ตอนที่ 1 : กลับมาอีกครั้ง
ตอนที่
[1]
กลับมาอีกครั้ง
นางกลับมาแล้ว.........
นางกลับมาแล้วจริง ๆ
นางได้รับโอกาสนั้นแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด! แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่หลังจากที่ได้ก้มโขกศีรษะกับพื้นเพื่อขอบคุณฟ้าดินอยู่กว่าหนึ่งเค่อ อาการเจ็บที่หน้าผากก็บ่งบอกแล้วว่านางนั้น ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่แล้วจริง ๆ
จากที่คิดว่าต้องตายอยู่หน้าหลุมศพของเขาเพียงลำพัง ทั้งรำพึงรำพันถึงอดีตที่ผันผ่านไปอย่างที่ไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใด แต่ผู้ใดจะคาดคิด ว่าคำอ้อนวอนของคนที่ลมหายใจสุดท้ายกำลังจะดับลงนั้นจะกลายเป็นจริง
เสียงนั้น.....
ที่กล่าวกับนาง ว่าจะให้โอกาสนั้นกับนางอีกครั้ง คล้ายกับน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ มันช่างเย็นสบายพร้อมกันนั้นก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นในหัวใจยิ่ง
“ขอบพระคุณนะเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนท่านอย่างไร แต่หากมีโอกาสข้าย่อมตอบแทนท่านแน่นอน” นางกล่าวเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างโปร่งแสงที่ยืนฟังคำขอบคุณของอีกฝ่ายมามากกว่าหนึ่งเค่อก็ได้แต่ส่ายหน้า และคิดว่าหากเขาไม่ทำอันใด นางก็อาจจะทำเช่นนั้นไปอีกนานเป็นแน่ จึงได้แต่เปล่งเสียงบางเบาให้ลอยไปตามสายลมว่า “ข้ารับรู้แล้ว”
ด้านสตรีชาวบ้านที่สวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างซาบซึ้งแล้วโขกหัวลงพื้นเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังทิศทางหนึ่งของอำเภอซื่อซวนทันที
บ้านของนายอำเภอซื่อซวน....
คือจุดหมายปลายทางของนาง
ระหว่างเส้นทางนางลอบสังเกตว่ายามนี้คือยามใด และเป็นช่วงเวลาใดกันแน่
และในที่สุดนางก็รู้.....ว่านางกำลังย้อนกลับมาในช่วงที่ตนเองอยู่ในวัยสิบหกหนาว
เป็นช่วงที่นางมีความสุขที่สุดเมื่อได้เห็นความสำเร็จของเขาที่กำลังไปได้ด้วยดี และเป็นช่วงที่นางเจ็บปวดที่สุดนั่นก็คือเขาจากไป......
และช่วงเวลาที่นางได้กลับมานี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ นั่นก็คือ...
เป็นช่วงเวลาสามเดือนก่อนที่เขาจะจากไป!
หัวใจของนางเต้นแรงเมื่อคิดถึงความรู้สึกยามที่ต้องสูญเสียเขาไป เมื่อน้ำตาเริ่มคลอทำให้นางรีบบอกกับตนเองว่า นางได้รับโอกาสครั้งสำคัญมาแล้วนี่อย่างไร ไม่แน่ว่านางอาจจะสามารถเปลี่ยนอันใดให้ดีขึ้นก็เป็นได้
หยวนซีเวย ที่คิดว่าตนจะสามารถควบคุมความรู้สึกของตนเองได้ แต่เมื่อนางได้พบกับคนผู้หนึ่ง ร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีขาวทรงสง่า น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลลงอาบแก้มนวลทันที
นางพบเขาแล้ว......
ช่างดีเหลือเกิน ที่เขายังมีชีวิตอยู่ ช่างดียิ่ง
สวรรค์ เห็นหรือไม่ ว่าเขานั้นทั้งงดงามและเพียบพร้อมปานใด เหตุใดจึงได้อยากเอาตัวเขาไปเร็วนักเล่า
เมื่อน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด นางกลัวว่าผู้คนจะคิดว่านางนั้นเป็นสตรีฟั่นเฟือนที่มาร้องไห้กลางถนนเช่นนี้ อีกทั้งนางกลัวว่าเขาจะพบนาง นางไม่อยากให้เขาพบเจอนางในสภาพเช่นนี้ จึงได้รีบหามุมหลบเพื่อที่จะได้เฝ้ามองเขาให้สะดวกยิ่งขึ้น
แต่ต่อไปนางคงไม่มัวแต่เฝ้ามองเขาเช่นนี้อีกแล้ว นางเฝ้ามองเขามามากพอแล้ว......
ยามนี้เขากำลังกล่าวกับสหายด้วยท่าทางเรียบนิ่งก่อนที่สหายของเขาจะแยกตัวออกไปและตัวเขาก็เดินเข้าจวนของตนไป
แม้ดวงหน้านั้นจะเย็นชา กิริยาจะสุขุมทั้งแฝงไปด้วยความเรียบนิ่ง แต่นางก็ชื่นชอบนัก ยิ่งยามที่เขาทำสิ่งใดได้สำเร็จ เขามักจะแสดงออกถึงความดีใจผ่านดวงตาที่ลึกล้ำนั่น มันมักจะแวววับมากกว่าปกติเล็กน้อยนางยิ่งชื่นชอบ นางที่เฝ้ามองเขามาห้าปี ตั้งแต่นางอายุสิบเอ็ดหนาวนั่นจึงทำให้นางรับรู้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับเขาได้ เขาเป็นคนเก่งและขยันในการร่ำเรียนเป็นอย่างมาก เก่งกาจจนสามารถพาตนเองไปในเส้นทางของการสอบขุนนางได้ ยามนี้เขาเป็นถึงซิ่วไถ ในอำเภอซื่อซวนนี้มีเพียงเขาเป็นซิ่วไถเพียงคนเดียว อีกไม่นานเขาก็จะสอบเลื่อนขั้นไปเรื่อย ๆ และปลายทางของเขาคือการเป็นจอหงวน
บุตรชายของนายอำเภอซื่อซวน อนาคตคือจอหงวนผู้โดดเด่น ทุกอย่างคงจะเป็นไปด้วยดี หากเขาไม่ด่วนจากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดฝันมาก่อนเช่นนั้น.....
นางกลับมาในครั้งนี้ นางจะพยายามช่วยเขาให้เต็มที่ หากว่าเป็นไปได้.....
เขาอาจจะได้ไม่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร มีชีวิตตามที่เขาหวังเอาไว้ และนางก็คงไม่ทรมานเป็นเวลากว่าหกสิบปีหลังจากที่เขาจากไปเช่นนั้น
นางหมายมาดแล้ว ว่าจะต้องช่วยเขาให้ได้!
ยามนี้เขาเข้าจวนไปนานแล้ว ส่วนนางนั่งหลบมุมตกผลึกในความคิดของตนเอง แต่ไม่นานก็สรุปได้ว่า ยามนี้นางควรกลับบ้านของตนก่อน ค่อยกลับไปคิดที่บ้านให้ละเอียดอีกที อีกทั้งบ้านของนางไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอ ถึงแม้ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก ใช้เวลาเวลาเดินเพียงสองเค่อเท่านั้น แต่หากไปกลับก็ราว ๆ ครึ่งชั่วยาม และยามนี้เป็นยามเซินแล้ว นางจะต้องรีบเดินกลับบ้านก่อนที่มันจะมืดค่ำเสียก่อน
หยวนซีเวยทั้งกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะนอกจากดีใจที่ได้กลับมาพบเขาแล้ว อีกผู้หนึ่งที่นางอยากจะพบเจอเหลือเกินนั่นก็คือมารดา นางอยู่กับมารดามาตั้งแต่เด็ก เพราะบิดาจากไปครั้งที่นางเล็ก ๆ เพราะขึ้นไปเก็บของป่าแล้วพบกับสัตว์ดุร้ายอย่างหมีป่าตัวใหญ่ เขาไม่สามารถรอดพ้นจากกรงเล็บและความดุร้ายไปได้ สุดท้ายนางจึงอยู่กับมารดาสองคนตั้งแต่ที่นางอายุเพียงสี่หนาวเท่านั้น นางอยู่กับมารดาสองคนไปจนกระทั่งมารดาแก่ชรา ไม่ออกเรือน อยู่ดูแลมารดาจนอีกฝ่ายสิ้นลมหายใจ มารดาจากไปด้วยโรคชรา นับจากนั้นนางจึงต้องอยู่ผู้เดียว พร้อมกับการไปหาเขาทุกวัน สุดท้ายนางก็จากไปด้วยโรคชราเช่นกัน แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้จากไปที่หน้าหลุมศพของเขา
“ท่านแม่!!”
นางพบมารดาที่แสนดีของนางแล้ว
หมับ!
“ท่านแม่ข้าคิดถึงท่าน!!”
หยวนซีเวย สวมกอดมารดาแน่น โดยไม่คลายแรงลงสักนิด เพราะความโหยหาอัดแน่นอยู่ภายในใจ
“เวยเออร์เจ้าปล่อยแม่ก่อน แม่อาจจะขาดอากาศหายใจได้หากเจ้ายังทำเช่นนี้”
นางที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำอันใดเมื่อได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นจึงได้รีบผละอ้อมแขนออกมา
“ก็ข้าคิดถึงท่านแม่นี่นา” ว่าแล้วก็เข้าไปสวมกอดมารดาอีกครั้งแบบหลวม ๆ
“คิดถึงอันใดกัน เจอกันทุกวัน ไปในอำเภอก็คิดถึงแม่แล้วหรือ นึกว่าจะคิดถึงแต่คุณชายเจิ้งผู้นั้น” กล่าวแล้วก็ส่งสายตาแวววับไปให้บุตรสาว
“ท่านแม่”
ด้านบุตรสาวเมื่อโดนมารดาเย้าก็ได้ทำหน้ามุ่ยแล้วเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย
นางอี้ซื่อรู้เรื่องทุกอย่างดี ว่าบุตรสาวของนางมีใจให้ผู้ใดและเฝ้ามองเขามานานเท่าใด
ต้องโทษตนแล้วที่ช่วยอันใดไม่ได้ ผู้อื่นเขาเป็นบุตรชายนายอำเภอที่มีอนาคตไกล ส่วนบุตรสาวของตนก็มีมารดาเป็นเพียงแค่สตรีชาวบ้าน ที่ทำอาชีพเกษตรกรรมเท่านั้น ฐานะกลาง ๆ ไม่ยากจนแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย
นางอี้ซื่อมองบุตรสาวผู้งดงามของนางอย่างเวทนา แม้หยวนซีเวยจะบอกว่า ไม่ได้คิดว่าจะลงเอยสมหวังกับคุณชายเจิ้งผู้นั้นขอแค่ได้มองเขาจากที่ไกล ๆ ก็พอ แต่นั่นมันไม่ยิ่งน่าเวทนากว่าหรือ ได้แต่แอบมองแต่ไม่ได้เคียงคู่
“ท่านแม่คิดอันใดหรือ”
หยวนซีเวยที่เห็นมารดานิ่งไปจึงเอ่ยถามขึ้น ด้านนางอี้ซื่อที่คิดไปไกลก็ได้แต่ดึงสติกลับมา ไม่แน่ว่าในภายภาคหน้าอาจจะมีอันใดเปลี่ยนก็เป็นได้
“แม่มิเป็นอันใด ว่าแต่...เหตุใดจึงได้กลับมาช้านัก ไม่พบคุณชายเจิ้งหรือ”
“พบเจ้าค่ะ แต่ข้ามัวแต่ทำอย่างอื่นด้วยนิดหน่อยเลยกลับมาช้า”
“เช่นนั้นหรือ” นางอี้ซื่อพยักหน้าฟังบุตรสาว
“แล้วนี่ท่านแม่จะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”
นางลอบมองมารดา ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายมีกระบุงด้วย
“อ้อ แม่ว่าจะเอามันเทศกับผักไปให้ป้าเถียนน่ะ ป้าเถียนน่าสงสารนัก”
“ป้าเถียนท้ายหมู่บ้านน่ะหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ๆ เช่นนั้นแม่รีบไปก่อน เดี๋ยวจะมืดค่ำ แม่ทำอาหารไว้แล้ว หากเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะรอท่านแม่”
“เช่นนั้นก็ได้ แม่ไปก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบกลับ” ว่าแล้วก็เดินไปยังทิศทางไปยังบ้านป้าเถียนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านทันที
ป้าเถียนที่ถูกสามีหย่าร้างและอยู่กับบุตรชายและบุตรสาวที่กำลังล้มป่วย
น่าสงสารไม่น้อย
นางส่ายหัวเมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องของคนอื่น ยามนี้นางควรคิดว่าจะต้องทำอย่างไรต่อดี แต่ที่แน่ ๆ พรุ่งนี้นางจะไปหาเขาอีกครั้ง