บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ทรุดโทรม

ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมดูเหมือนจะขาดหายไป เพราะไม่มีความทรงจำในวัยเด็กอยู่เลย

ความทรงจำที่นางได้รับมาคือเมื่อสองปีก่อน ตอนที่นางถูกขายให้กับเศรษฐีเฒ่าเป็นของหาความสุข

แต่หลังจากที่นางเข้าเรือนไป ตาเฒ่าคนนั้นก็ตาย

เจ้าของร่างเดิมหน้าตางดงาม ทำให้บุตรชายสองคนของเศรษฐีต่างจับจ้องนางเช่นกัน และแน่นอนว่าผู้หญิงของพวกเขาไม่ยอม อ้างว่าดวงชะตาของนางไม่ดีและรีบขายนางต่อทันที

ชายคนที่สองเป็นลูกคนเดียว เนื่องจากมีอาการผิดปกติทางสมองจึงแต่งเมียไม่ได้เสียที จึงซื้อตัวเจ้าของร่างเดิมไป

ปรากฏว่าเจ้าของร่างเดิมเพิ่งจะเข้าเรือนไปได้ไม่นานยังไม่ทันได้เข้าห้องหอ สามีปัญญาอ่อนไปเข้าห้องน้ำไม่ทันระวังพลัดตกลงไปตาย

พ่อของชายปัญญาอ่อนเห็นว่าไหนๆ ก็ซื้อตัวมาแล้ว เมียของเขาไม่สามารถมีบุตรได้อีกแล้ว เขาจึงอยากให้เจ้าของร่างเดิมมีบุตรกับเขา มู่จิ่วเยว่ไม่ยินยอม ขณะที่นางขัดขืนและผลักชายคนนั้นล้ม เขาก็ตายไปเลยทันที

เมียของเขาด่าว่านางเหมือนคนบ้า ว่านางว่าเป็นตัวซวย เป็นดวงกินผู้ชาย ใครอยู่ใกล้ก็มีแต่เรื่องซวยๆ

หลังจากทุบตีเจ้าของร่างเดิมจนหนำใจก็รีบขายนางต่อทันที

แล้วชื่อเสียงเรื่องดวงกินผัวของนางก็ถูกลือไปทั่วตั้งแต่ตอนนั้น มีบางคนไม่เชื่อ ภายหลังนางก็ถูกซื้อตัวไปอีกครั้ง และหลังจากเจ้าของร่างเดิมเข้าเรือน ชายผู้นั้นก็ตายอีก

หลังจากนั้นนางก็ไม่เคยถูกขายออกไปอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ที่มาถึงเรือนของตระกูลหลัว

ทั้งๆ ที่ตระกูลหลัวก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาง แต่ก็ยังซื้อตัวนางมายัดเยียดให้เป็นเมียของหลัวชิงอวี่ ช่างโหดร้ายยิ่งนัก

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย จู่ๆ ก็มีเงาสีดำมาขวางทางของนางไว้

“เจ้าจะไปไหน ได้ข้าวปลาอาหรแล้วคิดจะหนีหรือ?”

มู่จิ่วเยว่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำจ้องที่กำลังมองนางด้วยแววตาดุดัน ราวกับว่านางกำลังหอบข้าวหาทางหนียังไงอย่างนั้น

นางมองซ้ายมองขวา และพบว่าตนเองกำลังแบกกระสอบข้าวสองใบและกำลังจะเดินออกไปจากหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างกำลังมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด

“สมองของเจ้ามีแต่แป้งกาวหรืออย่างไร? เจ้าเคยเห็นใครหนีตอนกลางวันแสกๆ หรือ?” นางมองและตอกกลับอย่างดุดันไม่แพ้กัน

หลัวต้าหย่งเหลือบมองนาง ก่อนจะแย่งกระสอบข้าวสองถุงในมือของนาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "ตามข้ามา"

หมู่บ้านหลัวเคิงมีภูเขาล้อมรอบ หมู่บ้านตั้งอยู่ในแอ่งภูเขา มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านหมู่บ้านและไหลทอดยาวไปไกล

เรือนเก่าของตระกูลหลัวอยู่ติดกับตีนเขาทางทิศตะวันตก

เมื่อมู่จิ่วเยว่เห็นเรือนเก่าหลังนั้นถึงกับมุมปากกระตุก

เรือนเก่าไม่เล็ก ทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกต่างมีห้องปีกด้านละสามห้อง ในหุบเขาเช่นนี้ นับว่าไม่เล็กแล้ว

แต่บอกได้คำเดียวว่า พัง!

มองเข้าไปจากด้านนอก กำแพงดินพังไปกว่าครึ่ง ภายในลานบ้านรกไปด้วยวัชพืช

ห้องปีกฝั่งตะวันออกสองห้อง ผนังห้องทลายลงไปกว่าครึ่ง

มู่จิ่วเยว่ยังไม่ทันเดินเข้าไปยังรู้สึกได้ว่า ห้องที่เหลือหญ้ามุงหลังคาน่าจะไม่มีเหลือแล้ว

ตรงมุมกำแพงมีเศษหินกองอยู่ มันถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ คงได้แต่บรรยายด้วยคำว่าทรุดโทรมและรกร้าง?

มู่จิ่วเยว่เดินเข้าไปมองสำรวจทีละห้องๆ ถึงพบว่าห้องปีกฝั่งตะวันตกที่ติดกับโถงหลักยังคงมีสภาพสมบูรณ์อยู่ พอจะเข้าไปพักอาศัยได้

ข้างในมีแป้นไม้กระดาน มุงด้วยฟาง และมีผ้าเก่าๆ ปูอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเตียงนอน

มีโต๊ะขาหักวางชิดอยู่กับผนังและเตียง และยังมีเก้าอี้เก่าๆ โทรมๆ อีกสองตัว

เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลัวเตรียมการเรื่องแยกเรือนมานานมากแล้ว

ตอนนี้มู่จิ่วเยว่สงสัยมากว่าหลัวชิงอวี่มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของตระกูลหลัว

มิเช่นนั้น พ่อแม่แท้ๆ ที่ไหนจะทำเรื่องแบบนี้ได้?

นี่มันแยกเรือนที่ไหนกัน นี่กะจะเอาเขามาทิ้งไว้ที่นี่ให้ตายทิ้งเฉยๆ เสียมากกว่า

โอ้ ไม่ใช่สิ บวกกับนางเข้ามาอีกคน นี่คิดจะเอาชีวิตเขาชัดๆ

หลังจากคืนนี้เขาตายไป ของที่แยกออกมาทั้งหมดพวกเขาก็สามารถนำกลับคืนไปได้

และชื่อเสียงเรียงนามของนางก็จะยิ่งดังกระฉ่อน พวกเขาก็จะมีเหตุผลขายนางต่อให้คนอื่น

สุดท้าย ตระกูลหลัวก็จะไม่ต้องสูญเสียอะไร วางแผนไว้เสียดิบดีเชียวนะ

มู่จิ่วเยว่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินหาเรือนครัว

ด้านหน้าห้องปีกตะวันตกมีบ้านดินตั้งอิสระอยู่หลังหนึ่ง ข้างในดูเหมือนถูกทำความสะอาดไปก่อนแล้ว แต่ยังมีใยแมงมุมเกาะอยู่จำนวนไม่น้อย

“บ้าเอ้ย เมื่อชาติที่แล้วฉันไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองหรือไง ทำไมพระเจ้าถึงส่งฉันมาที่นี่”

มู่จิ่วเยว่ได้แต่คร่ำครวญในใจ แต่ก็ยังเริ่มทำความสะอาดอย่างว่าง่าย

ไม่ว่ายังไง ต้องดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน

หลังจากนางเก็บกวาดทำความสะอาดไปแล้วหนึ่งรอบ ด้านนอกคนตระกูลหลัวก็พาหลัวชิงอวี่มาส่งพอดี

หม้อที่แบ่งมาให้พวกเขานั้นเป็นหม้อเหล็กที่ขึ้นสนิม แล้วยังมีรอยพุพังเล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าไม่ได้ถูกใช้งานมานานแค่ไหนแล้ว

หน้าเรือนครัวมีถังน้ำขนาดใหญ่วางอยู่ มู่จิ่วเยว่เหลือบมองเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะสะอาดดีพอควร เหมือนคนตักมันไว้เรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว

นางไม่ได้สนใจอะไรมาก รีบตักข้าวมาล้างแล้วต้มโจ๊ก

นางอยากทำอาหาร แต่ข้าวนี้ต้องใช้เวลาต้มอยู่นานมาก นางจึงทำได้แค่ต้มโจ๊กเท่านั้น

“นังตัวซวย ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าคิดหนี เพราะสัญญาขายตัวเจ้าอยู่ในมือของพวกข้า เมื่อใดที่ทางการประกาศจับตัวเจ้าได้ เมื่อนั้นจะเป็นวันตายของเจ้า”

ก่อนเฉินซื่อจะจากไป นางมายืนบอกเตือนถึงหน้าเรือนครัว น้ำเสียงบูดบึ้งของนางแม้ว่ามู่จิ่วเยว่จะไม่ได้หันไปมองก็สามารถสัมผัสได้

ฟืนในมือของนางถูกนางออกแรงหักขาดจากกันเสียงดังแกรก ทำเอาเฉินซื่อตกใจกลัวจนรีบเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

นังตัวซวย กล้าเอาเรื่องหักนิ้วมาขู่นางงั้นเหรอ? ต่อไปแกได้เห็นดีกันแน่

มู่จิ่วเยว่หันมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปอย่างครุ่นคิด

การซื้อขายมนุษย์ในยุคสมัยนี้เป็นเรื่องที่ทำกันอย่างเปิดเผย แม้แต่ทางการยังมีการดำเนินคดีด้วย หากนางอยากไปจากที่นี่อย่างขาวสะอาด นางต้องเอาสัญญาขายตัวกลับมาให้ได้ก่อน

ตอนนางทำโจ๊กเสร็จและยกออกมา คนข้างนอกก็กลับไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงแต่หลัวต้าหย่งที่ยังอยู่ในเรือนพูดปลอบใจหลัวชิงอวี่

“ชิงอวี่ เจ้าอย่าคิดมากไปเลย รักษาตัวเองให้ดี แล้วชีวิตจะดีขึ้น”

หลัวชิงอวี่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดขาว ผ่านไปพักใหญ่เขาจึงพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ต้าหย่ง เจ้ากลับไปเถอะ”

หลัวต้าหย่งเปิดปากอ้าง แต่ไม่รู้จะปลอบใจเขายังไง

ไม่ว่าใครพบเจอเรื่องแบบนี้ก็คงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้หรอก?

เมื่อเห็นมู่จิ่วเยว่เดินมาพร้อมกับโจ๊ก หลัวต้าหย่งจึงหาข้ออ้างระบายอารมณ์

“ข้าขอเตือนเจ้า คืนนี้อยู่ให้ห่างๆ จากชิงอวี่ หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”

มู่จิ่วเยว่เหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด “หากมีคุณธรรมมาก เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่พูดแทนเขาสักคำเลยเล่า?”

พูดจบ นางก็ไม่ได้หันไปมองเขาอีก นำโจ๊กไปวางไว้บนโต๊ะ เหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่หมองหม่นของหลัวชิงอวี่ ก่อนที่สุดท้ายจะตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่ง

นางหันหลังเดินออกไป ตัวนางเองยังไม่ได้กินอะไรเลย

“เจ้า...” หลัวต้าหย่งมองตามแผ่นหลังของนางด้วยแววตาดุดัน หากไม่ใช่เพราะตอนนี้หลัวชิงอวี่ต้องการคนดูแล เขาคงอดตีคนแถวนี้ไม่ได้แน่ๆ

“ต้าหย่ง เจ้ากลับไปก่อนเถอะ พี่สะใภ้กับลูกต้องการเจ้า” หลัวชิงอวี่เอ่ยปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาอ่อนลงมาก

“ได้ เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะ เจ้ารีบกินโจ๊กเถอะ อีกเดี๋ยวให้นางผู้นั้นช่วยต้มยาให้เจ้า”

หลัวต้าหย่งไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาได้แต่กำชับว่า “ข้าอยู่เรือนข้าง ๆ มีเรื่องอะไรตะโกนเรียกหาข้าได้เลย”

“ไปเถอะ!” หลัวชิงอวี่หลับตาลง น้ำเสียงขับไล่ก็ชัดเจนขึ้นมาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel