บทที่ 5 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1.1
เสียงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจพลางหันไปหาสาวใช้หวังว่าจะได้รับคำชื่นชมแต่ไม่คิดว่าในมือของสาวใช้ตอนนี้จะมีปลาเหมือนกันแต่ต่างกันที่ปลาในมือของสาวใช้นั้น ตัวใหญ่กว่าตัวที่นางจับได้เป็นเท่าตัว ดวงตาของฮุ่ยเจียงเบิกกว้างก่อนจะตะโกนถามสาวใช้ด้วยความตื่นเต้น
"เจียอี เหตุใดเจ้าจึงจับได้ตัวใหญ่กว่าข้านักเล่า! ข้าไม่ยอมเจ้าแน่ นี่เจ้าปลาน้อยเจ้าจะไปไหนก็ไปเลย..ข้าจะจับตัวพ่อไม่ใช่ลูกปลาตัวน้อยแบบเจ้าสักหน่อย ชิ่ว ๆ ไปเลยนะ" ฮุ่ยเจียงที่เห็นว่าปลาที่อยู่ในมือสาวใช้ตัวใหญ่กว่าของนาง นางก็ยอมไม่ได้จึงปล่อยเจ้าปลาที่จับแล้วมองหาตัวใหญ่กว่า ส่วนเจียอีมองคุณหนูด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยปลาในมือตามไปอีกคน
กลายเป็นว่าตอนนี้สองนายบ่าวพากันแข่งกันจับปลาการแข่งขันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ ฮุ่ยเจียงแกล้งเจียอีด้วยการโยนหยดน้ำไปที่ตัว เจียอีหัวเราะและตอบโต้ด้วยการพยายามสาดน้ำกลับ ทั้งคู่สนุกกับการพยายามจับปลาและไม่ลืมที่จะหยอกล้อกัน เสียงหัวเราะและเสียงน้ำที่ดังกระจายยามที่พวกนางกระโจนจับปลากลายเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูต่อคนที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคะนึงหาอย่างถึงที่สุด
บทที่ 2 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า
อีกฟากหนึ่งของลำธาร
บุรุษโดดเด่นชาติกำเนิดสูงส่งรูปโฉมประหนึ่งจิตรกรวาดรังสรรค์ทั้งยังมีกลิ่นอายยากจะเข้าใกล้ดวงตาที่คมกริบแสดงถึงความเด็ดขาดและความมั่นคงแฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาดและความหนักแน่นผมสีดำขลับถูกจัดแต่งอย่างประณีตด้วยปิ่นปักผมทองคำและหยกขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความยิ่งใหญ่แต่กลับมายืนแอบมองโฉมสะคราญนางหนึ่งด้วยแววตาล้ำลึกเมื่อเห็นหญิงสาวมีความสุขและสนุกสนานเขารู้สึกถึงความอบอุ่นในใจริมฝีปากยกยิ้มอย่างยินดี
"ท่านอ๋องเหตุใดท่านต้องมาแอบมองแม่นางน้อยผู้นั้นกันเล่าไม่สู้เข้าไปแนะนำตัวเองตรง ๆ ไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ" ซีฮั่นองครักษ์ประจำตัวเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้านายผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงอ๋องแต่กลับมาแอบมองแม่นางน้อยราวกับโจรป่า ตั้งแต่ใช้วิชาตัวเบากระโดดอยู่บนยอดไผ่ตามขึ้นมาจากบันไดทางขึ้นวัดตลอดจนเฝ้านางยามที่นางกำลังนั่งสมาธิจนมาถึงที่นี่ สถานที่ต้องห้ามเพราะเป็นสถานที่ส่วนพระองค์แต่ท่านอ๋องยังอุตส่าห์ให้คนไปเปิดทางจนแม่นางน้อยเดินหลงมาตามทางที่ท่านอ๋องได้วางแผนเอาไว้
"ก็ถ้าข้าไม่ทำแบบนั้นข้าจะได้เห็นใบหน้านางยามนี้หรือ เจ้ายังไม่ต้องเงยหน้ามองถ้าไม่อยากถูกข้าบั่นคอ" ยังไม่ทันที่องครักษ์จะเงยหน้าขึ้นเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นซีฮั่นรับก้มหน้าลงอีกครั้ง
"ข้าน้อยมิกล้า"
ซีฮั่นตอบด้วยความขึงขังแต่ในใจโอดครวญไม่น้อย 'ท่านอ๋องตั้งแต่ตามท่านมาที่นี่ข้าน้อยยังมิได้เงยหน้าขึ้นมองฟ้าเลยด้วยซ้ำ ท่านหึงหวงแม่นางน้อยเกินไปแล้ว' ซีฮั่นถอยหลังออกจากท่านอ๋องไปหลายก้าวปล่อยความเป็นส่วนตัวเพราะรู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องกำลังคิดสิ่งใด หากไม่ใช่กำลังใช้สายตาหวานหยาดเยิ้มมองไปที่แม่นางน้อยซึ่งต่างจากที่เคยกระทำยามที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น สายตาแบบนี้มีหรือที่จะเอาไว้มองผู้ใดได้
ซีฮั่นแม้จะไม่เข้าใจในการกระทำของท่านอ๋องนักทั้งที่ท่านอ๋องเองก็ยังเป็นสหายคนสนิทที่จับทัพร่วมทำศึกกับพี่ชายของแม่นางน้อยร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้ง หากเข้าไปขอพระราชทานสมรสมีหรือฮ่องเต้จะไม่พึงใจ อีกทั้งตระกูลของแม่นางน้อยก็ถือว่าไม่น้อยหน้าใครในเมืองหลวงมีบิดาเป็นถึงราชครูที่เป็นถึงพระอาจารย์ของท่านอ๋องยังมีพี่ชายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่
หากเกิดการงานแต่งงานกันตอนนี้มีหวังได้ยินแต่คำว่าเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกเฉลิมฉลองกันทั้งเมืองเป็นแน่
ในหัวสมองของซีฮั่นตอนนี้มีแต่คำว่าไม่เข้าใจเต็มไปหมดเหตุใดท่านอ๋องชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วยนะ
ทางด้านของสวีเสวียนหนานที่กำลังยืนอยู่บนสะพานลอยฟ้าดวงตาดำขลับยามรัตติกาลยังคงมองโฉมสะคราญที่กำลังไล่จับปลาด้วยท่าทางไม่ต่างจากเด็กน้อยทำเอาเขามองราวกับต้องมนต์สะกดนางช่างโดดเด่นจนมิอาจถอนสายตาจากนางได้เลย
"เจียงเอ๋อร์ในที่สุดการรอคอยของข้าก็สิ้นสุดลงสักที ครั้งนี้เจ้าไม่มีทางที่จะกลับเข้าไปสู้วังวนเดิมได้แน่ ข้าสัญญาจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ชาติที่แล้วข้าไปหาเจ้าช้าไปแต่ครานี้ข้าจะป้องกันมิให้เจ้าได้เจอกับสิ่งเลวร้ายอันใดได้อีกจำไม่มีใครหน้าไหนมาทำอันใดเจ้าได้" น้ำเสียงแผ่วเบาลอยไปตามลมไม่ได้หวังให้นางผู้เป็นที่รักได้ยินแต่นั่นเป็นสัญญาที่ครั้งนี้เขาต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ สวีเสวียนหนานเอ่ยกับตัวเอง
ชาติก่อนในยามสงครามศึกนอกยังไม่น่ากลัวเท่ากับศึกภายใน...สงครามที่ยืดเยื้อกินเวลานานทำให้พี่ชายของนางไม่สามารถเข้าไปช่วยนางได้ทัน พอรู้ข่าวว่าครอบครัวถูกใส่ร้ายก็เร่งเดินทางไปทันทีใครจะคิดว่ามันคือหนึ่งในแผนการที่ล้มล้างตระกูลพอไปถึงหน้าประตูเมืองฮุ่ยเหอก็ถูกจับกุมในทันทีใครจะคิดว่าทั้งตระกูลของนางจะถูกคนชั่วช้าเล่นงานจนดิ้นไม่หลุด