บทย่อ
แพทย์หญิงในโลกปัจจุบัน ตื่นขึ้นมาในร่างของคุณหนูรองสกุลเยว่ ที่ชีวิตมีแต่เรื่องเพราะแม่เลี้ยงของอีกฝ่าย มาดูกันว่า คุณหนูรองเยว่ที่มีวิญญาณของหมอสาวอยู่จะเป็นอย่างไรต่อไป
บทที่ 1
เยว่ซิ่งฮวา แพทย์หญิงใช้ทุนปีสุดท้ายยืนเหม่อมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายท่ามกลางการจราจรอันหนาแน่นบริเวณหน้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังของเซี่ยงไฮ้จนเป็นม่านสีข่าว อยู่ด้านบนระเบียงทางเดินชั้นห้าของอาคารอำนวยการ
เธอใกล้จะใช้ทุนเสร็จเต็มทีแล้ว ผลการเรียนไม่ได้แย่เรียกได้ว่าถึงขั้นดีเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมกัน เล่มวิจัยที่เพิ่งส่งไปเล่มสุดท้ายดันถูกปัดตกเสียได้
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเครียดขึง หัวใจเต้นแรงเสียจนตัวเธอเองก็รู้สึกได้ชัด อีกทั้งตอนนี้รู้สึกเจ็บร้าวไปถึงแขน เวลาเครียดมาก ๆ เข้าก็มักจะมีอาการแบบนี้ประจำ แต่เยว่ซิ่งฮวาก็ไม่คิดจะใส่ใจทำเพียงแค่ยกมือขาวขึ้นมานวดเบา ๆ เท่านั้น
ก่อนจะละสายตาออกจากภาพเบื้องหน้าเดินกลับไปยังห้องฉุกเฉิน หลังจากรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ของตนเอง คงจะมีเคสรับใหม่มาอีกแล้วสินะ ซิ่งฮวาคิดขึ้นมาอย่างเฉยเมย
หลังจากจัดการกับเคสรับใหม่เรียบร้อยแล้ว เยว่ซิ่งฮวาใบหน้าอิดโรย เดินลากเท้าที่แทบยกไม่ขึ้นของตัวเองเพื่อกลับไปนอนพักยังห้องพักแพทย์เวรด้วยความเหนื่อยอ่อน วันนี้เธออยู่เวรลากยาวมาเป็นวันที่สี่แล้ว แถมก่อนหน้านั้นยังต้องรีบปั่นเล่มวิจัยให้ส่งทันกำหนด ร่างกายของเธอจึงใกล้จะแบตหมดเต็มที
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยจะง่วงแค่ไหนแต่ในใจของเยว่ซิ่งฮวาก็ยังคงนึกถึงแต่เล่มวิจัยที่พึ่งโดนปัดตกไปสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยเหตุผลไม่เข้าท่าที่บอกว่าหัวข้อวิจัยของเธอมันซ้ำกับเพื่อนคนอื่น จนกระทั่งประคองตัวเองเดินมาจนถึงยังเตียงนอนสองชั้นก็ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนบน
เตียงชั้นล่าง และหลับลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอได้อยู่บนโลกใบนี้
สายฝนร่วงกราวกระทบหลังคาเรือนเกิดเสียงดังสนั่น ดวงไฟในโคมตามจุดต่าง ๆ ของบ้านสกุลเยว่วูบไหวไปตามแรงลมที่หอบฝนพัดเข้ามาเป็นระยะ ทุกคนต่างรีบกลับเข้าเรือนของตัวเอง เหลือเพียงแต่เหล่าบ่าวเวรยามเท่านั้นที่จะออกมาคอยเดินตรวจตราบริเวณบ้านเป็นระยะ
แค่ก แค่ก
เสียงไอของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากเตียงไม้ในห้องนอนใหญ่ของเรือนซิ่งฮวา เร่งให้สาวใช้นามถิงเอ๋อที่เดินถือถาดไม้ใส่ถ้วยโจ๊กรีบสาวเท้าตัวเองให้ไวขึ้นไปอีก หลังจากนางปลีกตัวไปต้มโจ๊กให้คุณหนูของตนมาจากในครัว
“ซู่ย่วน ข้ามาแล้ว”
สิ้นเสียงเรียกประตูเรือนซิ่งฮวาก็ถูกเปิดออกโดยฝีมือของซู่ย่วนสาวรับใช้ของคุณหนูรองสกุลเยว่อีกคนทันที
“เข้ามาสิตั้งแต่ฝนตกเมื่อบ่ายคุณหนูพวกเราก็ไอไม่หยุดเลย ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว”
ซู่ย่วนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวลขณะเอื้อมมือไปปิดประตูเรือนซิ่งฮวาและลงกลอนอย่างเบามือ ก่อนที่สาวใช้ทั้งสองจะรีบเดินเข้าไปหาคุณหนูของตนที่รออยู่ในห้องนอน
“พวกเจ้ามากันแล้วหรือข้าเริ่มหิวพอดีเลย”
เยว่หลีฮวา คุณหนูรองตระกูลเยว่ยามนี้ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากบางก็แห้งเหือด หันมาเอ่ยทักทายสาวใช้ตัวเอง เมื่อได้เห็นสภาพร่างกายแบบนั้นของผู้เป็นเจ้านายซู่ย่วนกับถิงเอ๋อก็ยิ่งนึกปวดใจ ต่างรีบกุลีกุจอเข้าไปดูแลเจ้านายของตน
“อร่อยดีนี่ ฝีมือการทำอาหารของเจ้าพัฒนาขึ้นทุกวันเลยนะถิงเอ๋อ”
เยว่หลีฮวาแย้มยิ้มเอ่ยชมคนทำ แต่ถิงเอ๋อกลับอยากทรุดลงนั่งร้องไห้กับพื้นตรงนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะมาบอกว่านางทำอาหารอร่อยได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นคุณหนูก็ล้มป่วยหนักจนกินได้แต่โจ๊กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วโจ๊กถ้วยนี้ก็ไม่ได้ปรุงรสอะไรด้วยซ้ำ
“ขอบคุณจะ เจ้าค่ะ คุณหนู”
ถิงเอ๋อเสียงสั่นพยายามฉีกยิ้มอย่างสุดความสามารถแม้ริมฝีปากตัวเองจะสั่นระริกก็ได้ ถิงเอ๋อเจ้าอย่าร้องไห้ออกมานะ อดทนเข้าไว้ สาวรับใช้ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้นย้ำ ๆ
เจ้าของเรือนซิ่งฮวารวบรวมแรงที่มียกช้อนตักกินโจ๊กที่อยู่ในชามจนหมด ท่าทางตั้งใจกินต่างไปจากทุกวันที่ผ่านมา ทำเอาซู่ย่วนกับถิงเอ๋ออดลอบสบตากันด้วยความใจหายไม่ได้
เนื่องจากตั้งแต่ฮูหยินรองและนายท่าน พูดถึงเรื่องจะให้คุณหนูแต่งงานออกเรือนไปกับคุณชายเสิ่น ร่างกายของคุณหนูรองเยว่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะมานานก็ทรุดแย่ลงทุกวันจนสองวันก่อนหน้านี้ถึงขั้นแทบก้าวลงจากเตียงไม่ไหวเสียแล้ว
เมื่อเจ้าของห้องหลับลงไปแล้ว ถิงเอ๋อกับซู่ยวนก็พากันเดินออกไปปูที่นอนของตัวเองอยู่ด้านนอกประตูห้องอย่างเงียบงัน ตอนนี้เสียงฝนที่กระทบหลังคาหรือลมพายุที่กระทบผนังเรือนก็ไม่น่าหวั่นใจเท่าอาการของคุณหนูอีกแล้ว