขึ้นยืนพลางตะกุยตะกายมาทางมู่จิ่วเยว่ ดูท่าเหมือนอยากจะกระชาก
เมื่อวานมีผู้ว่าหมู่บ้านอยู่ด้วยพวกเขาทำอะไรไม่ได้ จนต้องอดทนอดกลั้นโมโหอยู่นาน
วันนี้จะใช้โอกาสนี้ระบายความโกรธในใจออกมาให้หมด
เพียงแต่ นางประเมินมู่จิ่วเยว่ต่ำเกินไป
หลังจากได้พักมาหนึ่งคืน ตอนนี้นางกระปรี้กระเปร่ามากไม่น้อย
เมื่อเห็นท่านหญิงเฒ่าหลิ่วกระโจนเข้ามา นางจึงก้าวออกไปด้านข้างสองก้าว แล้วผลักเฒ่าแก่หลัวที่ยืนอยู่ข้างๆ และมองนางด้วยแววตาเย็นชาอย่างแนบเนียน
นางเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แม้แต่สองคนที่อยู่ในห้องยังไม่คิดเลยว่านางจะมาไม้นี้ ไม่ทันระวังตัว เฒ่าแก่หลัวก็ถูกนางผลักเดินไปข้างหน้าสองก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ และบังเอิญชนเข้ากับท่านหญิงเฒ่าหลิ่วที่กระโจนเข้ามาพอดี
ห้องไม่ได้ใหญ่ พื้นก็ไม่เท่ากัน หลังจากทั้งสองคนชนและพากันเซไปสองสามก้าว และชนเข้ากับโต๊ะเบี้ยวๆ นั่นเข้าด้วยกันพอดี
เดิมโต๊ะตัวนั้นอยู่ติดขอบเตียง แถมยังเป็นโต๊ะพังๆ หลังจากถูกกระแทกเข้าแบบนี้ โต๊ะมันจึงกระแทกกับข้างเตียง
“สามี!” มู่จิ่วเยว่กรีดร้องและทิ้งตัวลงบนเตียง
เสียงกรี๊ดลั่นสนั่นทำเอาหลัวชิงอวี่ที่ยังสะลึมสะลือจากการถูกปลุกให้ตื่นถึงกับใจสั่นสะท้าน
ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว เขาก็ถูกหญิงสาวตัวเล็กลากตัวไปทางด้านในสุดของเตียงแล้ว
“โอ้ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว นังตัวซวยมันจะฆ่าข้า”
“นังคนชั้นต่ำ เจ้ากล้าตีพ่อแม่สามีของเจ้าเหรอ” เฒ่าแก่หลัวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ
มู่จิ่วเยว่ไม่ได้สนใจพวกเขา แต่พูดกับหลัวชิงอวี่ด้วยสีหน้า 'เสน่หา' ว่า "สามี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่าเจ้าตายแล้ว ทำเอาข้าตกใจแทบตายเลย"
หลัวชิงอวี่มุมปากชักกระตุก ถ้าเมื่อครู่นี้เขาได้ยินไม่ผิดดูเหมือนนางจะกรีดร้องดังกว่าคนอื่นนะ?
“สามี ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ หรือว่าโง่ไปแล้วหรือ?” มู่จิ่วเยว่ประคองเขาด้วยแววตาเสน่หาสุดๆ
แต่คำพูดที่พูดออกมา กลับไม่ดีเท่าไรนัก
หลัวชิงอวี่ถลึงตาใส่นางอย่างดุดัน ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่อยากเห็นเขาอยู่ดีสินะ?
ไม่สาปแช่งให้เขาตายก็สาปแช่งให้เขาโง่
แต่เขาไม่ได้โง่ แต่เป็นพ่อแม่ของเขาต่างหากที่ตกใจจนเอ๋อไปแล้ว
หลัวชิงอวี่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น แถมยังยัดเยียดนังตัวซวยที่ชื่อเสียงดังกระช่อนไปทั่วให้มาอยู่กับเขา พวกเขานึกว่าเขาจะตายไปแล้วจริงๆ
จึงรีบมาที่นี่แต่เช้าพอเห็นเขานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง นางยังร้องขานชื่อเขาอย่างระแวดระวังถึงสองครั้ง
แน่นอนว่านางรังเกียจความโชคร้าย จึงไม่ได้ยื่นมือไปแตะจมูกตรวจดูลมหายใจของเขา
แต่ตอนนี้เขากลับยังไม่ตายงั้นเหรอ?
ท่านหญิงเฒ่าหลิ่วเป็นใคร? นางดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วและร้องคร่ำครวญขึ้นอีกครั้ง
“ชิงอวี่ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แม่ตกใจแทบตาย”
“หรือว่านังคนชั้นต่ำนี่ทรมานเจ้าทั้งคืนใช่หรือไม่ เจ้าถึงได้นอนหลับสนิทมาจนถึงป่านนี้?”
คราวนี้เป็นหลัวชิงอวี่กับมู่จิ่วเยว่ที่หมดคำจะพูด
ลูกชายของนางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ถ่อมาถึงที่นี่ประโยคเป็นห่วงเป็นใยสักคำไม่มี กลับมีแต่ถ้อยคำประหลาดๆ พูดไม่ออกเลยจริงๆ
“สามี เจ้าแน่ใจหรือว่านี่คือพ่อแม่ของเจ้า” นางพยุงตัวหลัวชิงอวี่พิงกับผนัง พลางช่วยขยับขาทั้งสองข้าง
และเพราะการเคลื่อนไหวนี้ ทำเอาหลัวชิงอวี่เจ็บปวดจนหน้าซีด เหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก
“นังคนชั้นต่ำ เจ้าอย่าคิดมาสร้างรอยร้าวให้ความสัมพันธ์แม่ลูกของเรานะ” ท่านหญิงเฒ่าหลิ่วจ้องนางตาเขม็ง
มู่จิ่วเยว่ยังกังวลแทนว่าลูกตาของหล่อนจะหลุดออกมาไหม
“สามี เจ้าทรมานมากใช่ไหม ถือโอกาสตอนที่ท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่นี่ ให้พวกท่านพาเจ้าไปหาหมอในเมืองหลวงดีไหม?”
มู่จิ่วเยว่มองหลัวชิงอวี่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เมื่อคืนเจ้าเจ็บปวดมากจนนอนไม่หลับ เงินเพียงเล็กน้อยแค่นั้นไม่พอจะไปหาหมอหรอก พอดีตอนนี้... "
“ในเมื่อยังไม่ตาย งั้นก็กลับกันเถอะ”
เฒ่าแก่หลัวเอ่ยปากขัดจังหวะคำพูดของมู่จิ่วเยว่อย่างตรงไปตรงมา พลางจ้องนางด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินออกไปข้างนอก
ท่านหญิงเฒ่าหลิ่วก็ถลึงตาใส่มู่จิ่วเยว่ แล้วเดินจากไปเช่นกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งสองผัวเมียไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับชีวิตความเป็นความตายของหลัวชิงอวี่เลย
“ฮ่า! ช่างเป็นพ่อแม่ที่วิเศษจริงๆ!”
หลัวชิงอวี่มองนางโดยไม่พูดอะไร
มู่จิ่วเยว่มองท่อนขาที่ถูกพันแผลไว้หนาเตอะเหมือนบ๊ะจ่าง จึงตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวจะช่วยดูอาการให้เขาก่อน ก่อนที่จะรัดจนเน่าเละไปเสียก่อน
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของชายหนุ่ม นางจึงถอยตัวลงจากเตียง แล้วพูดว่า "เจ้าก็กล้าทำตัวดุแต่กับผู้หญิงคนนอกอย่างข้า ถ้าเก่งนักก็ลุกขึ้นมาสู้กับพ่อแม่ของเจ้าสิ?"
ขณะที่พูด นางไม่ได้หันกลับมามองเขาเลย หลังจากจัดโต๊ะเข้าที่แล้วก็เดินออกไปทันที
นางยังต้มโจ๊กค้างไว้ในเตา
เมื่อนางเดินเข้าไปในครัว ก็พบว่าผักป่าที่เก็บมายังไม่ทันได้ล้างดันหายไปเสียแล้ว
“นางหัวขโมย แม้แต่ผักป่าของข้าก็ยังจะขโมยอีก!” นางตะโกนอกมาอย่างอดไม่ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นเฉินซื่อนังเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนั้นแน่
นางทำลงไปได้ยังไงนะ?
หลัวชิงอวี่ฟังที่อยู่ในห้องเมื่อได้ยินคำพูดของนาง แววตาสีดำของเขาเป็นประกายวิบวับ พลางมองไปที่ประตูด้วยสีหน้าครุ่นคิด