บทที่ 5 ตกอับ
เธอรู้สึกอบอุ่นและมีกำลังใจขึ้นมาก เขาเท่านั้นที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอจริง ๆ ตอนแรกที่แต่งงานก็เพราะผลประโยชน์ที่พ่อของเธอบังคับ เธอไม่ได้รักเขา แต่เพราะความดีและความเอาใจใส่ของเขา มันเลยทำให้เธอเริ่มรู้สึกดี
หลังจากแต่งงาน พวกเขาเริ่มต้นจาก 0 ใช้ชีวิตแบบคนเป็นแฟนกันและเริ่มศึกษาใจกันไปก่อน ทั้งสองแยกห้องนอนกัน โดยมีการตกลงยินยอมกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันมาตลอด
จนวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ลู่ชิงถึงได้รู้ใจตัวเองว่ารักเขาจนหมดหัวใจแล้ว เธอไม่สามารถขาดเขาได้
"ได้" เธอยอมรับความคิดเห็นของเขา "คุณคิดว่าพร้อมเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้เลยแล้วกัน ผมต้องเข้าไปศึกษาเอกสารบัญชีนั้นดูก่อน"
"อื่ม แล้วตอนนี้คุณ" เธออ้ำอึ้ง
เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขามองไปที่เตียงสองเตียงที่อยู่ติดกัน แล้วมองไปหาเธอ "ผมออกไปนอนที่โซฟาข้างนอกได้" เขาบอก เพราะเธอคงรู้สึกอึดอัด
"ไม่ ไม่เป็นไร" เธอหน้าแดง เธอเพียงรู้สึกเขินอายจะต้องบอกเขาว่าพวกเขาต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน เธออยากใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเต็มตัวแล้ว เมื่อรู้หัวใจตัวเองแล้วหลังจากที่เขาเกิดอุบัติเหตุ
"เมื่อกี้คุณบอกผมว่าเราทำข้อตกลงกันไว้" เขาก็ไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนั้น เพราะตอนนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ
"ยกเลิกข้อตกลงนั้นเถอะ บ้านหลังนี้มีเพียงสองห้องนอน เราสองคนต้องใช้ห้องนี้"
"ได้ เราก็นอนคนละเตียง นั่น เป็นที่นอนผม " เขาชี้ไปที่เตียงเสริม
"อื่ม" เธอพยักหน้า
บางทีอาจให้เวลาเขาอีกหน่อย เพราะตอนนี้เขาจำอะไรไม่ได้ ก่อนหน้านี้เป็นเขาเองที่อยากให้ยกเลิกข้อตกลง และเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ สักที แต่ตอนนี้เขาปฏิเสธที่จะร่วมเตียงกับเธอ
“ผมอยากได้ข้อมูลทั้งหมด”เขาบอก
ลู่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงเหรอ? “คุณไปหาหมอก่อนดีไหม ให้หมอตรวจคุณหน่อย”
เขามองหน้าเธอ ก่อนที่จะบอก“คุณสบายใจได้ ผมสบายดี และแข็งแรงมาก” เขาไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาแบบนี้มาก่อน ร่างนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจ็บป่วยอะไร
เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าเขาจะมาอยู่ในร่างของปู่ทวดเขาได้ บางทีอาจจะแค่ชั่วคราว หรืออาจจะเป็นแค่ความฝัน แต่ธุรกิจนี้จะต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้น เพราะเป็นธุรกิจของตระกูลเขา
“คุณแน่ใจ?” เธอยังไม่ค่อยแน่ในเท่าไหร่ “เดี๋ยวตอนเย็นคุณหมอก็จะมาที่นี่เหมือนกัน ให้หมอตรวจดูอาการคุณตอนนั้นก็ได้”
“อื่ม” เขาพยักหน้า “ผมอยากอาบน้ำ”
“ได้สิ” เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า “ชุดของคุณอยู่ในนี้” เธอหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาส่งให้เขา “คุณไปอาบน้ำก่อนก็ได้ ฉันจะเตรียมเสื้อผ้าให้คุณ”
เขารับผ้าเช็ดตัว “ขอบคุณ” เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองไปรอบห้องอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูถามเธอ “นี่คือบ้านของเรา?” เขารู้สึกสงสัย เพราะจากประวัติที่เขาได้ทราบมา บ้านที่ปู่ทวดเขาอยู่ควรเป็นคฤหาสน์สิ หรือว่ายังไม่ถึงเวลา
ลู่ชิงกำลังหาเตรียมชุดให้เขา ก็หันมาตอบ “แค่บ้านเช่า”
“บ้านเช่า?” มันจะเป็นไปได้ยังไง
“ใช่” เธอถอนหายใจ “ฉันถูกขับไล่ออกมาจากบ้าน” เธอบอกเขา
“ทำไม?” เขาอยากรู้
“คุณอาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง”
เฉิงเยว่กลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง เขาอาบน้ำไม่นานก็ออกมา แต่งตัวเสร็จก็นั่งรอคำตอบของลู่ชิงที่เตียงนอน
ลู่ชิงเล่าให้เขาฟังว่า ก่อนหน้านี้คฤหาสน์หลังนั้นเป็นบ้านของเขา แต่เพราะบริษัทเกิดปัญหา พ่อของเธอจึงเอาบ้านไปค้ำประกันไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แล้วยังเป็นหนี้อีก เขาจึงเข้าไปคุยกับพ่อของเธอ โดยยื่นข้อเสนอเรื่องแต่งงาน โดยเอาที่ดิน 50 ไร่ ที่แม่บุญธรรมเขามอบให้ เอาไปค้ำเพื่อกู้เงินมาแก้ไขสถานการณ์ และยังได้หุ้นอีก 10% มารักษาบริษัทไว้
คฤหาสน์หลังนั้นจึงตกเป็นชื่อของเขาเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของเขา เธอจึงไม่สามารถโวยวายเรื่องนี้ได้ เพราะกลัวเรื่องจะไปถึงหูของผู้บริหารคนอื่น ๆ หากคนพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า และรู้ว่าเขาไม่สามารถมาบริหารงานได้อีกแล้ว เขาจะต้องถูกปลด และเธอก็อาจไม่ได้รับเลือกให้เป็นประธานบริษัทแทนเขาด้วย เพราะประสบการณ์ของเธอไม่เพียงพอ และคณะผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็คงไม่ยอมเหมือนกัน
แม่เลี้ยงและน้องสาวของเธอคิดว่าเธอคงไม่สามารถทำอะไรได้ หากไม่มีสามีของเธอ พวกเขาจึงขับไล่เธอออกจากบ้าน แม้ว่าคนในครอบครัวจะรู้ว่าคฤหาสน์หลังนั้นเป็นของเฉิงเยว่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการโอนใด ๆ เกิดขึ้น คนภายนอกรู้ว่าพ่อของเธอยังเป็นเจ้าของบ้าน และแม่เลี้ยงของเธอก็มีสิทธทุกอย่างในบ้านหลังนั้นด้วย
“ไม่เป็นไร ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” เข้าเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว
หลินเจินเดินเข้ามา “คุณหนู ก่อนหน้านี้คุณผู้ชายทำกรอบรูปนี้ตกแตก ป้าจัดการเก็บเศษแก้วหมดแล้ว แต่คุณหนูดูนี่ก่อนสิ”หลินเจินส่งซองจดหมายให้เธอ “ป้าเจอซองนี้อยู่หลังรูปของคุณหนู”