บทที่ 5 อยู่แบบหวงศักดิ์ศรีใช้ชีวิตลำบาก
“วิ้ง วิ้ง!” เสียงดังวิ้งๆ ส่งเสียงออกมาจากเตายา ก่อนจะส่องแสงมาหาร่างกายของนางอีกครั้ง
มู่จิ่วเยว่ไม่ทันระวังจึงถูกมันมุดเข้าไปในร่างกายของนางอีกครั้ง
ขณะที่นางกำลังลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างประหลาดใจ จู่ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมากะทันหัน
กว่านางจะได้สติ ในสมองก็มีความรู้เพิ่มขึ้นมามากมาย
แม้ว่านางเพิ่งจะผ่านประสบการณ์ข้ามกาลเวลามาสดๆ ร้อนๆ แต่มู่จิ่วเยว่ก็ยังถูกความรู้ที่ปรากฏขึ้นมาในหัวสมองทำเอาอึ้งกิมกี่
นี่มันเตายาธรรมดาเสียที่ไหน นี่มันเป็นสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ของมิติชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างในยังมีของสืบทอดจากหมอเทวดาท่านหนึ่ง และยังมีวิชากลั่นยาอายุวัฒนะในตำนานอีกด้วย
“แม่เจ้า วิชากลั่นยาอายุวัฒนะที่หายไปที่ปู่พูดถึงมาตลอด ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในเตายานี่เองเหรอ?”
มู่จิ่วเยว่ตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนปู่ของนางเคยเล่าประวัติต้นตระกูลให้ฟัง ว่าสมัยก่อนเคยรุ่งโรจน์มากแค่ไหน
แต่ในความทรงจำของนาง นอกจากกองหนังสือการแพทย์ที่เหลืองจนเริ่มมีปลวกเจาะนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษอย่างอื่น
นางนึกขึ้นได้ว่าปู่มักบอกกับนางว่าให้รักษาเตายาอันนี้เอาไว้ให้ดี หรือว่าปู่ของนางจะรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าเตายานี่ไม่ธรรมดา?
น่าเสียดายที่ตอนนี้นางไม่สามารถกลับไปถามปู่ให้แน่ใจเสียแล้ว
แต่ไม่ว่ายังไง เมื่อมีของมรดกตกทอดจากหมอเทวดาแล้ว ทักษะการแพทย์ของนางก็นับว่าก้าวหน้าไปอีกขั้น และนางจะต้องเปล่งประกายในโลกอีกใบแห่งนี้แน่นอน
ตอนนี้มู่จิ่วเยว่อยากจะลงไปดูในห้วงระหว่างกาลเวลามาก ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงมิติก็อยู่ในร่างกายของนางไม่มีวันหาย ไว้มีโอกาสดีๆ แล้วค่อยศึกษาดู
เพราะเรื่องเตายาเล็ก ทำให้ตอนนี้มู่จิ่วเยว่อารมณ์ดีสุดๆ ความอึดอัดใจและความทุกข์ที่เกิดจากการโดนขายและถูกจับแยกเรือนหลังจากข้ามภพมา ตอนนี้มันมลายหายไปหมดแล้ว
หลังจากต้มยาเสร็จแล้ว นางก็เทและยกไปให้เขาที่ห้อง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง หลัวชิงอวี่ก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที ทุกเซลล์รู้ชุมชนในร่างกายกระชับแน่น ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยซีดเซียวก็มีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ยังร้อนอยู่ อีกเดี๋ยวเจ้าดื่มเองก็แล้วกัน” มู่จิ่วเยว่วางชามยาลงบนโต๊ะ ทิ้งคำไว้ประโยคหนึ่งแล้วเดินออกไป
นางจะไปคิดหาวิธีว่าคืนนี้จะนอนยังไง
ด้วยความสัมพันธ์ของนางกับหลัวชิงอวี่ตอนนี้ เขาไม่มีทางยอมให้นางขึ้นนอนบนเตียงด้วยแน่ และนางก็ไม่สนใจจะปีนขึ้นเตียงของเขาด้วย
ห้องทั้งสามทางปีกตะวันออกไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยได้แล้ว ส่วนสามห้องทางปีกฝั่งตะวันตก ห้องริมสุดกำแพงแตกร้าวหนักมาก รู้สึกเหมือนจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ
สิ่งเดียวที่นางคิดได้คือห้องที่อยู่ตรงกลาง เพราะแม้ว่าหญ้ามุงหลังคาส่วนใหญ่จะร่วงลงมาหมดแล้ว แต่ยังพอจะวางเตียงไว้ตรงซอกมุมได้
นางออกไปหาไม้กระดานที่สภาพค่อนข้างดีมาจากกองของเก่าใกล้ ๆ แล้วลากมันไปขัดถูด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะลากเข้าไปข้างในห้องแล้ววางลงบนพื้น แล้วจึงเอาหญ้าปูทับข้างบน
ตอนนี้อากาศร้อน อดทนไปก่อนสักคืนสองคืนไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ถ้านานกว่านั้นคงไม่ไหว
หลังจากนางจัด "เตียง" ของตัวเองเสร็จแล้วเดินไปหาหลัวชิงอวี่ ก็พบว่าเขากินยาแล้ว และล้มตัวลงนอนแล้วด้วย
เขาหลับตาแน่น หันศีรษะเข้าไปด้านใน และการที่นางเดินเข้ามาเขาไม่แม้แต่จะลืมตามองเลยด้วยซ้ำ
มู่จิ่วเยว่เห็นว่าเขายอมกินยาอย่างว่าง่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร
นางหยิบถ้วยยาออกไปและไม่ลืมที่จะช่วยปิดประตูพังๆ โทรมๆ นั่นให้เขาด้วย ส่วนนางก็ตักน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวตัวเองเล็กน้อย
เจ้าของร่างเดิมโดนซื้อตัวมา ไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ติดตัวมาเลย
คนตระกูลหลัวก็ไม่คิดที่จะเตรียมให้นางเช่นกัน ดังนั้นนางจึงไม่มีเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนซักเลย ดังนั้นจึงทำได้เพียงเช็ดเนื้อเช็ดตัวลวกๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงของนาง
มู่จิ่วเยว่เหนื่อยมาก หลังจากล้มตัวลงนอนไม่นานก็ผล็อยหลับไป
ส่วนเรื่องที่ว่าบ้านเก่าทรุดโทรมตั้งอยู่ริมเชิงเขาจะมีอันตรายไหม? เรื่องเหล่านั้นไม่อยู่ในขอบเขตความคิดของนางในตอนนี้
นางหลับไปทันทีที่สัมผัสเตียง แต่ด้านหลัวชิงอวี่แทบไม่ได้หลับเลยทั้งคืน ได้แต่นอนลืมตานับเวลาจนถึงรุ่งเช้า
ประการแรก เป็นเพราะเจ็บเท้า ใบหน้าของเขาซีดเซียว ตามหน้าผากมีเหงื่อผุดออกมเต็มไปหมด
ประการที่สอง เป็นเพราะอั้นปวดอึ
โจ๊กที่มู่จิ่วเยว่ป้อนให้เขากินไม่นับว่าเปื่อยเหลวมากนัก เพราะนางหิวมากโจ๊กที่ต้มออกมามันจึงข้นมาก
แต่เขายังดื่มยาลงไปอีกชามหนึ่งด้วย ตั้งแต่ย้ายออกมาจากเรือนเก่า เขายังไม่ได้ปลดปล่อยทั้งหนักทั้งเบาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แถมบังเอิญขาของเขาก็ดันมาหักอีก ขยับตัวแค่นิดเดียวก็เจ็บปวดทรมาน นับประสาอะไรกับการลุกจากเตียงเพื่อไปฉี่ไปอึ
นางมู่จิ่วเยว่ผู้นั้น หลังจากเขาดื่มยาเสร็จแล้วก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าหนีไปแล้วหรือหายไปไหน
แน่นอนว่าต่อให้นางอยู่ตรงนี้ เขาก็เลือกที่จะอั้นไว้และไม่ขานเรียกนางแน่นอน
เขาไม่มีทางยอมเสียหน้าแบบนั้นแน่
อะไรคืออยู่แบบหวงศักดิ์ศรีใช้ชีวิตลำบาก? ก็แบบเขานี่แหละ
หลังจากมู่จิ่วเยว่ได้นอนหลับเต็มอิ่มแล้ว นางรู้สึกสดชื่นมาก ฟ้ายังไม่ทันสว่างนางก็ตื่นนอนแล้ว
นี่ไม่ใช่แค่นาฬิกาชีวิตของเจ้าของร่างเดิมเท่านั้น แต่ยังเป็นนาฬิกาชีวิตของนางเองด้วย
หลังจากลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย นางก็เดินออกไปข้างนอก เปิดประตูห้องหลัวชิงอวี่ และเตรียมทำอาหารเช้า
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง นางก็สังเกตเห็นว่าผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงมีบางอย่างผิดปกติ
นางไม่รู้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางอ่อนไหวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นางรู้สึกได้
นางรีบเดินไปที่เตียง ท้องฟ้าสลัวๆ กำลังใกล้สว่างทำให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มดูเขียวม่วง ลมหายใจผิดปกติ
“ไม่ใช่มั้ง นี่ฉันเป็นดวงกินผัวจริงๆ เหรอ แต่เมื่อคืนฉันก็ไม่ได้นอนกับเขานี่”
มู่จิ่วเยว่ตกใจมาก นางบ่นพึมพำ ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสลมหายใจของเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นเอื้อมมือมาปัดออกอย่างแรง
“ออกไป!” เสียงของชายหนุ่มแหบแห้งไม่น่าฟัง ฟังดูอั้นๆ ยังไงบอกไม่ถูก
“ยังไม่ตายเหรอ งั้นก็ดีเลย” มู่จิ่วเยว่พึมพำเบาๆ แล้วนึกขึ้นได้ว่า “ไม่สิ ร่างกายของเจ้าร้อนมาก เจ้าเป็นไข้หรือ?”
เมื่อครู่นางมัวแต่คิดว่าเขาตายหรือไม่ตาย มาตอนนี้ถึงได้พบว่าเมื่อขยับเข้าไปใกล้เขาก็เหมือนเอาตัวเข้าไปอยู่ใกล้เตาไฟ มีไอร้อนแผ่ออกมาจากร่างกายเขาตลอดเวลา
นางรีบหันตัวเดินออกไป ตักน้ำเย็นใส่กะละมังไม้หนักๆ หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอีกครั้ง
เมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนาง หลัวชิงอวี่ก็โมโหทันที "ออกไป!"
แน่นอนว่ามู่จิ่วเยว่ไม่มีทางออกไปตามคำสั่งของเขา นางบอกไปแล้วว่าตอนนี้เขายังตายไม่ได้
นางบิดผ้าเปียกหมาดๆ แล้วนั่งบนขอบเตียง กัดฟันพูดขึ้นว่า "ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับ"
ขณะที่พูดนางก็ขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อช่วยเช็ดหน้าให้เขา แต่กลับถูกหลัวชิงอวี่ปัดป่ายด้วยท่าทีไม่ดีตามด้วยคำว่า "ออกไป!"
“เจ้า!” มูจิ่วเยว่ก็โมโหเช่นกัน นางไม่เคยเห็นผู้ชายที่แย่ขนาดนี้มาก่อน คิดว่าตัวเองเป็นคนไข้แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือ?
ทันใดนั้นนางจึงโยนผ้าลงในกะละมัง แล้วเดินออกไป
เขาจะเป็นหรือตายมันก็เรื่องของเขา แต่นางจะตายไปด้วยกันกับเขาไม่ได้
ดูเหมือนว่านางต้องลองหาทางออกอื่นแล้ว
นางหันหลังเดินออกไปทางด้านหลังที่มีห้องส้วมที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม กำแพงพังทลายลงมาเกือบครึ่งแต่ก็พอจะบังคนได้
เมื่อนางดึงกางเกงขึ้นและมัดผ้าคาดเอว จู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ไอ้เจ้าบ้านั่นนอนอยู่บนเตียงขยับตัวไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ เหมือนว่าเขาจะไปไม่ได้เข้าส้วมเลยใช่ไหมนะ?
เขาอารมณ์ฉุนเฉียวแต่เช้า แค่ไม่ได้เป็นเพราะอั้นฉี่อั้นอึหรอกใช่ไหม?