บทย่อ
คำโปรย ชาติก่อนนางตายอย่างทรมานพร้อมกับลูกในท้องครอบครัวถูกประหาร นางมีโอกาสกลับมาอีกครั้งและจะแก้แค้นสามีกับสหายสารเลวไม่ให้ตายดีแต่ใครจะคิดว่านางไม่ต้องลงมือเองเพราะเขาผู้นั้นเอาแต่คลั่งรักนางจัดการเองหมด แนะนำเรื่อง เพราะความโง่เขลาจึงนำไปสู่ความตาย ตระกูลของนางล่มสลาย สามีและสหายสนิทที่นางไว้ใจวางแผนทำร้ายนางและใส่ร้ายครอบครัวของนางต้องถูกประหารชีวิต แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดเป็นเพราะพวกมันวางแผนหลอกล่อจนทำให้นางหลงเข้ามาติดกับ ไม่คิดว่าพวกมันสองคนจะเลวถึงเพียงนี้ แต่จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่เพราะนางเอง หากชาตินี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่ตายดี!! แต่นางยังไม่ทันลงมืออะไรเลย คนพวกนั้นก็มีจุดจบที่น่าสมเพชไปซะแล้ว...นี่มันเรื่องอะไรกัน! ตัวอย่างบางตอน "พี่ชายสัญญานะว่าท่านจะไม่ลืมข้า" เด็กน้อยยื่นนิ้วก้อยจิ๋วหลิวน่ารักขึ้นมาตรงหน้าก่อนที่สวีเสวียนหนานจะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวนิ้วน่ารักของนางเอาไว้ถือเป็นการสัญญา "ไม่ลืมอย่างแน่นอนใครจะไปลืมเด็กน้อยน่ารักคนนี้ได้กันเล่า" "พี่ชายท่านจำไว้ด้วยว่าเด็กน้อยน่ารักคนนี้จะแต่งให้ท่าน" "เด็กน้อยอย่างเจ้านี่นะคิดจะแต่งให้ข้ารึ" "ใช่เจ้าค่ะข้าจะแต่งให้ท่าน" เด็กน้อยยังคงยืนยันคำเดิม "ถ้าอย่างนั้นเจ้าจำให้ได้ก็แล้วกันว่าเจ้าพูดอะไรกับข้าไว้" ชาติที่แล้วเขาไม่อาจรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนางได้ แต่ชาตินี้ อย่าหวังว่าคนพวกนั้นจะทำอันใดนางได้อีก เพราะความตายมันกำลังเข้าไปเยือนพวกมันในอีกไม่ช้า! พวกมันต้องไม่ตายดี!!
ปฐมบท
เส้นทางสู่แคว้นฉี
"นางทาสชั้นต่ำ เดินช้าเช่นนี้คิดจะถ่วงเวลาพวกข้าอย่างนั้นรึ!!" ผู้คุมส่งเสียงตะโกนดังก้องด้วยโทสะ เขาเดินเข้ามาหาทาสนางหนึ่งด้วยท่าทางคุกคามในมือของเขาถือแส้ที่ม้วนเป็นวงกลม ดวงตาฉายแววเหี้ยมโหดร่างเล็ก ๆ ของเจียอีคลานหนีด้วยความหวาดกลัว เขาเงื้อมมือขึ้นสูงแล้วฟาดแส้ลงมาอย่างหนักหน่วง
"โอ๊ย!!" เสียงร้องของฮุ่ยเจียงที่วิ่งเข้ามากอดร่างบางของสาวใช้คนสนิทเอาไว้แน่น นางใช้แผ่นหลังของนางรองรับแส้ที่ฟาดลงมาความแรงของมันทำให้ร่างของนางทรุดลงทันที
นางกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นกลั้นเสียงร้องจากอาการเจ็บปวดแผ่นหลังของนางปริแตกเลือดไหลออกมาตามผิวเนื้อ ร่างเล็กผอมแห้งซูบเซียวประหนึ่งต้นหญ้าขาดน้ำแต่กลับแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งนางพยายามปกป้องสาวใช้ของตนเองถึงแม้ว่าตอนนี้นางเองก็สภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน เสื้อผ้าที่นางใส่ตอนนี้ขาดเป็นริ้วไม่ต่างจากขอทานแต่ถึงแม้จะผ่านความเจ็บปวดเพียงใดแต่ฮุ่ยเจียงก็ยังอดทน มือที่อ่อนแรงและสั่นเทาโอบกอดสาวใช้คนสนิทเอาไว้
"คุณหนู.." เจียอีสาวใช้ที่ติดตามมาตั้งแต่เล็กมองใบหน้าคุณหนูของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารอดีตบุตรสาวท่านราชครูหญิงสาวที่เคยงามพิลาศล้ำดั่งบุปผาแรกแย้มตอนนี้กลับมีรอยแผลจากการถูกกรีดเป็นทางยาวตั้งแต่หางคิ้วจนเกือบถึงปลายคางส่งให้ความงดงามหายไป ผิวเนื้อที่เคยขาวผ่องนวลเนียนไม่ต่างจากไข่มุกกลับหยาบแห้งกร้านผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ดวงตาคู่งามฉายแววเศร้าหมองไม่จางหาย หญิงสาวผู้มีชาติตระกูลสูงส่งผู้ไม่เคยทะเยอทะยานไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ต้องเผชิญกับโชคชะตาอันโหดร้าย สามีและสหายสนิทที่นางไว้ใจวางแผนทำร้ายนางและใส่ร้ายครอบครัวของนางต้องถูกประหารทั้งตระกูล
ความทุกข์ยังไม่ทันจางหายคุณหนูของนางก็ถูกส่งตัวไปเป็นทาสเพราะความโหดร้ายของสามีของนางกับสหายรักเพียงหนึ่งเดียว
ตระกูลที่มั่งคั่งสูญสิ้นไปชั่วข้ามคืนเหลือเพียงคุณหนูฮุ่ยเจียงที่ถูกขายออกมาไปเป็นทาสเหมือนกับต้องการทรมานให้นางอยู่ไม่สู้ตาย เจียอีกอดร่างเล็กของคุณหนูเอาไว้แน่นก่อนจะเห็นผู้คุมเงื้อมมือที่ถือแส้เตรียมฟาดลงมา นางจะไม่ยอมให้คุณหนูต้องเจ็บอีก..
เจียอีพลิกร่างมารับแส้แทนความแรงของมันทำเอานางกระอักเลือด นางเจ็บจนทนไม่ไหวตัวของนางสั่นสะท้านมือเท้าอ่อนปวกเปียก เจียอีมองใบหน้าคุณหนูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขาด ๆ หาย ๆ น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจที่จะไม่ได้อยู่รับใช้คุณหนูอีกแล้ว
"คุณหนูบ่าวไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ..แต่คุณหนู..บ่าวยังไม่อยากตาย บ่าวอยากอยู่รับใช้คุณหนู อึก!บ่าวอยากอยู่เลี้ยงนายน้อยให้ท่าน" มือที่อ่อนปวกเปียกเลื่อนลงมาแตะมาที่หน้าท้องคุณหนู ถึงแม้เจ้านายตัวน้อยจะยังเป็นเพียงเม็ดถั่วก็ตามแต่เหมือนกับว่าตอนนี้นางไม่มีโอกาสนั้นแล้วนางไม่มีโอกาสเห็นลูกของคุณหนูของนางแล้ว
"เจียอีไม่นะเจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจียอีอยู่กับข้า ฮึก!! อยู่กับข้าก่อน" ฮุ่ยเจียงจับมือของสาวใช้คนสนิทเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน น้ำตานางหลั่งออกมาไม่ขาดท่ามกลางแดดร้อนจัดร่างเล็ก ๆ ของสาวใช้ที่หายใจติดขัดจับมือประสานนิ้วมือเข้ากับคุณหนูด้วยความเคารพรักแต่ตอนนี้นางรู้สึกผิดยิ่งนักที่ทิ้งคุณหนูผู้แสนดีให้โดดเดี่ยว รอยยิ้มสุดท้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าเหมือนต้องการจดจำเอาไว้ ฮุ่ยเจียงมองสาวใช้ที่กำลังสิ้นใจด้วยสายตาพร่ามัวความเจ็บปวดรวดร้าวเกาะกินหัวใจ สาวใช้ของนางกำลังจะจากไปอีกคนหนึ่งแล้ว...
"คุณหนู..เจียอี.." เจียอีเอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของนางจะทิ้งตัวลงพร้อมกับลมหายใจที่หมดลง ดวงตาของฮุ่ยเจียงเบิกโพลงยามที่เห็นร่างของสาวใช้กระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลง
"เจียอี เจียอี!!" เสียงร้องเรียกชื่อสาวใช้ราวกับคนขาดสติ นางกอดร่างอันไร้วิญญาณของเจียอีเอาไว้แน่นส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนราวกับจะขาดใจเป็นที่น่าเวทนาต่อทาสที่พากันยืนมองด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะมีสภาพแบบคนที่เพิ่งตายไปตอนไหน
ผู้คุมทั้งหลายต่างมองหน้ากันก่อนจะให้สัญญาณ พวกมันชักกระบี่ออกมาจัดการสังหารทาสที่เหลืออยู่ด้วยความรวดเร็วเพราะคนพวกนี้ก็เป็นทาสที่ถูกว่าจ้างให้พามาสังหารไม่ต่างกัน ยังไม่มีใครได้วิ่งหนีเพราะมัวแต่ตกตะลึงเพียงพริบตาเดียวพื้นที่แห่งนี้ก็แดงฉานในอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ฮุ่ยเจียงกับกลุ่มคนเหล่านี้
"ปล่อยนางไว้ที่นี่แหละถือว่าภารกิจของเราจบสิ้นแล้วยังไงนางก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดไปได้ " หนึ่งในผู้คุมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ทำการสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมราวกับเป็นผักปลา และคำสั่งที่ได้รับมาคือทำให้ผู้หญิงคนนี้ตายอย่างทรมานที่สุดแต่พวกเขาคิดว่าจากสภาพของนางตอนนี้ก็คงไม่มีทางรอดไปได้
"เอาอย่างที่เจ้าว่าข้าเองก็ขี้เกียจเดินทางแล้วเหมือนกัน" ผู้คุมที่อยู่บนม้าพูดขึ้นก่อนจะหันมาทางฮุ่ยเจียง
"ฮึเจ้านี่ช่างน่าสงสารจริง ๆ ชาติที่แล้วเจ้าคงทำเวรทำกรรมเอาไว้เยอะสินะ ชาตินี้ถึงได้เกิดมารับกรรมตั้งแต่ยังเยาว์แต่จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าโง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงนี้ ป่านนี้สามีกับสหายของเจ้าคงกำลังมีความสุขกับสมบัติของตระกูลเจ้าอย่างสบายใจน่าดู" พูดจบพวกมันก็ควบม้าทะยานออกไปปล่อยนางนอนรอความตายอย่างทรมาน
ฮุ่ยเจียงที่ได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางก็จิกมือแน่นพอคิดไปถึงสามีชั่วกับสหายเลวของตัวเองก็พลันเจ็บแน่นในอกจุกจนพูดไปไม่ออก เพราะสิ่งที่ผู้คุมพูดออกมานั้นมันเป็นจริง เพราะความโง่เง่าของนางเองที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ใบหน้าของชายโฉดหญิงชั่วสองคนที่ลอยมาทำเอาฮุ่ยเจียงเจ็บจนกระอักเลือดและเพราะร่างกายที่ไม่สามารถทนต่อบาดแผลได้อีก ร่างเล็ก ๆ ของนางค่อย ๆ เอนลงบนผืนดินที่แตกระแหงพร้อมกับความแค้นที่มีต่อชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้น
"โอ๊ย!! อึก!" จู่ ๆ นางก็มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงความเจ็บร้าวเล่นงานไปทั่วร่างทั้งภายในช่องท้องยังบีบรัดถี่ ๆ จนแทบทนไม่ไหว รู้สึกถึงน้ำหนืดกับกลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมาตรงหว่างขามืออันสั่นเทาแตะไปที่กลางหว่างขาแล้วยกขึ้นมาดูพลันหัวใจของนางก็แตกสลายเมื่อรู้ว่าตอนนี้ลูกของนางได้จากไปแล้วเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ชายสารเลวคนนั้นแต่ถึงอย่างนั้นนางก็เสียใจเพราะเลือดอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นของนางถึงจะอยู่ในท้องนางยังไม่ถึงสองเดือนแต่นางก็รู้สึกผูกพัน คงเพราะการเดินทางอันแสนทรมานกับความเหนื่อยล้าสะสมจนถึงวาระสุดท้ายลูกน้อยถึงได้จากนางไปยังที่ไกลแสนไกล ตอนนี้ทุกคนคงรอนางอยู่...
ท่ามกลางแดดร้อนระอุและผืนดินอันแห้งแล้ง ฮุ่ยเจียงถูกทิ้งให้นอนตายอย่างทรมาน
ความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ บวกกับความสูญเสียลูกในท้องทำให้ฮุ่ยเจียงสิ้นหวังมองโลกมืดมน
ฮุ่ยเจียงทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนผืนดินแห้งแล้งดวงตาพร่ามัวมองตามผู้คุมที่ควบม้าทะยานออกไปด้วยความสิ้นหวัง ความเร็วของม้าทำเอาฝุ่นฟุ้งลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ นางเตรียมรับวาระสุดท้ายที่จะมาถึงลมหายใจขาดห้วงใกล้จะสิ้นลมแต่ยังไม่ทันที่ฮุ่ยเจียงจะปิดเปลือกตาลง นางก็เห็นกลุ่มคนที่ควบม้าตรงมา ดวงตาที่กำลังจะปิดพยายามลืมขึ้นอีกครั้งนางมองไปยังบุรุษที่กำลังควบม้าทะยานเข้ามาใกล้ มือของเขากวาดกระบี่ไปคราเดียวก็สังหารคนตายไปถึงสองในสามนางมองเหล่าผู้คุมจนพวกมันทีละร่างราวกับใบไม้ร่วงก่อนจะเห็นเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น
บุรุษร่างสูงใหญ่กระโจนลงจากม้าตรงมาหานางด้วยความรวดเร็วแต่ตอนนี้นางเจ็บปวดจนทนไม่ไหวและสิ่งที่ได้สัมผัสครั้งสุดท้ายคืออ้อมกอดของเขาพร้อมกับเสียงทุ้มฟังรื่นหูแต่ก็แฝงไปด้วยความร้อนรนนางได้ยินเขาพูดขอโทษซ้ำ ๆ สลับพูดปลอบโยนพลันหัวใจก็อุ่นซ่าน
"เจียงเอ๋อร์..พี่ขอโทษ พี่มาช้าไปพี่ผิดต่อเจ้าแล้ว"
"เจียงเอ๋อร์ พี่ผิดต่อเจ้า..พี่ขอโทษ ตื่นขึ้นมา..ลืมตาขึ้นมาสิ! ได้โปรด..."
ร่างสูงโอบกอดนางด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย
ฮุ่ยเจียงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมและทำให้นางรู้สึกปลอดภัย ใบหน้าที่เคยงดงามยิ้มออกมาด้วยความสุขเป็นครั้งแรก ความเจ็บปวดที่ถาโถมทำให้นางหายใจลำบากสมองขาวโพลน ช่วงเวลาที่เปรียบเสมือนคนใกล้ตายนางเห็นภาพในวันวานวิ่งวนเข้ามาในสมองอันเลอะเลือนของเธอภาพครอบครัวอันแสนสุข ท่านพ่อท่านแม่ แม่รองพี่ใหญ่น้องชายและน้องสาวที่นั่งร่วมวงกันทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาภาพในยามที่ทุกคนส่งเสียงหัวเราะให้กันด้วยความสุข ภาพน้องน้อยทั้งสองคนวิ่งไล่กวดกัน ภาพที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบเข้ามาเล่นกับนางเป็นประจำ ภาพที่นางร้องไห้น้ำตานองหน้าต่อว่าเด็กชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าเขาจะจากนางไปไกล
เบื้องหน้านางเห็นครอบครัวของนางยืนส่งยิ้มให้เจียอีเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน
เปลือกตาของนางหนักอึ้งขึ้นทุกขณะทั้งที่อยากจะเห็นใบหน้าบุรุษผู้มีอ้อมกอดอบอุ่นผู้นี้นักแต่นางก็มิอาจฝืนต่อไปได้มือบางยกขึ้นเพื่อต้องการสัมผัสใบหน้าบุรุษตรงหน้า เหมือนเขาจะรู้ความคิดของนางฝ่ามือหนาจับมือของนางเอาไว้แล้วนำไปวางที่แก้มสากของเขาด้วยความทะนุถนอม
ฮุ่ยเจียงรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนแผ่วเบาที่หน้าผากและหยาดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงมากระทบใบหน้าของนาง
ก่อนที่นางจะสิ้นลมหายใจ ฮุ่ยเจียงได้สัมผัสถึงความรักและความห่วงใยจากบุรุษผู้ลึกลับ
...แต่เขาคือผู้ใดกัน...
ร่างแกร่งของบุรุษปริศนาร่ำไห้ออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลายน้ำตาไหลลงข้ามแก้มสู่ปลายคางสองมืออันสั่นเทาโอบประคองร่างเล็กผอมแห้งที่ไร้วิญญาณด้วยความรักใคร่ที่ไม่เคยจางหาย ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าร้องเรียกชื่อนางออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนมันสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา
"เจียงเอ๋อร์..ม่าย!!!"
ร่างสูงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณเนิ่นนานความรู้สึกภายในใจรวดร้าวทรมานเจียนตายจากนั้นจึงลุกขึ้นอุ้มร่างของคนที่ตัวเองรักเดินผ่านทหารและองครักษ์ที่นั่งคุกเข่าลงแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะตื่นเถอะเจ้าค่ะ"