ตอนที่ 2 : หาโอกาส
ตอนที่
[2]
หาโอกาส
เมื่อคืนนางนอนคิดกับตนเองแล้วตกผลึกได้ว่า ช่วงนี้นางควรจะสอดส่องดูพฤติกรรมของเขาเพื่อให้แน่ชัดว่าเขาทำสิ่งใดบ้าง เพื่อที่จะได้หาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับเขา หากนางจำได้เขามักจะท่องตำราอยู่ที่จวน แต่จะมีหนึ่งวันที่เขาจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษเพื่อสอนเหล่าบัณฑิตของสำนักศึกษาประจำอำเภอ
ซึ่งก็บังเอิญว่าเป็นวันนี้พอดี
นางเดินตามรถม้าของเขา ด้วยสำนักศึกษาอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวอำเภอ ไม่ไกลแต่หากเดินก็ใช้เวลา มารดาของเขาจึงให้เขานั่งรถม้าไปเพื่อความสะดวก ส่วนนางนั้นการที่ต้องเดินเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หนทางไปสำนักศึกษายังใกล้กว่าบ้านนางเข้ามาในตัวอำเภอเสียอีก การเดินไปเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องลำบากอันใด โดยเฉพาะเดินตามเขา นางยิ่งเต็มใจ
รถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีสายตาของบุรุษหลายคนที่มองมาที่นางอย่างสนใจ.....
หยวนซีเวยแม้จะเป็นสตรีชาวบ้าน แต่ก็เป็นสตรีที่รูปโฉมงดงามผู้หนึ่ง แม้ไม่งดงามอ่อนหวานดังเช่นสตรีในห้องหอ แต่หากเทียบกับสตรีชาวบ้านด้วยกัน นางก็ถือว่าดูโดดเด่นกว่ามาก ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูป ปากอวบอิ่มสุขภาพดี ผิวขาวเนียนละเอียด แม้จะมีจุดที่ดูคล้ำไปบ้างเพราะต้องทำงานตากแดด แต่โดยรวมก็ถือว่างามอยู่ดี จึงไม่แปลกที่ยามนางเข้ามาที่ตัวอำเภอยามใดก็มักจะถูกมองเสมอ แต่อย่างไรนางก็ชินแล้ว เพราะนางก็เข้ามาในตัวอำเภอเกือบทุกวัน และในอำเภอนี้ก็ใช่ว่าจะมีคนงามน้อยที่ใดกัน
นางไม่สนใจสิ่งใด นอกจากเดินตามรถม้าของบุรุษในดวงใจไปเท่านั้น ซึ่งหยวนซีเวยไม่รู้เลยว่านอกจากสายตาของบุรุษในอำเภอซื่อซวนที่มองนางแล้ว ยังมีสายตาแวววับคู่หนึ่งที่มองนางอย่างสนใจเช่นกัน
ในที่สุดรถม้าก็หยุดลงที่สถานที่ด้านตะวันออกของตัวอำเภอซื่อซวน สำนักศึกษาที่ล้อมรอบไปด้วยป่าและพืชนานาพันธุ์อันเขียวชอุ่ม เบื้องหน้าประตูทางเข้าเต็มไปด้วยเหล่าบัณฑิตที่เดินทางมาร่ำเรียนที่นี่
เจิ้งซีฮัน หรือศิษย์พี่เจิ้ง ได้รับการโค้งศีรษะเพื่อเป็นการแสดงความเคารพยามที่เขาก้าวลงรถม้า แม้ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉย แต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นมิตรกับเหล่าบัณฑิตต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งที่เหล่าบัณฑิตให้ความเคารพนับถือเขา หนึ่งนั่นคือเขาเป็นผู้ที่เก่งอาจ ยามเข้าสู่สนามสอบครั้งใด เขาไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง โดยเฉพาะการสอบเคอจวี่สนามสอบแรกคือถงเซิงที่ทำให้เขากลายเป็นซิ่วไถ และเขาสอบได้เป็นลำดับที่หนึ่งทำให้สนามสอบที่สองเขาไม่เป็นจำเป็นต้องสอบ แต่สามารถเลื่อนขั้นไปสอบในสนามสอบที่สามได้เลย
สอง ยามที่เขามาถ่ายทอดความรู้ให้กับเหล่าศิษย์น้องที่นี่ เพียงแค่อธิบายเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เข้าใจในบทเรียนได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้ทุกคนที่นี่อยากจะเรียนกับเขา ซ้ำอยากจะให้เขามาสอนเป็นประจำเสียด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าเขาต้องเตรียมตัวสอบ...
สาม คือเขารูปงาม รูปงามทั้งบุคลิกและหน้าตา การได้เรียนกับเขาดีกว่าได้เรียนกับเหล่าอาจารย์สูงอายุที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเป็นไหน ๆ แม้ว่าเจิ้งซีฮัน จะไม่ใช่คนช่างพูด ออกจะพูดน้อย แต่อย่างไรแล้วลักษณะภายนอกของเขาก็ทำให้คนย่อมมองข้ามหลาย ๆ สิ่งไป
“ศิษย์พี่ ท่านมาแล้ว” ศิษย์ผู้หนึ่งที่มีใบหน้าผ่องใส วิ่งมาหาเขาด้วยความดีใจ ทั้งผายมือเชิญเขาเข้าไปด้านใน ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เจิ้งซีฮันกำลังจะก้าวขาเข้าไปในสำนักศึกษา เขาหันหลังกลับไปมองโดยรอบ พร้อมทั้งขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘วันนี้คล้ายมีบางอย่างผิดปกติ’ เขาคิดเช่นนั้น แต่ยามนี้ไม่ว่ามองหาอย่างไรก็ไม่พบ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าสำนักศึกษาไปและลืมเรื่องราวเมื่อครู่ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ด้านหยวนซีเวยที่เมื่อครู่เพิ่งเจอกับเหตุการณ์น่าตกอกตกใจ ก็กุมหัวใจด้วยความตื่นเต้น ผู้ใดจะคาดคิดเว่าเขาจะหันหลังกลับมามองกะทันหันเช่นนั้น นางหาที่ซ่อนแทบจะไม่ทัน เคราะห์ดีที่ตรงนี้มีก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ จึงทำให้นางสามารถใช้เป็นเกราะกำบังสายตาในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทันท่วงทีเช่นนี้
เขารู้ว่ามีคนตามหรือ
เหตุใดจึงฉลาดนักเล่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงต้องใช้ความคิดยิ่งกว่าเดิม ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เขาจับได้ในตอนนี้ ขอเวลานางอีกหน่อย
นางกวาดสายตามองไปโดยรอบ จะว่าไปแล้ว ก้อนหินก้อนนี้ก็ช่างบังสายตาผู้อื่นได้ดีนัก ทั้งมีพุ่มไม้อำพรางสายตา นางสามารถมองออกไปด้านนอกได้ แถมตรงนี้แสงแดดยังส่องไม่ถึงและมีลมเย็นพัดผ่าน นางจึงสามารถนั่งรอเขาได้อย่างเย็นสบาย
หยวนซีเวยนั่งรอนอนรอเขา จนเวลาผ่านไปกว่าสามชั่วยามเขาถึงออกมา ยามนี้ท้องนางส่งเสียงโครกคราก เพราะนางกินข้าวมาแค่มื้อเช้าเท่านั้น ออกมาจากบ้านตั้งแต่ยามเฉิน แต่ยามนี้น่าจะปลายยามเว่ยแล้ว ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกหิว
เมื่อเขาเข้าไปนั่งในรถม้าเรียบร้อยแล้ว และล้อเริ่มหมุน นางก็ออกจากด้านหลังก้อนหิน เดินตามรถม้าของเขาไปอย่างเว้นระยะห่าง
เขาใช้เวลาอยู่สำนักศึกษาราวสามชั่วยาม อีกเจ็ดวันเขาก็จะมาที่นี่อีกครั้ง ระหว่างนี้นางจะต้องรอดูว่าเขาจะออกจากจวนของเขาอีกยามใด เพื่อที่จะได้หาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับเขา
แต่สิ่งที่ทำให้นางร้อนใจที่สุด คือ เขาป่วยได้อย่างไร มันเริ่มจากตรงไหน
เหตุใดบุรุษที่ดูแข็งแรง จึงได้ล้มป่วยในระยะเวลาสั้น ๆ และจากไปในเวลาอันรวดเร็วเช่นนั้น นางจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรู้สาเหตุนั้นให้ได้
นางเดินตามเขาทั้งยังใช้ความคิดไปมากมาย เมื่อมองดูอีกครั้งรถม้าของเขาก็จอดอยู่หน้าจวนนายอำเภอเสียแล้ว ที่หน้าจวนไม่ได้มีแค่บ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตู แต่ยามนี้กลับมีบุรุษอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ยืนอยู่พร้อมกับเจิ้งฮูหยินมารดาของเขา นางรีบหาที่ซ่อนเพื่อมองเหตุการณ์ ไม่นานก็ได้ความว่า บุรุษผู้นั้นเป็นญาติผู้น้อง ที่เป็นญาติฝั่งมารดาเขา นางมองบุรุษผู้มาใหม่อีกครั้ง เหตุใดนางจึงไม่ชอบหน้าคนผู้นี้เลยสักนิด เขามีใบหน้าและดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์และคล้ายกับมีแผนการอยู่ตลอดเวลา
นางหันไปมองเจิ้งซีฮัน นางรู้สึกเป็นห่วงเขา ญาติผู้น้องของเขาจะสร้างความวุ่นวายอันใดให้เขาหรือไม่
ที่จริงแล้วหยวนซีเวยนั้นคิดถูก ญาติผู้น้องผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจจริงเขาถูกบิดาที่มีศักดิ์เป็นน้องชายของเจิ้งฮูหยินส่งมาที่อำเภอซื่อซวนอย่างเร่งด่วน หลังจากที่เขาไปก่อเรื่องข่มเหงรังแกสตรีชาวบ้านผู้หนึ่งเอาไว้ ด้วยต้องการกลบเกลื่อนความผิดของอีกฝ่ายทั้งยังเห็นว่าญาติผู้พี่ของอีกฝ่ายเป็นถึงซิ่วไถ ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น การตัดสินใจส่งมาที่อำเภอซื่อซวนน่าจะเป็นการดีที่สุด
และผู้ที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการมาของญาติผู้น้องผู้นี้ก็ไม่ใช่เจิ้งซีฮัน แต่เป็นนางเองต่างหาก....