บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 รอรับพี่ใหญ่ 1.1

"บ่าวพูดจริงต่างหากละเจ้าคะ ในเมืองหลวงนี้ใครก็รู้ว่าบุตรสาวคนรองของท่านราชครูงดงามที่สุด” เจียอีพูดพร้อมกับเดินไปที่ชั้นวางเสื้อผ้า แต่แทนที่นางจะเลือกให้คุณหนู นางกลับเลือกไม่ถูก ชุดนี้ก็งาม ชุดนั้นก็งาม มือของนางยกขึ้นเกาศีรษะอย่างคิดไม่ตก นางเลยหันไปหาคุณหนู

"คุณหนูต้องการชุดแบบไหนเจ้าคะ บ่าวเลือกไม่ถูกเจ้าค่ะ” เจียอีส่งยิ้มแห้งให้คุณหนู ฮุ่ยเจียงมองสาวใช้พลางส่ายหัวแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ "ข้าว่าข้าอยากได้ชุดสีฟ้าอ่อนที่มีลายปักดอกเหมยเจ้าคิดว่าอย่างไร"

"เจ้าค่ะ” เจียอีรีบหยิบชุดที่คุณหนูต้องการมาให้ แล้วช่วยคุณหนูแต่งตัว

วันนี้เป็นวันดี เป็นวันที่กองทัพของคุณชายใหญ่เดินทางกลับจากการทำศึกมาเนิ่นนาน ศึกจากชายแดนใต้ที่สู้ต่อเนื่องเป็นเวลานานตอนนี้ก็สิ้นสุดลงสักที หลังจากนำทหารโจมตีข้าศึกจนชนะ แม่ทัพใหญ่บุตรชายของท่านราชครูก็ได้รับการยกย่องจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญในความสามารถของแม่ทัพใหญ่

ฮุ่ยเจียงคิดถึงภาพของพี่ใหญ่ในชุดเกราะนางก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "พี่ใหญ่ของข้าช่างเก่งกาจจริง ๆ" นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เจียอีได้ยินก็อดยิ้มตามไม่ได้ "ท่านแม่ทัพใหญ่เป็นคนที่น่านับถือยิ่งนักเจ้าค่ะ คุณหนูช่างโชคดีที่มีพี่ใหญ่เช่นนั้น บ่าวได้ยินชาวบ้านพากันสรรเสริญคุณชายใหญ่ไม่หยุดเลยเจ้าค่ะ "

"ดีจริง ข้าเองก็ภูมิใจในตัวพี่ใหญ่ " ฮุ่ยเจียงหันกลับมามองตัวเองในคันฉ่องอีกครั้ง ผ้าไหมเนื้อหนาชุดสีฟ้าอ่อนที่มีลายปักดอกเหมยดูหรูหรายิ่งเสริมด้วยผ้าคลุมไหล่ที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดี สีฟ้าอ่อนเข้ากับชุดที่นางสวมใส่ลวดลายปักบนผ้าคลุมเป็นรูปหงส์ที่งดงามและอ่อนช้อย หงส์ตัวใหญ่กลางผืนผ้ามีปีกที่กางออกอย่างสง่างาม ขนหงส์ถูกปักด้วยไหมสีทองและสีเงินระยิบระยับ เพิ่มความวิจิตรงดงามหงส์บนผ้าคลุมเหมือนมีชีวิต ปีกของมันดูราวกับว่ากำลังโบยบิน ขนแต่ละเส้นปักอย่างละเอียดอ่อน สะท้อนแสงวิบวับเมื่อต้องกับแสงแดด ดวงตาของหงส์ปักด้วยไหมสีดำสนิท ดูมีพลังและอ่อนโยนไปพร้อมกัน ชุดนี้เป็นฝีมือของท่านแม่ที่หาผู้ใดเปรียบมิได้ นางมองชุดด้วยความชื่นชมและสรรเสริญมารดาอยู่ในที

"คุณหนูงามมากเจ้าค่ะ" เจียอีมองคุณหนูและชมจากใจจริง

"ขอบใจเจ้ามากแต่อย่ามัวชมเพลิน เจ้ามาช่วยข้าทำผมเร็วเถิด เดี๋ยวจะไม่ทันขบวนพี่ใหญ่" ฮุ่ยเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเร่งเร้า "ได้เจ้าค่ะคุณหนู" เจียอีรับคำอย่างกระตือรือร้น นางทำผมด้วยความคล่องแคล่วไม่นานก็เสร็จ

เจียอีไปหยิบนำหีบเครื่องประดับขึ้นมาให้คุณหนูเลือก พอเจียอีเปิดหีบออกก็หยิบปิ่นหยกออกมา พลิกดูด้วยความสงสัยเพราะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ปกติเครื่องประดับทุกชิ้นนางจำได้หมด เพราะนางเป็นคนทำความสะอาดอยู่เสมอแต่เหตุใดของชิ้นนี้นางถึงไม่คุ้น

"คุณหนู ปิ่นนี้งดงามมากเจ้าค่ะ แต่ว่าคุณหนูซื้อมาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ ทำไมบ่าวถึงไม่เคยเห็นมาก่อน" ฮุ่ยเจียงรับปิ่นมาพิจารณาและเห็นว่าสวยอย่างที่สาวใช้บอก ปิ่นหยกแปลกตาถูกแกะสลักเป็นรูปนกเป็นงานประณีตและสวยงาม แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันมาได้อย่างไร

"ข้าเองก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน อาจจะเป็นของท่านแม่เอามาให้กระมัง ถ้าอย่างนั้นเอาชิ้นนี้แหละข้าชอบ มันสวยจริงอย่างที่เจ้าว่า" ฮุ่ยเจียงส่งปิ่นคืนให้สาวใช้นำมาประดับบนศีรษะ โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของปิ่นชิ้นนี้นำมาแอบใส่ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนหากบุรุษคนนั้นรู้ว่านางเลือกใช้ปิ่นหยกชิ้นนี้คงดีใจมิใช่น้อย

หลังจากใส่เครื่องประดับชิ้นสุดท้ายเรียบร้อยดวงตากลมโตก็เพ่งพิจารณาตนเองที่หน้าคันฉ่องก่อนจะได้ยินเสียงสาวใช้ชมขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเช้านี้สาวใช้ของนางพูดคำนี้ไม่หยุด

"คุณหนูของบ่าวงดงามที่สุดเจ้าค่ะ"

"เจ้าก็ช่างชมข้าเกินไปตอนนี้ข้าเหมือนกำลังจะลอยแล้ว"

"บ่าวพูดเรื่องจริงเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่คุณชายใหญ่กำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ" เจียอีส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะชวนคุณหนูให้ออกจากเรือนเพราะเกรงว่าถ้ามัวโอ้เอ้คงไม่ทันขบวนทัพของคุณชายใหญ่

"จริงสิไปกัน ถึงเวลาที่ต้องไปรอรับพี่ใหญ่แล้ว" ฮุ่ยเจียงเป็นฝ่ายดึงมือสาวใช้หลังจากแต่งเตรียมตัวเรียบร้อย ระหว่างทางนางรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับพี่ใหญ่ที่เพิ่งกลับมาจากสนามรบ นางเดินมาสมทบกับท่านแม่ทั้งสองคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าเรือนใหญ่

"เร็วเข้าลูกแม่ ประเดี๋ยวไม่ทันพี่ใหญ่ของเจ้า" ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวเดินมาถึงความงามของนางเป็นที่ประจักษ์จนคนเป็นแม่ก็อดชื่นชมไม่ได้ยิ่งเข้าใกล้สู่วัยปักปิ่นยิ่งเผยความงดงามมากขึ้น

"วันนี้ลูกของแม่งดงามยิ่งนัก" ซูลี่พูดพร้อมกับจับบุตรสาวหมุนซ้ายหมุนขวา

"จริงเจ้าค่ะพี่หญิง เจียงเอ๋อร์ เจ้างามยิ่งนัก" เย่วซินพูดเสริมอย่างเห็นด้วยมิใช่การเยินยอแต่อย่างใด ทั้งชุดและคนสวมช่างส่งเสริมกันอย่างลงตัว

ฮุ่ยเจียงที่ได้ฟังแม่กับแม่รองชมก็เขินจนหน้าแดง

"ท่านแม่กับท่านแม่รองชมกันเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ แต่ว่าวันนี้พวกท่านก็งามเช่นกันเจ้าค่ะ" ฮุ่ยเจียงมองมารดาทั้งสองที่สวมชุดด้วยสีที่คล้ายคลึงกันทั้งยังงดงามไม่ต่างกัน เสมือนทั้งสองคนเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมาจริง ๆ ใบหน้าหวานของนางประดับไปด้วยรอยยิ้ม ซูลี่ที่เห็นบุตรสาวเอาแต่ชมทั้งที่ตนเองนั้นงามกว่าใครก็เอ็นดู “ปากหวานได้ใครกันเด็กคนนี้" นางเอ่ยพลางยิ้มด้วยความรักใคร่ “ปากหวานเสียจริง ไปเถอะ ท่านพ่อเจ้ารออยู่หน้าจวนนานแล้ว" แม่รองพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

ฮุ่ยเจียงหัวเราะตาม "เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่รอง" นางเดินมาคล้องแขนท่านแม่กับแม่รองแล้วเดินตามน้องชายกับน้องสาวที่จูงมือวิ่งนำไปหน้าจวน

"ท่านพ่อ ท่านพ่อ" เสียงเด็กน้อยดังประสานกันเมื่อเห็นบิดายืนอยู่ด้านหน้าจวนพร้อมกับบ่าวไพร่ที่นั่งข้าง ๆ เตรียมต้อนรับขบวนของกองทัพที่กำลังเคลื่อนเข้ามา โดยมีบุตรชายคนโตเป็นคนนำขบวน พอฮุ่ยหมิ่นเห็นครอบครัวออกมาครบแล้ว ก็ชักชวนกันออกไปยืนที่ด้านหน้าประตู

เสียงดนตรีจะดังกึกก้องบอกให้รู้ว่าขบวนใกล้เข้ามาแล้ว สองข้างทางตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาดูขบวนด้วยความตื่นเต้นบางคนก็มารอรับบุตรชายที่เข้าร่วมกองทัพด้วยความน่าชื่นตาบาน แต่ก็มีบางครอบครัวที่ต้องเศร้าเสียใจเพราะบุตรชายไม่ได้กลับมาพร้อมกับขบวนนี้แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยินดีที่บุตรชายเป็นผู้เสียสละ ครอบครัวของทหารผู้กล้าเหล่านั้นก็ได้รับการยกย่องและได้รับค่าตอบแทนจากความกล้าหาญและเสียสละของบุตรชายได้เป็นอย่างดี หากครอบครัวนั้นยังมีบุตรชายก็จะได้รับการส่งเสริมให้เข้าเรียนหรือถ้าอยากเข้าร่วมกองทัพก็สามารถทำได้ด้วยเหมือนกัน

ในแคว้นนี้จึงไม่มีใครที่ไม่ส่งเสริมให้บุตรของตนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพเพราะถือเป็นหน้าเป็นตาและได้รับการยกย่องเป็นอย่างดี ครอบครัวก็อยู่ดีกินดีหลังจากการรบทัพจับศึกกลับมาแล้วถึงแม้พวกเขาจะเสียใจ แต่ก็ภูมิใจในตัวบุตรชายของพวกเขาที่เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมือง

แต่ตอนนี้การศึกจบสิ้นแล้วบ้านเมืองสงบสุขหลังจากกินระยะเวลายาวนานหลายปี เมื่อกองทัพเดินทางมาถึงเสียงแตรและกลองดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณการต้อนรับผู้คนพากันตื่นเต้นที่เห็นธงแดงสัญลักษณ์แห่งชัยชนะสะบัดพลิ้วไหวมาแต่ไกล

บุรุษองอาจที่กำลังควบอาชาด้วยท่าทางผึ่งผายสง่างามสมกับเป็นชายชาตินักรบเข้ามาใกล้สายตามากขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel