บทที่ 5
“ข้าไปล่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูกพ่อ”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อเองก็รักษาตัวด้วย”
เยว่หลีฮวาส่งยิ้มให้ผู้เป็นบิดาอย่างสดใสเป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าดอกซิ่งฮวาปลิดปลิวลงมาจากต้นหลังจากสายลมหอบใหญ่พัดผ่านมา
ภาพนั้นทำเอาเยว่หลวนเล่อถึงกับใจหายวาบเมื่อภาพที่เขาเห็นเหมือนกับซ้อนทับตอนที่ฮูหยินใหญ่จะจากเขาไปไม่มีผิด ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอชายวัยกลางคนถึงกับพูดไม่ออกได้แต่หมุนตัวหันหลังให้ลูกสาวเดินจากมาด้วยความรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก
“พ่อขอโทษ อาหลี พ่อขอโทษ”
เยว่หลวนเล่อพยายามกลืนก้อนสะอื้นกลับลงไปอย่างสุดความสามารถ พึมพำออกมากับตัวเองอย่างเสียใจเต็มประดา หากสังเกตดี ๆ แล้วล่ะก็จะเห็นว่าดวงตาเรียวรีคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลอจวนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ
เยว่ซิ่งฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากรู้สึกว่าตัวเองได้นอนหลับยาวจนเต็มอิ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากที่ควงเวรยาวติดต่อกันมาหลายวัน ความเครียดเรื่องงานวิจัยที่โดนปัดตกเองก็หายไปหมด ดังคำที่ว่าหากเครียดก็ให้นอนพัก ตื่นมาแล้วทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเอง
เมื่อนอนหลับตาอยู่นิ่ง ๆ สักพัก ก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เพราะมันมีความทรงจำบางอย่างที่เธอไม่เคยมีมาก่อนอยู่ในความคิดด้วย
ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อตระหนักได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เยว่ซิ่งฮวากวาดตามองไปรอบ ๆ อยู่บนเตียง ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาลแต่กลับมาอยู่ในห้องนอนของคุณหนูรองตระกูลเยว่!
ความคิดที่แล่นเข้ามาทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่ไปทั้งตัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องที่มักจะเกิดขึ้นในนิยายหรือซีรีย์มาเกิดขึ้นกับเธอได้ยังไงกัน!
ก๊อก ก๊อก
“เฮือก!”
คนที่ยังจมอยู่กับความสับสนอลม่าน สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากหน้าห้อง รีบกระเด้งตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงอย่างระวังตัวเต็มที่
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
ซู่ย่วน
เสียงในความคิดบอกแบบนั้น เยว่ซิ่งฮวาที่ไม่มีทางเลือกอื่นจึงส่งเสียงอืออาตอบกลับคนหน้าห้องไปและเมื่อได้ยินเสียงที่แปลกออกไปของตัวเองก็ตกใจขึ้นมาอีกคำรบ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!”
คนที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจนแทบเสียสติ เอามือปิดปากกลั้นเสียงอุทานรีบมองสำรวจตัวเองก่อนจะกระโดดแผล็วลงมาจากเตียงอย่างไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น ก่อนจะรีบทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ เอามือเกาะขอบเตียงเอาไว้เมื่อโดนความรู้สึกหน้ามืดเข้าจู่โจมเพราะเมื่อครู่รีบลุกขึ้นอย่างกะทันหัน
“โอยหน้ามืดร่างของคุณหนูคนนี้ทำไมถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ”
นั่งหลับตาได้สักพักก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ร่างบางจึงผุดลุกขึ้นเดินไปยังกระจกตั้งโต๊ะบานไม่ใหญ่ไม่เล็กที่วางอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ภาพที่เห็นทำเอาซิ่งฮวาขนลุกไปทั้งร่างเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้
“นี่มันอะไรกันเนี่ย! แล้วเธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร”
หญิงสาวอุทานออกมาอีกคำรบด้วยความตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในร่างของหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งที่ใบหน้าซีดเผือดแทบไม่มีสีเลือด แถมยังแต่งตัวประหลาดอย่างกับหลุดมาจากหนังย้อนยุคเสียอย่างนั้น
เยว่ซิ่งฮวาพยายามเรียกสติตัวเอง ลากเท้าเดินไปนั่งยังโต๊ะกลางห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง ในหัวก็พยายามคิดหาทางออกให้กับสถานการณ์พิลึกที่ได้เจอในตอนนี้ไปด้วย
นั่งใช้ความคิดสักพักหญิงสาวก็ต้องหยุดคิดไป เมื่อมีใครบางคนคนเดินเข้ามาหาในห้อง ซึ่งในความทรงจำของเจ้าของร่างนั้นบอกว่าคือสาวใช้คนสนิทที่ชื่อว่า ซู่ย่วน
“ล้างหน้าก่อนเจ้าค่ะคุณหนู วันนี้ข้าผสมน้ำอุ่นพอดีเลยเจ้าค่ะ”
“อืม”
ดวงจิตของเยว่ซิ่งฮวาได้แต่รับคำเออออทำตามที่อีกฝ่ายบอกไปอย่างว่าง่าย เพราะร่างกายของเจ้าของร่างที่ความทรงจำของนางบอกว่าชื่อเยว่หลีฮวานั้นขยับตัวออกไปทำกิจวัตรอย่างคุ้นเคย
“เฮ้อ เอาเถอะ อยู่แบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน หมดหนทางแล้วจริง ๆ ”
เยว่ซิ่งฮวาในร่างของเยว่หลีฮวาพึมพำพูดกับตัวเองอย่างจำยอมในสิ่งที่กำลังเผชิญ หลังจากที่ปล่อยเวลาผ่านไปถึงครึ่งค่อนวันแล้ว อะไร ๆ ก็ดูจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม หากว่าเธอนอนหลับฝัน ป่านนี้ก็ต้องมีคนมาปลุกแล้ว! แล้วนี่ก็คิดหาทางออกจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกของเรื่องนี้ไม่ได้ด้วย คิดไปก็ปวดหัว พยายามยอมรับความจริงก็แล้วกัน