บทที่ 6 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1.2
ส่วนเขาที่ยังทำสงครามอยู่อีกแคว้นไม่ได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของสหายเลยด้วยซ้ำ พอมารู้อีกทีก็ตอนที่ทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตเหลือเพียงนางกับสาวใช้ที่ถูกขายไปเป็นทาส กว่าจะสืบสาวราวเรื่องได้ว่านางถูกพาไปที่ใดก็กินเวลาหลายวัน เขาควบม้าด้วยความเร่งรีบแม้อาหารสักมื้อก็ไม่พักรับประทานเพราะเกรงว่าจะไม่ทัน แต่ใครจะคิดว่านางนั้นถูกพามาทรมานแทนที่จะเป็นการส่งไปเป็นทาสตามที่ได้ยินมา ในตอนที่ไปถึงจุดที่นางอยู่ในตอนนั้นเป็นตอนที่นางกำลังจะทิ้งตัวลงบนผืนดินเหมือนกับไม่สามารถทนต่อไปได้
เขาเร่งควบม้าอย่างไม่คิดชีวิตดวงตาคมเข้มสะท้อนความร้อนรนทอดมองร่างเล็กที่กำลังเอนลงบนผืนดินร้อนระอุสองมือก็ตวัดดาบบั่นคอคนที่บังอาจทำร้ายยอดดวงใจ
คมกระบี่ฟันฉับไปที่คนเหล่านั้นเพื่อแหวกทางจนมันพากันร่วงสู่ผืนดิน สายตาของเขายังคงจับจ้องร่างเล็กที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนแรง เขาเร่งควบม้าเข้าไปหานาง หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัว เมื่อถึงที่หมายเขารีบกระโจนลงจากม้าเข้าไปช้อนร่างเล็กของนางไว้ นางเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ดวงตาที่อ่อนล้าพยายามจ้องมองเขา แววตาที่เคยสดใสตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนแรงและเจ็บปวด นางพยายามคลี่ยิ้มบางๆ ส่งมาให้เขานั่นคือรอยยิ้มสุดท้ายและเขายังจำมันได้ดี รอยยิ้มนั้นยังคงอยู่ในใจเขา แม้ร่างของนางจะไร้ชีวิตไปแล้ว
เขาอุ้มร่างที่ไร้ชีวิตของนางขึ้นมากอดไว้แนบอก น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ หัวใจของเขาแตกสลายกับการสูญเสียนางผู้เป็นที่รักที่เขาหมายมั่นและเฝ้ารอมานาน
ยามที่สวีเสวียนหนานอุ้มร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่จวนของเขา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ส่วนคนพวกนั้นกลับอยู่อย่างมีความสุขที่จวนของนาง ตระกูลที่ล่มสลายถูกยึดมาเป็นของตัวเองอย่างหน้าด้าน ๆ ใจเขาร้อนรุ่มดั่งไฟ คิดจะเข้าไปสังหารคนพวกนั้นให้ตายกับมือ
เมื่อเขาทำพิธีศพของนาง บุรุษไร้ยางอายกับสตรีชั่วช้ายังคงเสพสุขกันอย่างไม่กลัวเวรกรรมตามสนอง ภาพที่เห็นทำให้ความแค้นในใจของเขาเพิ่มขึ้นทวีคูณ เขาต้องการให้พวกมันได้รับผลกรรมที่สาสมกับสิ่งที่พวกมันทำไว้กับนาง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาอยากฆ่าพวกมันให้ตายไปเสียแต่ตอนนี้ แต่ทำแบบนั้นพวกมันจะตายง่ายเกินไป เขาต้องการให้พวกมันรู้สึกถึงความทรมานที่นางต้องเผชิญ ต้องการให้พวกมันลิ้มรสความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างช้า ๆ และยาวนาน
และวันนั้นก็มาถึง..จากแผนการที่วางไว้อย่างรัดกุม
วันหนึ่ง เมื่อบุรุษชั่วนั่นออกไปข้างนอก สวีเสวียนหนานก็ให้คนจัดการนำธูปราคะเข้ามาจุดยังห้องนอนของมัน ในเรือนนอกจากสาวใช้ไม่กี่คนกลับมีบ่าวชายไม่ต่ำกว่าสิบคน ลูกน้องคนสนิทของสวีเสวียนหนานจัดการให้สาวใช้ไม่ให้ออกมาเดินเพ่นพ่าน เหลือเพียงบ่าวรับใช้ชายที่ถูกหลอกล่อเข้ามาในห้องนอน
ภายในห้อง หญิงชั่วผู้นั้นกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ด้วยอารมณ์กำหนัดจากธูปราคะที่ถูกจุดเอาไว้ บ่าวรับใช้ชายเดินเข้าไป ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลอง เสียงครางแหลมเล็ดลอดออกมาไม่หยุดหย่อนด้วยความสุขสม เวลาผ่านไปจนตะวันคล้อยต่ำลงก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนในห้องจะหยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นตามที่สวีเสวียนหนานวางแผนไว้ เขารู้ว่าการแก้แค้นนี้จะทำให้หญิงชั่วผู้นั้นได้รับผลกรรมของตนเอง
ทันทีที่บุรุษชั่วกลับเข้ามาในจวน สิ่งแรกที่ได้ยินก็คือเสียงครางพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบกัน มันเร่งรีบเข้าไปยังห้องนอนด้วยความร้อนรน ประตูที่ไม่แม้แต่จะปิดสนิททำให้เห็นกิจกรรมในนั้นอย่างชัดเจน ความโกรธเล่นงานจนบุรุษชั่วหมดความยั้งคิด เพราะภาพที่เห็นมันทำเอาขาดสติ
ภรรยาที่บอกว่ารักตนเองมากกำลังขึ้นควบขี่บ่าวในเรือน พร้อมกับควบขับอย่างร้อนร่าน ทั้งในปากยังอ้าอมท่อนลำของบ่าวรับใช้ชายอย่างไม่สงวน ท่าทีของหญิงสารเลวที่บอกว่ารักนักรักหนากับระเริงกามกับบ่าวไพร่ในจวนอย่างไม่อายฟ้าดิน ทำให้บุรุษชั่วรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความจริงที่โหดร้าย
บุรุษใจชั่วเหมือนถูกหยามหน้า มันรีบเดินไปคว้ากระบี่ที่แขวนเอาไว้แล้วแทงไปที่บ่าวชายในห้องเรียงตัว ทุกคนต่างก็ตายด้วยความโกรธของมัน เหลือเพียงร่างเล็กของหญิงสาวที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องอย่างกับคนบ้า เพราะเห็นคนตายต่อหน้า ตัวนางมีแต่เลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่ว แต่หาใช่เลือดที่เกิดจากบาดแผลของตัวเอง เพราะเป็นเลือดของบ่าวชายที่ถูกแทงตายด้วยความบ้าคลั่งของสามีนาง
บุรุษใจชั่วพาดกระบี่ที่ลำคอหญิงสาวที่เป็นดั่งรักแรกของตน แต่ยังไม่ทันที่จะได้บั่นคอ นางกลับกลัวตาย นางยื้อแย่งชิงกระบี่จากบุรุษชั่วมาได้ แล้วจ้วงเข้าไปที่ท้องของบุรุษที่เป็นสามีที่แย่งชิงมาจากสหาย ด้วยความกลัวว่าสามีจะสังหารนาง นางดึงกระบี่ออกมาจากร่างของเขาแล้วแทงซ้ำเข้าไปอีกครั้ง
สามีของนางยืนนิ่งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านางจะกล้าเอากระบี่แทงตนเอง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อปลายกระบี่เสียบเข้าที่หน้าอกจนทะลุ ร่างแกร่งทรุดลงทันที เลือดไหลนองพื้น หญิงผู้นั้นปล่อยกระบี่ด้วยความกวาดกลัวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและตื่นตระหนก
เสียงกรีดร้องของนางดังก้องไปทั่วเรือน ผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างพากันวิ่งเข้ามาดูด้วยความตื่นตระหนก ภาพที่ปรากฏแก่สายตาพวกเขาคือร่างไร้วิญญาณของบ่าวชายที่ถูกฆ่าและร่างของสามีที่นอนจมกองเลือด ในขณะที่หญิงสาวยืนอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยเลือด
พอนางรู้ว่าทำอะไรลงไป นางก็วิ่งหนีออกไปจากจวนด้วยความกลัวจนสติแตก หลังจากนั้น นางก็กลายเป็นสตรีบ้าที่ผู้คนกล่าวขานว่านางร่านราคะมักมากในกาม เรียกบ่าวไพร่ในจวนเข้ามาบำเรอไม่ขาดจนสามีจับได้ และเป็นคนฆ่าสามีด้วยตัวเอง
ตำนานหญิงงามร่านราคะจึงเป็นที่กล่าวขานอย่างแพร่หลาย นางกลายเป็นที่รู้จักในฐานะหญิงบ้าที่หลงใหลในกามารมณ์อย่างไม่เลือกหน้า ผู้คนต่างเล่าถึงนางด้วยความรังเกียจและเกรงกลัว ชื่อเสียงของนางถูกแพร่กระจายไปไกล
แต่ในที่สุดนางก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของนางเป็นเช่นไร ไม่มีใครสนใจตามหานางและนั่นคือสิ่งที่พวกมันได้ชดใช้อย่างสาสม
'เจียงเอ๋อร์...ข้าอยากบอกเจ้าว่าข้าจัดการคนพวกนั้นอย่างไรบ้าง แต่ถ้าหากข้าพูดไปเกรงว่าเจ้าจะหาว่าข้าเป็นคนเสียสติกระมัง' สวีเสวียนหนานปล่อยคำพูดลอยตามลมก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานลงไปที่ลำธารเมื่อเห็นสิ่งที่ลอยมาตรงหน้า มือหนาโฉบเอาผ้าเช็ดหน้าที่ลอยมาจากต้นน้ำพร้อมมองไปทางนั้น ร่างเล็กของหญิงสาวยังคงเล่นน้ำจับปลากับสาวใช้อย่างเพลิดเพลิน เสียงพูดเสียงหัวเราะยังคงดังเข้ามาในโสตประสาทมิจางหาย
มือหนาจับผ้าปักลายดอกกุ้ยฮวาลูบไล้แผ่วเบาด้วยความหลงใหลก่อนใช้วิชาตัวเบากระโดดหยั่งเท้าบนผิวน้ำพุ่งทะยานออกไปยืนประจำยังจุดเดิม
เรือนฮุ่ยเหลิน
"ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!" เสียงจามหลายครั้งติดทำเอาใบหน้านวลแดงก่ำน้ำมูกไหลออกใสมือบางยกผ้าสะอาดซับน้ำมูกด้วยความรำคาญแต่ก็โทษใครไม่ได้นอกจากความดื้อรั้นของนางเองใครจะไปคิดว่าแค่เล่นน้ำนิด ๆ หน่อย ๆ กลับทำให้นางเหมือนจะเป็นไข้
"คุณหนูเจ้าคะบ่าวต้มยามาแล้วเจ้าค่ะ"
"ขอบใจเจ้ามากแต่นี่ไม่มีใครรู้ใช่หรือไม่ข้าไม่อยากโดนท่านพ่อท่านแม่ กับแม่รองบ่นน่ะบ่นทีข้าหูชาไปตั้งหลายวัน" ฮุ่ยเจียงบ่นพึมพำสลับจามไม่หยุด ปลายจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ
"บ่าวเตือนคุณหนูแล้วนะเจ้าคะใครใช้ให้คุณหนูของบ่าวดื้อนัก"
"เจ้านี่ก็อีกคน ข้าบอกว่าไม่อยากฟังท่านพ่อท่านแม่กับแม่รองบ่นแต่เจ้ากลับบ่นข้าแทนเสียอย่างนั้น อื้อ..เจียอีเหตุใดยาขมนักเล่า" ฮุ่ยเจียงบ่นสาวใช้และยกถ้วยยาขึ้นดื่ม ทันทีที่ยาสมุนไพรสัมผัสกับปลายลิ้น นางก็แทบจะสำรอกออกมาใบหน้าสวยบิดเบี้ยวแต่ก็ต้องทนฝืนกลืนลงไปเพราะกลัวว่าจะเป็นหนัก
"หวานเป็นลมขมเป็นยานะเจ้าคะ ขม ๆ แบบนี้แหละดีนักนะเจ้าคะดีไม่ดีพรุ่งนี้ตื่นมาหายไข้แน่นอนเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะพุทราเชื่อม" เจียอียื่นพุทราเชื่อมที่เตรียมมาส่งให้คุณหนู โดยที่ฮุ่ยเจียงก็หยิบพุทราเชื่อมเข้าปากด้วยความรวดเร็ว ความหวานชุ่มคอพอจะดับความขมปร่าที่ติดอยู่ในลำคอลงได้
"เจ้าไปเถอะข้าจะนอนแล้ว" ฮุ่ยเจียงพูดพร้อมกับโบกมือไล่สาวใช้
"เจ้าค่ะคุณหนู" เจียอีย่อกายแล้วหันหลังกลับออกไปส่วนฮุ่ยเจียงก็เดินเข้าไปหลังฉากแล้วจัดการบ้วนปากและเปลี่ยนชุดเหลือเพียงแค่ชุดสีขาวตัวบางสำหรับใส่นอน ร่างเล็กเอนตัวลงนอนห่มผ้าผืนหนาอย่างสบายใจจากนั้นก็หลับไปด้วยความรวดเร็วเพราะฤทธิ์ยา