บทที่ 7 พยานและหลักฐาน
“ให้ฉันช่วยแนะนำนิสัยของคนพวกนี้มั้ยคะ” เธอเสนอ เธอมีตำแหน่งเป็นรองประธานของบริษัท ดังนั้นเธอจึงรู้จักนิสัยธาตุแท้ของคนพวกนี้ดี
“ได้สิ ขอบคุณ” เขาขยับให้เธอนั่งข้าง ๆ เธอจึงแนะนำไปทีละคน
เนื่องจากความจำที่ดีของเขา เฉิงอี้จึงจดจำข้อมูลของคนพวกนี้ได้ทั้งหมด โดยใช้เวลาแค่สามชั่วโมงเท่านั้น กับบุคคลที่ต้องจดจำถึง 33 คน
“คุณจำได้จริง ๆ เหรอ” เธอไม่อยากเชื่อ
“ใช่ ผมจำได้แล้วทุกคน” เขาส่งยิ้มให้เธอ
ลู่ชิงเบิกตากว้าง “คุณเก่งมาก” เธอไม่คิดว่าความจำของเขาจะดีแบบนี้
“ขอบคุณที่ชม” เขามองดูนาฬิกาข้างผนัง “ตอนนี้ดึกแล้ว เข้านอนกันเถอะ”
“ค่ะ” เธอลุกขึ้นยืนหน้าแดง
เฉิงอี้เห็นท่าทางของเธอก็เลยถาม “คุณเป็นอะไร มีอะไรหรือเปล่า” เขาถาม
“คืนนี้ให้ฉันนอนกอดคุณได้ไหม” เธอตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ เธอแค่อยากนอนกอดเขา อยากได้รับความอบอุ่นจากเขา
เขาจ้องมองเธอแล้วคิด “จะเอาแบบนั้นจริง ๆ เหรอ”
“อื่ม” เธอพยักหน้า
“ได้สิ งั้นเรามานอนด้วยกัน” เขาขึ้นไปบนเตียง และขยับให้เธอนอน เขากางแขนไว้เพื่อให้เธอได้นอนหนุน อย่างน้อย ๆ ในตอนนี้เขาก็คือปู่ทวด เขาต้องทำให้ย่าทวดของเขามีความสุขสิ เขาจึงไม่ขัดความต้องการของเธอ
ลู่ชิงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอนอนกอดเขาทั้งคืนจนถึงเช้า เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และรู้สึกมีความสุขมาก ชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“อันอัน คุณช่วยแจ้งให้คณะผู้บริหารเข้าร่วมประชุมในตอนบ่ายนี้ด้วย” เฉิงอี้บอก เมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ในห้องทำงาน อาคารแห่งนี้ไม่ได้แตกต่างจากอาคารบริษัทที่เขาอยู่ การตกแต่งก็ไม่เหมือนกัน คงเป็นเพราะโลกปัจจุบันของเขาได้รับการพัฒนาแล้ว
“รับทราบค่ะ”
“รบกวนเอาเอกสารพวกนี้ไปถ่ายไว้ให้พวกเขาดูด้วย” เขาส่งเอกสารให้ “แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาสังเกตการณ์ด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ” อันอันตอบ เธอสงสัยว่าทำไมต้องมีตำรวจด้วย ปกติเรื่องภายในบริษัทก็จัดการกันเอง
ลู่ชิงมองเขาอย่างสงสัย “คุณเอาตำรวจมาทำไม”
“เรื่องนี้สำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องกระทบต่อคุณ หากเราไม่ทำแบบนี้ คนพวกนั้นก็จะต้องหาวิธีทำแบบนี้อีก” เขาบอก “คนพวกนี้เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่ลืมไปว่า เงินนั้นมันมีที่มาที่ไป” เขาอธิบาย “เราต้องกำจัดคนพวกนี้ให้เป็นตัวอย่าง”
“แต่หัวหน้าฝ่ายบัญชีลาออกไปแล้ว และตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน” เธอรู้สึกกังวล
“คุณไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ผมจะจัดการเองหลังจากการประชุมเสร็จ” เขายิ้มให้เธอเล็กน้อย เพื่อทำให้เธอสบายใจ
เธอยิ้มตอบ “ได้ฉันเชื่อใจคุณ”
ภายในห้องประชุม มีคณะกรรมการและผู้บริหารคนอื่น ๆ นั่งอยู่กันครบ พวกเขานั่งอยู่กันนิ่ง ๆ เมื่อเห็นเฉิงอี้ปรากฏตัว ภายในห้องยังมีตำรวจที่จะคอยอยู่สังเกตการณ์อีกสองนาย
เฉิงอี้ได้ชี้แจงเรื่องเงินที่ถูกยักยอกไป จำนวนเงินเหล่านั้นไม่ได้เข้ากระเป๋าของลู่ชิง แต่เงินพวกนั้นถูกขึ้นกับธนาคารเป็นชื่อของเฟยเถาและเฟยหลิง แม้ว่ามันจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ คนอื่นอาจไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่เขาสามารถตรวจสอบกับธนาคารได้ ว่าเช็คที่ถูกสั่งจ่ายออกไปด้วยชื่อของลู่ชิง เงินไปอยู่ที่ไหน เขาตรวจสอบบัญชีธนาคารของทุกคนที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รวมถึงพนักงานทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของพนักงานด้วย หากบัญชีของใครมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ นั่นก็คือหลักฐานสำคัญ
พวกเขาคงคิดว่าแค่กำจัดหัวหน้าฝ่ายบัญชีไปแล้ว ลู่ชิงคงทำอะไรไม่ได้ ในตอนนั้นเขานอนป่วยไม่ได้สติ ลู่ชิงไม่สามารถใช้ชื่อของเธอเพื่อขอตรวจสอบจากธนาคารได้ แต่เขาทำได้ผ่านทางออน์ไลน์ ไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคาร เขาสามารถตรวจสอบที่มาของเงินได้ทุกที่ทุกเวลา
เฉิงอี้เก่งทั้งการบริหารและเทคโนโลยี เขาเป็นถึงแฮกเกอร์อันดับ 1 ที่ไม่มีใครสามารถถอดรหัสลับของเขาได้เลยสักคน เมื่อคืนวานเขาได้เขียนโปรแกรมขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อตรวจสอบบัญชีของบริษัท และเขาก็ได้รู้ว่าเงินพวกนั้นไปถึงมือใครบ้าง
เขาเจาะข้อมูลธนาคารของกลุ่มผู้บริหารทั้งหมด ว่าช่วงนี้มีใครได้รับเงินโอนอะไรบ้าง คณะกรรมการบริหาร 33 คน มีอยู่ 17 คนที่ได้รับเงินโอนจากบุคคลคนเดียวกัน นั่นก็คือเฟยเถา
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ในที่ประชุมได้ เขาจะพูดออกไปได้ยังไงว่าข้อมูลที่เขากล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเขาแฮ็กระบบธนาคาร เขาเพียงแค่เอาข้อมูลเหล่านี้มาพูดอ้างอิงถึงความเป็นไปได้เท่านั้น เพื่อให้คนที่ทำผิดร้อนตัว
“คุณจะพูดมั่ว ๆ แบบไม่มีหลักฐานไม่ได้” ผู้บริหารคนหนึ่งพูด
“ใช่ คุณจะมาปรักปรำพวกเราแบบนี้ไม่ได้”กรรมการบริหารคนที่สองพูดเสริม
“ผมไม่ได้ปรักปรำใคร ผมแค่พูดชี้แจงถึงความเป็นไปได้ ว่าอาจจะมีคณะกรรมการผู้บริหารของบริษัทร่วมมือวางแผนใส่ร้ายรองประธานก็ได้ และแน่นอนว่าเธอคือภรรยาของผม” เขาจ้องหน้าผู้บริหารทุกคนเรียงกันไป “พวกคุณคิดว่าไม่มีผมอยู่ปกป้องเธอ พวกคุณก็จะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ก็ทำให้คนรอบข้างรู้สึกเสียวสันหลังได้
“รองประธานไป๋มีหลักฐานหรือไม่” กรรมการคนหนึ่งหันไปถามลู่ชิง
“แน่นอนว่าฉันต้องมี” เธอหันไปมองผู้บริหารคนอื่น ๆ ที่นั่งนิ่ง “พวกคุณไม่มีข้อโต้แย้งหรือสงสัยกับเรื่องนี้เลยเหรอ” เธอถาม “ตอนนี้ประธานหยางกำลังกล่าวหาพวกคุณ”
“ผมไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ประธานหยางสามารถตรวจสอบเราได้” ผู้บริหารคนหนึ่งพูด
“ใช่ เราไม่ได้ยักยอกเงิน และไม่ได้ร่วมมือกับใคร” ผู้บริหารคนที่สองพูดเสริม
“ตอนนี้ที่เรารู้ก็คือ มีคนยักยอกเงินบริษัทไปมูลค่าหลายสิบล้าน เราต้องการรู้ความจริงเรื่องนี้”ผู้บริหารคนที่สามพูดต่อ
“ใช่ ขอแค่หาคนที่ทำผิดเรื่องนี้ หากจะต้องตรวจสอบบัญชีการเงิน ผมก็ยอมทำ” ผู้บริหารคนที่สี่พูด
ไป๋ลู่ชิงหันไปมองยังกรรมการผู้บริหารคนที่แย้งเธอก่อนหน้านี้ “แล้วทำไมพวกคุณถึงดูเดือดร้อน หรือว่าพวกคุณร่วมมือกันทำผิดเรื่องนี้” เธอแสยะยิ้มมุมปาก
“พวกเราจะทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่มีทาง”
“ใช่ พวกเราไม่ได้ทำ”
“ที่เราพูดไปก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น”
หยางเฉิงอี้นั่งกอดอกดูความกระวนกระวายของคนพวกนั้น ตอนนี้ท่าทางของเขาเริ่มกังวลกันแล้ว ตำรวจทั้งสองนายที่อยู่ในห้องประชุมก็มองออกเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีคนที่กระทำผิดจริง ๆ อยู่ตรงหน้า แต่เขาจะจัดการคนพวกนั้นภายหลังแน่นอน
“ผมให้เวลาพวกคุณจนถึงพรุ่งนี้ตอนเย็น หากพวกคุณอยากจะมาสารภาพและเล่าความจริงให้ผมฟัง ผมจะยอมให้โอกาส แต่หากไม่มีใครแสดงตัวตนออกมารับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ผมก็ยินดีที่จัดการตามกฎหมาย”เขาพูดเชิงขู่