บทที่ 2
ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าบ้านสกุลเยว่ ที่มีใต้เท้าเยว่ ฮูหยินรอง และคุณหนูทั้งสองคนกำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดออกมามีเพียงเสียงตะเกียบกระทบชามข้าวเบา ๆ เท่านั้น
“ท่านพี่ ข้าเห็นว่าบัดนี้อาหลีของเราก็ถึงวัยจะออกเรือนแล้ว ท่านคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
จางเจียวจินฮูหยินรองสกุลเยว่เอ่ยขึ้นมาทำลายความสงบของโต๊ะอาหารพลางคีบเป็ดย่างชิ้นพอดีคำวางลงบนชามข้าวของเยว่หลวนเล่อผู้เป็นสามีเจ้าตัวยกริมฝีปากบางแต้มชาดสีแดงก่ำแย้มยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างอารมณ์ดี
ผิดกับคุณหนูตระกูลเยว่ทั้งสองอย่างเยว่หลีฮวาและเยว่เจียวอวี่ที่ถึงกับชะงักหยุดมือนิ่งไป ก่อนที่เยว่เจียวอวี่จะหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่ออย่างไม่ใส่ใจต่อบทสนทนานั้น
ใต้เท้าเยว่ยิ้มแหยเหลือบมองเสี้ยวหน้าของบุตรสาวคนรองอย่างเยว่หลีฮวาที่เป็นฝ่ายถูกเอ่ยถึงเมื่อมองไม่เห็นถึงความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้างามของบุตรสาวจึงหันกลับไปหาฮูหยินรองของตนอย่างเกรงใจ
“เจียวเอ๋อเจ้าก็รู้ดีว่าเรื่องในบ้านทุกเรื่อง ข้าล้วนต้องให้เจ้าจัดการทั้งสิ้นจัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด”
ทุกคนในที่แห่งนั้นได้ยินคำตอบกันทั่ว ต่างก็มีความรู้สึกและสีหน้าแตกต่างกันไป แม้ใบหน้างามของคุณหนูรองเยว่จะไม่เปลี่ยนจากเดิมแต่ภายในใจนั้นก็อดรู้สึกน้อยใจผู้เป็นบิดาไม่ได้ที่เขาไม่เอ่ยปากถามความเห็นของนางสักคำ ร่างบางอดทนนั่งร่วมโต๊ะจนจบมื้ออาหาร ก่อนจะลุกกลับเรือนซิ่งฮวาของตนไปโดยไม่พูดอะไร
คล้อยหลังแผ่นหลังบางของคุณหนูรองเยว่จางเจียวจินฮูหยินรองตระกูลเยว่ก็ยิ้มกว้างออกมารู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่นางต้องการ ก่อนจะผินหน้ากลับไปหาเยว่เจียวอวี่บุตรสาวของตนอย่างอารมณ์ดี
“ลูกสาวแม่ เจ้ากลับไปซ้อมพิณต่อเถิด”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าน้อยขอตัว”
เยว่เจียวอวี่ยกยิ้มน้อย ๆ ให้มารดาของตน ก่อนจะเดินแยกกลับเรือนของตนไปอย่างว่าง่าย เรื่องในบ้านนางขอไม่แสดงความเห็นอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านแม่จะทำ เพราะเยว่เจียวอวี่ไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วย สำหรับนางแล้วแค่ได้อยู่อย่างสุขสบายเช่นทุกวันนี้ก็เพียงพอ
“ซู่ย่วนเจ้าส่งยาไปให้ท่านพี่ชายเสิ่นแล้วใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“ดีมากข้าจะนอนพักเสียหน่อย ฝากบอกถิ๋งเอ๋อต้มน้ำขิงมาให้ข้าด้วยล่ะ”
“คุณหนูรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเจ้าคะ”
ซู่ย่วนร้องถามอีกฝ่ายที่ดูแล้วสีหน้าไม่ค่อยสดใสเท่าใดนักด้วยความเป็นห่วง เยว่หลีฮวายกยิ้มจางก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่พูดอะไร
ทำไมเยว่หลีฮวาจะไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเรือนหลังของสกุลเยว่เวลานี้เป็นเช่นไร ตั้งแต่ท่านแม่ได้จากไปเมื่อสิบปีก่อนท่านพ่อจึงต้องแต่งจางเจียวจิน ฮูหยินรองเข้ามาดูแลเรื่องในบ้านแทน เพราะในเวลานั้นอนุของท่านพ่อเองก็ป่วยตายไม่เหลือสักคน
หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ผู้ล่วงลับอย่างเยว่หลีฮวาก็เปลี่ยนไป ย่างเท้าเดินไปทางใดก็ถูกจับตามองจนรู้สึกอึดอัด มีเพียงในเรือนซิ่งฮวาแห่งนี้เท่านั้นที่นางจะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระ
เรื่องการแต่งงานที่จางเจียวจินพูดถึง เยว่หลีฮวาก็รู้มาสักระยะแล้วว่าสักวันมันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน เพราะใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยพยายามเฉดหัวนางออกจากรั้วตระกูลเยว่มาก่อน เว้นแต่ว่าเยว่เหล่าไท่ไท่ออกหน้าปกป้องนางเอาไว้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้นางคงไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขอย่างเช่นทุกวันนี้หรอก
แล้วไหนจะอาการป่วยของนางที่ตอนนี้ดูจะหนักลงทุกวัน ทั้ง ๆ ที่กินยาตลอดมาหลายปี ชีวิตของนางไม่ต่างจากเทียนน้อยกลางลมพายุเลยก็ว่าได้