บทที่ 7 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1.3
ยามโฉ่ว (01:00-02:59)
ท้องฟ้าสีครามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและดำพร้อมกับดวงดาวที่ปรากฏขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปลมพัดเบา ๆ นำพากลิ่นหอมของดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มบานออกมาท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีแสงจันทร์กระจ่างถูกบดบังด้วยเมฆครึ้มที่เคลื่อนเข้ามาพอดีทำให้ร่างสูงของชายชาติทหารทะยานลงมาจากต้นไม้ลงมาสู่ผืนดินอย่างไร้เสียงด้วยวิชาตัวเบาเพราะเป็นผู้มีวรยุทธ์แกร่งกล้าทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย
เสียงหน้าต่างเปิดพร้อมกับเงาดำที่เคลื่อนผ่านเข้ามาด้วยความรวดเร็วไม่ทำให้ผู้คนในเรือนฮุ่ยเหลินรู้ตัว สาวใช้คนสนิทยังนอนหลับอย่างสบายใจที่หน้าห้องอย่างเช่นปกติ แต่ค่ำคืนนี้หาใช่ปกติไม่เพราะมีบุรุษชุดดำบุกรุกเข้ามาในจวนโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
สวีเสวียนหนานที่เพิ่งแอบเข้ามาในห้องนอนของฮุ่ยเจียง กำลังจ้องมองใบหน้าของสาวงามที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตาล้ำลึก แสงจากเทียนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไม่ทำให้การมองเห็นของเขาลดลง มือหนาเอื้อมไปแตะลงบนหน้าผากกลมมนแผ่วเบาเพราะเมื่อช่วงค่ำได้ยินว่านางนั้นมีไข้เลยอยากเข้ามาตรวจสอบให้แน่ใจว่านางจะไม่เป็นหนักเกินไป เพราะแอบตามมาตั้งแต่นางขึ้นมาจากน้ำเดินทางกลับจวน เขาก็ยังแฝงตัวเงียบ ๆ บนต้นไม้ข้างเรือนของนางไม่ไปไหน ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่แอบเข้ามา ดวงตาคมกริบมองหน้าโฉมงามที่มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดออกมา ร่างสูงเดินไปหยิบผ้ากับน้ำที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนจับบิดผ้าหมาด ๆ แล้วเดินกลับมาหานางมือหนาบรรจงเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อไล่ลงตามซอกคอขาว เสียงครางของนางเริ่มทำให้เขากัดฟันแน่นข่มกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มยิ่งทำกายแกร่งตื่นตัว
'เหตุใดเจ้าจึงหอมนักเล่ากระต่ายน้อยของข้า ขนาดเจ้าหลับยังทำข้าเป็นได้ถึงเพียงนี้' บุรุษวัยกำหนัดที่ร้างราสาวอุ่นเตียงหรือหญิงสาวมาปรนนิบัติมานาน มีหรือจะทนยั่วยุตรงหน้าได้ถึงแม้จะไม่ได้เป็นความตั้งใจของนางก็ตาม
"เจียอีข้าหนาว" ร่างเล็กสั่นสะท้านยามที่ความเย็นปะทะเข้ากับผิวกายมือของนางปัดผ้าที่กำลังเช็ดกายออกพร้อมกับยื้อเอาไว้อย่างดื้อดึง สวีเสวียนหนานยิ้มอ่อนโยน "เด็กดีเจ้าอย่าดื้อนักเลยให้ข้าเช็ดตัวให้เจ้าก่อน หากหลังจากนี้ถ้าเจ้าอยากดื้อขอเพียงมีข้า เจ้าสามารถดื้อได้ตามใจ" เสียงทุ้มดังแผ่วข้างหูเหมือนเป็นยาขับกล่อมอย่างดี มือบางปล่อยมือออกอย่างง่ายดายก่อนจะได้รับความอุ่นร้อนที่แก้มใส
สวีเสวียนหนานแกะปมเสื้อโปร่งบางเบาของนางแหวกออก เหลือแต่ผ้าผูกหน้าอกชิ้นน้อยทำให้เห็นความขาวงามสล้างปรากฏอยู่ตรงหน้า สวีเสวียนหนานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความงามภายนอกว่างามมาแล้วแต่ความงามภายในนั้นมากกว่าหลายเท่านัก เหตุใดเจ้าถึงงดงามถึงเพียงนี้น้องหญิงของพี่
ในใจของสวีเสวียนหนานตอนนี้แทบจะอดกลั้นต่อไปไม่ไหว ปทุมถันที่เต่งตึงชูชันตรงหน้านั้นดึงดูดสายตาจนมิอาจถอนออกมาได้ มือหนาที่เคยแต่จับกระบี่ฟาดฟันศัตรูตายหลายต่อหลายครั้งอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง แต่ครั้งนี้กลับกำลังสั่นเทายามที่ผ้าผืนเล็กสัมผัสลูบไล้ไปที่ฐานปทุมเนื้อนุ่มก็ถูกสัมผัสโดยง่าย สวีเสวียนหนานกัดฟันกรอดก่อนจะถอนมือออกมาก่อนที่ความอดทนจะหมดลง เขาดึงผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างของนางอย่างแผ่วเบาแล้วเดินนำผ้าไปวาง จากนั้นก็เดินกลับมาหานางอีกครั้ง
เขานั่งลงบนเตียงพยุงนางลุกขึ้นนั่งก่อนจะล้วงเข้าไปในเสื้อก่อนจะหยิบยาลูกกลอนที่มีสรรพคุณดีเยี่ยม ซึ่งยาลูกกลอนนี้ประกอบไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิดที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ โดยที่สวีเสวียนหนานได้รับมาจากหมอเทวดาและได้พกติดตัวเอาไว้ตลอด เขาหยิบยาลูกกลอนออกมาหนึ่งเม็ดก่อนจะส่งเข้าไปในปากของนางแต่มันกลับไม่ง่ายนักเหมือนนางจะรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมจึงดันออกมาทุกครั้ง
สวีเสวียนหนานไม่คิดให้มากความ เขานำยาใส่ปากตนเองตามด้วยน้ำแล้วก้มลงประกบปากอวบอิ่มใช้ลิ้นส่งยาลูกกลอนเข้าไปในคอของนางแต่กลับไม่ผละออกทันที ใครจะคิดว่าปากของนางช่างหวานนัก ลิ้นร้อนกวาดต้อนน้ำหวานอยู่ในโพรงปากร้อนละเลียดฉกชิมน้ำหวานภายในโพรงปากตามอารมณ์ปรารถนา
"อือ..." เหมือนกับว่านางจะรู้ตัวว่ากำลังมีการบุกรุกภายในโพลงปากร้อน ลิ้นเรียวพยายามดันสิ่งแปลกปลอมออกกลายเป็นไล่ต้อนกันอยู่อย่างนั้น เขาดูดเม้มปลายลิ้นและริมฝีปากอย่างนุ่มนวล แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้เขาก็ผละออกจนเห็นน้ำเชื่อมใสไหลตามออกมาเป็นสาย มือหนาปาดน้ำใสออกจากริมฝีปากบาง ก่อนจะวางนางลงบนที่นอนตามเดิม แล้วจัดการห่มผ้าให้ก่อนจะนั่งเฝ้านางอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใด จนได้ยินเสียงกุกกักอยู่ด้านนอก ร่างสูงเลยพุ่งทะยานออกไป
รุ่งเช้า
ฮุ่ยเจียงที่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น หน้าตาของนางแจ่มใสราวกับว่านางมิได้ป่วย พลางคิดว่ายาที่สาวใช้เอามาให้ดื่มนั้นมีสรรพคุณดียิ่งนัก เพียงดื่มแค่ครั้งเดียวอาการเจ็บไข้ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าค่ำคืนที่ผ่านมามีบุรุษแอบบุกรุกเข้ามาที่ห้องของนางกระทำการไม่ต่างจากโจรบุปผาแถมยังแอบกินเต้าหู้นางอีกด้วย
ส่วนเจียอีที่เห็นคุณหนูตื่นขึ้นมามีใบหน้าสดใส ดวงตากลมโตสุกสกราวราวกับไม่ได้ป่วยก็นึกแปลกใจ ไม่คิดว่ายาที่ได้มาตัวใหม่นี้จะเห็นผลดียิ่งสงสัยจะต้องหาซื้อมาเพิ่มอีกกระมัง เพราะคุณหนูของนางยิ่งป่วยไข้ง่ายอยู่ด้วยโดยไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น
เจียอีที่เพิ่งเดินไปเปิดหน้าต่าง นางเข้ามาหาคุณหนู "คุณหนูเหตุใดวันนี้ตื่นเช้านักเจ้าคะ" เจียอีถามพร้อมกับพับผ้าห่มไปด้วย ฮุ่ยเจียงที่ได้ยินสาวใช้ทักนางก็แสร้งทำเสียงเข้มหน้าตาขึงขัง "นี่เจ้ากำลังบอกว่าข้าชอบตื่นสายใช่หรือไม่"
เจียอีรีบส่ายหัว "บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวเห็นว่าเมื่อคืนคุณหนูป่วย แต่เช้านี้คุณหนูยังตื่นเร็ว บ่าวเลยถามด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น หามีสิ่งใดแอบแฝงไม่เจ้าค่ะ" เจียอีที่ได้ยินเสียงเข้มกับท่าทางขึงขังของคุณหนู นางก็หวาดกลัวเพิ่งคิดได้ว่านางพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป คุณหนูเป็นเจ้านายนางมิควรพูดกับคุณหนูเช่นนั้นนางจึงละล่ำละลักออกมาด้วยความลนลาน รีบคุกเข่าลงก้มศีรษะแนบพื้นเกรงว่าคุณหนูลงโทษเพราะปากของตัวเอง
ฮุ่ยเจียงหัวเราะเบา ๆ "ข้าล้อเล่นหรอกเจียอีลุกขึ้นเถิดเหตุใดต้องกลัวข้าขนาดนั้น เจ้าช่วยเตรียมชุดให้ข้าที" ฮุ่ยเจียงเห็นสาวใช้หวาดกลัวนางก็เลิกแกล้งเจียอีเงยหน้ามองคุณหนูพอเห็นสายตาพราวระยับก็โล่งอกรับคำสั่งคุณหนูด้วยความกระตือรือร้น
"โธ่คุณหนู บ่าวตกใจหมดเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวบ่าวเลือกชุดให้นะเจ้าคะ คุณหนูเชื่อใจบ่าวได้เลย วันนี้คุณหนูต้องงามที่สุดใครเห็นจะต้องมองจนเหลียวหลังแน่นอนเจ้าค่ะ" เจียอีพูดด้วยความมั่นใจดวงตาเปล่งประกายแน่วแน่
"เจ้าช่างพูดประจบ" ฮุ่ยเจียงส่ายศีรษะเบา ๆ ระอากับสาวใช้ที่ชอบพูดจาหวานหูเอาใจแต่ก็รู้ได้ถึงความจริงใจของนาง