3
ตอนที่ 2
ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ
ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป
“ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย
“ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย”
ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้
“ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก”
ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก
ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรายงานและขออนุญาตก่อน
“เชิญเข้าข้างในได้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มหันไปสวัสดีเจ้านายของเขาและแขกที่นั่งอยู่ ด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้น
“ลากเก้าอี้มานั่งตรงนี้ เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
นายใหญ่สั่งลูกน้องเพราะตฤณเลือกที่จะยืนห่างจากเขา สองคนด้วยความเกรงใจจนไม่กล้าเข้ามาใกล้ ๆ
“ไหนเรามาทำความรู้จักกันหน่อยสิ ความจริงฉันไปค้นเอกสารการสมัครงานจากฝ่ายบุคคลก็ได้แต่ไม่เอา อยากได้ยินเรื่องราวจากเจ้าตัวมากกว่า”
นายใหญ่เริ่มมีสีหน้าที่ดูยิ้มทำให้ตฤณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“นายจะถามอะไรผม ถามได้เลยครับ”ตฤณไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“เล่าตั้งแต่นายเกิดเลยผมอยากฟัง”
แขกของเจ้าของโรงงานทำท่าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาพูดโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ....” ชายหนุ่มลังเล
“ตามที่เขาบอกเลย ไว้คุยกันจบแล้วฉันจะแนะนำว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นใคร”
เมื่อเห็นว่าลูกน้องทำท่าไม่กล้า นายใหญ่จึงพูดเองเพื่อให้ตฤณมั่นใจมากขึ้น
“ผมเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์แม่ผมชื่อนิตยาและพ่อของผมที่ผมเห็นตามใบเกิดคือตระการแต่นามสกุลผมจำไม่ได้เพราะผมใช้นามสกุลของแม่และใบเกิดผมก็หายไปนานแล้วเพราะพอมี บัตรประชาชนก็ไม่ค่อยได้ใช้ ผมกับแม่อยู่ด้วยกันสองคนตั้งแต่ผมอายุได้สองขวบ ส่วนพ่อไปไหนแม่ขอร้องว่าไม่ให้ผมพูดถึงให้รู้ แค่เพียงว่าท่านยังมีชีวิตอยู่และรักผมมาก ต่อมาแม่ก็มาเสียด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเพราะแม่ทำงานหนักแทบไม่ได้พักผ่อนและตอนหลังแม่เริ่มดื่มเหล้าหนัก พอแม่เสียได้เกือบปี ผมก็มาทำงานที่นี่และยู่กินกับดุจดาวที่ขายข้างแกงอยู่หน้าโรงงานมาสักพักแล้วครับ”