คำฝากฝังจากปู่ทวด
ผู้หญิงอย่างเฟยหลินนั้นมีแต่ความคิดชั่วร้าย พวกเธอสองแม่ลูกได้อยู่อย่างสบายมานานมากพอแล้ว งานก็ไม่ได้ช่วยทำ นอกจากผลาญเงินไปวัน ๆ ไหนจะยักยอกเงินบริษัทไปอีกเกือบร้อยล้าน
พ่อของเธอก็คงจะได้เห็นการกระทำของสองแม่ลูกที่มีต่อเธอแล้วเหมือนกัน ในพินัยกรรมจึงไม่มอบอะไรไว้ให้สองแม่ลูกนั้น นอกจากเธอและหยางเฉิงเยว่เท่านั้นที่ได้รับมรดก
ในตอนเย็น เฉิงอี้พาลู่ชิงและตำรวจมาที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋ เฟยเถากับเฟยหลินเริ่มร้อนรนทันทีที่เห็นตำรวจมา
"พวกเธอมาทำอะไรที่บ้านของฉัน แล้วพาตำรวจมาด้วยทำไม? " เฟยเถาเอ่ย ท่าทางลุกลี้ลุกลน
"ใช่ พวกเธอมาทำอะไรกัน"เฟยหลินกล่าวเสริมแม่ของเธอ
ลู่ชิงยิ้มเย้ยหยัน "บ้านของพวกเธองั้นเหรอ? หลังจากวันนี้ก็คงไม่ใช่อีกแล้ว" ลู่ชิงหยิบซองเอกสารขึ้นมา และล้วงเอกสารพินัยกรรมออกมาโชว์ให้เฟยเถาเห็น "นี่คือพินัยกรรมที่คุณพ่อของฉันทิ้งไว้ให้"
"ไม่จริง แกทำมันขึ้นมาเองใช่ไหม มันต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ " เฟยเถาส่ายหัว จะเป็นไปได้ยังไงกันที่จะมีพินัยกรรม
"นี่คือพินัยกรรมฉบับจริงที่พ่อของฉันได้ซ่อนไว้หลังกรอบรูปที่มีแม่ของฉันอยู่ โชคดีที่วันนั้นสามีของฉันตื่นขึ้นมา และได้ทำกรอบรูปนั้นตกลงพื้น ฉันจึงได้เห็นพินัยกรรมที่พ่อของฉันทิ้งไว้ให้"
"แกโกหก!" เฟยหลินเอ่ย
"โกหกหรือไม่ แค่ถามทนายก็รู้แล้ว"
"ฉันจะคุยกับทนาย หรือบางทีพวกแกอาจรวมหัวกันทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมาก็ได้" เฟยหลินบอก ก่อนจะหันไปทางตำรวจ "คุณตำรวจ คนพวกนี้ต้องสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาแน่ ๆ พวกคุณจับมันไปเลย"
ตำรวจเดินก้าวมาข้างหน้า "วันนี้ที่ผมมาที่นี่ ก็เพื่อเชิญคุณสองแม่ลูกไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ"
"ปากคำ! สอบปากคำอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด" เฟยเถาเริ่มร้อนรน
"เรามีหลักฐานการกระทำผิดของคุณ ที่ใส่ร้ายว่าคุณไป๋ลู่ชิงยักยอกเงินของบริษัท และยังมีหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกได้ว่าคุณนั่นแหละที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้"
"ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำ ไป๋ลู่ชิงใส่ร้ายฉัน"เฟยเถารีบอ้าง
เฟยหลินมองไปยังเฉิงอี้เพื่ออยากขอร้องให้เขาช่วยเหลือ "พี่เฉิงเยว่ ฉันกับแม่ไม่ได้ทำ เป็นลู่ชิงนั่นแหละที่ทำ และโยนความผิดมาให้ฉันกับแม่ ตอนที่พี่ป่วยไม่ได้สติ ลู่ชิงแอบยักยอกเงินบริษัทไป เพื่อไปอยู่กับชู้ของเธอ"
"ชู้? " ลู่ชิงอุทานออกมา เฟยหลินใส่ร้ายเธอซึ่งหน้าแบบนี้ได้ยังไง "เธอเอาอะไรมาพูด ฉันนี่นะมีชู้" เธอพูดก่อนจะหันหน้าไปมองเฉิงเยว่
"ใช่ เธอมีชู้ เธอเอาเงินไปปรนเปรอชู้ของเธอ"
"หึ" ลู่ชิงอยากจะหัวเราะดัง ๆ กับข้อกล่าวหานี้ "แต่งเรื่องเก่งนิ อยากแก้ตัวให้ตัวเองแล้วโยนความผิดมาให้ฉันงั้นเหรอ"เธอเย้ยหยัน "ตอนนี้ฉันมีคำสารภาพจากตานผิงหมดแล้ว เธอสองแม่ลูกยังจะแก้ตัวอะไรอีก ตอนนี้พวกเธอไม่เหลืออะไรแล้ว" เธอหันหน้าไปหาตำรวจ แล้วพูดต่อ "คุณตำรวจคะ จับพวกเธอออกไปจากบ้านของฉันได้แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันมีหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว" เธอหันหน้าไปทางเฉิงอี้ต่อ
เฉิงอี้รู้ว่าเขาต้องกล่าวเสริมอะไรบางอย่าง "จัดการได้เลยครับ เรื่องการยักยอกเงินบริษัทเป็นสิ่งที่บริษัทต้องจัดการให้ถึงที่สุด"
"ไม่นะ! พี่เฉิงเยว่ พี่จะให้ตำรวจจับฉันกับแม่ไม่ได้นะ ฉันกับแม่ผิดไปแล้ว พี่ให้โอกาสฉันกับแม่เถอะนะ ปล่อยพวกเราไป" เฟยหลินร้องไห้อ้อนวอน เธอหลงรักเฉิงเยว่มาตลอด แต่เขากลับไปหลงรักลู่ชิง เธอทนไม่ได้ที่เห็นเขาต้องพาตำรวจมาจับเธอแบบนี้
เฉิงอี้มองหน้าตำรวจ และพยักหน้าให้ "ผมยังยืนยันคำเดิม คุณตำรวจทำตามหน้าที่ได้เลยครับ" เขายืนยัน
"ครับ"
ตำรวจเข้าไปจับกุมสองแม่ลูกนั้นท่ามกลางสายตาของคนรับใช้ในบ้าน พวกเธอพยายามขัดขืน แต่ในที่สุดก็ต้องยอมให้ถูกจับไป
สองแม่ลูกจ้องมองมายังลู่ชิงกับเฉิงอี้อย่างอาฆาต ก่อนที่จะเดินตามตำรวจไปขึ้นรถ
"แกคอยดูเถอะ ฉันจะจัดการกับแก" เฟยเถาฝากคำพูดไว้ก่อนเดินขึ้นรถตำรวจไป ใบหน้ามีแต่ความเกลียดชังและโกรธแค้น
หลังจากวันนั้น ลู่ชิงและเฉิงเยว่ก็กลับเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลไป๋อีกครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างของตระกูลไป๋ได้เปลี่ยนชื่อเป็นของตระกูลหยางทุกอย่างแล้ว โดยมีหยางเฉิงเยว่เป็นประมุขและเจ้าของธุรกิจทุกอย่าง ลู่ชิงได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลหยางอย่างสมบูรณ์
เฟยเถาและเฟยหลินถูกตำรวจจับกุมตัวไปที่สถานีตำรวจ และได้ถูกตัดสินโทษให้ติดคุกเป็นเวลาสามปี คนรับใช้ภายในตระกูลไป๋ ลู่ชิงได้จัดการทำการเปลี่ยนคนรับใช้ใหม่ทั้งหมด โดยมีหลินเจินเป็นแม่บ้านใหญ่ คอยดูแลจัดการทุกอย่างภายในบ้าน
“ก่อนหน้านี้ ห้องนี้เป็นห้องของคุณ” ลู่ชิงชี้มือไปยังประตูห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไปจากห้องของเธอ “แต่หลังจากนี้ไป ห้องนี้จะไม่ใช่ของคุณอีกแล้ว มันจะเป็นห้องพักสำหรับแขก” เธอบอก
“คุณหมายถึง ผมเป็นแขก?” เขาชี้มือเข้าหาตัวเอง คิ้วขมวดเข้าหากัน
เธอส่ายหัว “ไม่ใช่”
“แล้ว?” เขายังงง
“คุณคือสามีของฉันเต็มตัวแล้ว ก่อนหน้านี้เราต้องแยกห้องนอน ก็เพราะเราต้องศึกษาดูใจและเรียนรู้กันก่อน” เธอบอก “แต่ตอนนี้ คุณไม่ต้องทำแบบนั้นอีกแล้ว” เธอหน้าแดง และรู้สึกเขินอายไม่น้อยที่ต้องพูดแบบนี้ “ต่อไปนี้ เราจะนอนห้องเดียวกัน คุณนอนห้องของฉัน”
เฉิงอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง“อ้อ แบบนี้นี่เอง” อย่างน้อย ๆ ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของปู่ทวด เพื่อไม่ทำให้เธอเสียใจ เขาควรตกลง
เฉิงอี้นอนหลับทันทีหลังจากที่หัวถึงหมอน เขาหลับลึก เพราะรู้สึกเหนื่อยกับงานช่วงหลายวันมานี้
“เฉิงอี้” มีเสียงหนึ่งที่เรียกเขา
เฉิงอี้ลืมตาขึ้นมามองอย่างงุนงง “นั่นใคร” เขาถาม ขยี้ตาและมองไปอีกครั้ง “ปู่ทวดเหรอ” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นคนที่ยืนตรงหน้า
“ใช่ ปู่ทวดเอง ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน”
“ได้เจอกัน” เฉิงอี้ไม่เข้าใจ
“ปู่ทวดอยากให้หลานสานต่อธุรกิจของตระกูลหยางเรา ดูแลเรื่องทุกอย่างแทนปู่ทวดด้วย และฝากดูแลย่าทวดแทนปู่ทวดด้วย”
“ปู่ทวดหมายความว่ายังไง?”
“ปู่ทวดอธิบายอะไรให้ฟังมากไม่ได้ ขอให้หลานเข้าใจว่า ที่หลานมาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะในโลกนั้นของหลาน หลานได้ตายจากไปแล้ว เราสองคนตายในเวลาเดียวกัน แต่โชคชะตาของหลานยังมี ปู่ทวดขอฝากเรื่องทุกอย่างที่นี่ไว้ด้วย ทำแทนปู่ทวดด้วย และดูแลย่าทวดของหลานให้ดี เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของหลานแล้ว” แล้วเงาของเฉิงเยว่ก็ลอยหายไป
“ปู่ทวด ปู่ทวด” เฉิงอี้ร้องไล่ตาม แต่ปู่ทวดของเขาก็หายไปในอากาศไปแล้ว
ลู่ชิงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงละเมอของเฉิงอี้ “เฉิงเยว่ เฉิงเยว่ คุณเป็นอะไร” เธอจับมือของเขาไว้
เฉิงอี้ลืมตาตื่นขึ้นมา “ผม ผมแค่ฝันไป” เขาเอามือทั้งสองข้างมากุมขมับตัวเอง พยายามเรียบเรียงความฝัน “ไม่มีอะไรแล้ว คุณนอนเถอะ”
“อื่ม” เธอพยักหน้า และล้มตัวลงนอน
เฉิงอี้ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้เธออีกครั้ง “ราตรีสวัสดิ์”เขาบอก
“ราตรีสวัสดิ์” เธอตอบ และหลับไป
หลายวันต่อมา เฉิงอี้นั่งทำงานภายในห้อง เขาทำงานไปด้วย และศึกษาข้อมูลของคณะผู้บริหารไปด้วย กลุ่มผู้บริหารที่ร่วมมือกับเฟยเถา เขาได้จัดการถอดถอนและดำเนินคดีไปหมดแล้ว ตอนนี้บริษัทเริ่มลงตัว แต่ก็ต้องแลกกับการทำงานที่หนักขึ้นเช่นกัน
“เฉิงเยว่ เลิกงานแล้ว คุณจะกลับบ้านพร้อมกันเลยไหม” ลู่ชิงเดินเข้ามา และถามขึ้น “หรือคุณยังจะทำงานต่อ?”
เฉิงอี้เงยหน้ามองเธอ ก่อนจะตอบ “คุณกลับไปก่อนนะ ผมยังมีงานต้องทำ ไม่ต้องรอผม เพราะผมอาจจะกลับดึก”