บทที่ 4
“ข้าขอโทษท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อน จิบชาก่อนนะขอรับ”
หลวนเล่อหน้าเครียดเมื่อเห็นมารดาไอออกมาอย่างหนักหลังจากได้ด่าตนเองจึงรีบรินชาให้นาง ชายวัยกลางคนรู้สึกได้ว่าเส้นเลือดที่ขมับของตัวเองกำลังเต้นตุบ ๆ
“ไม่รู้ล่ะ เรื่องออกเรือนของอาหลีพักไว้ก่อนรอให้นางร่างกายแข็งแรงกว่านี้ค่อยว่ากัน เจ้ากลับไปได้แล้ว”
“โถ่ท่านแม่ ก็ได้ขอรับเอาอย่างท่านว่าก็ดีเหมือนกัน”
คนเป็นลูกได้แต่รับคำอย่างเสียไม่ได้เมื่อเห็นสายตาเอาจริงของมารดาที่แม้สังขารจะแก่ชราแต่แววตาของนางกลับยังคงความน่าเกรงขามจนเขาแย้งไม่ออก
เยว่หลวนเล่อเครียดขรึม เดินหน้านิ่งออกมาจากเรือนของผู้เป็นมารดาด้วยความคิดไม่ตก ท่าทางเอาจริงแบบนั้นเขาแทบไม่ได้เห็นมาก่อน หรือว่าอาหลีของเขาจะป่วยหนักอย่างที่นางว่าจริง ๆ
เมื่อคิดได้แบบนั้นชายวัยกลางคนก็เดินเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทาง หลังจากเดิมตั้งใจจะเดินกลับเข้าเรือนของตนเดินตรงไปอีกทางหนึ่ง
ดวงตาเรียวรีหม่นแสงลง รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก เมื่อสองข้างทางเดินทุกอย่างยังคงเหมือนเช่นสิบปีก่อนไม่มีผิด เท้าสองข้างของเยว่หลวนเล่อ เดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินแม่น้ำสีขาวและน้ำตาลผสมกัน ก่อนจะหยุดยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าประตูเรือนอันแสนคุ้นเคย
“เรือนซิ่งฮวา”
ชายวัยกลางคนเงยหน้ามองป้ายชื่อเรือนด้วยความรู้สึกหลากหลาย ป้ายนี้เขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเองกับมือหลังจากแต่งฮูหยินใหญ่เข้าบ้านสกุลเยว่ ภาพความสุขในยามนั้นย้อนเข้ามาในความทรงจำของเยว่หลวนเล่อเป็นฉาก ๆ จนเขารู้สึกสะท้านไปทั้งหัวใจ รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา
“นายท่าน”
ซู่ย่วนที่เปิดประตูเรือนซิ่งฮวาออกมาพอดีร้องทักคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูเรือนด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ ทำเอาเยว่หลวนเล่อสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิดตามสาวใช้ของบุตรสาวไปด้วย
“อะแฮ่ม ข้ามาหาอาหลีนางเป็นอย่างไรบ้าง”
“เชิญนายท่านทางนี้เจ้าค่ะ”
จู่ ๆ คนที่ร้อยวันพันปีแทบไม่เหยียบย่างเข้ามาใกล้เรือนซิ่งฮวา ตั้งใจมาหาคุณหนูของนางถึงเรือน ทำเอาซู่ย่วนอดดีใจแทนคุณหนูของตัวเองไม่ได้
“คุณหนู นายท่านมาเจ้าค่ะ”
เยว่หลีฮวาที่นั่งเหม่อมองกลีบดอกซิ่งฮวาร่วงหลุดจากขั้วลงสู่พื้นดินตามแรงลม หันกลับมาตามเสียงเรียกด้วยความประหลาดใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นพราวระยับปิดความดีใจที่ซ่อนอยู่แทบไม่มิด
“ท่านพ่อมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
เสียงใสร้องขึ้นขณะเดียวกันก็รีบลุกเดินเข้าไปหาคนที่มาเยี่ยมถึงเรือน หัวใจดวงน้อยของเยว่หลีฮวาดูจะเต้นแรงขึ้นมาได้ด้วยความดีใจอีกครั้ง
ท่าทางดีใจของคนตรงหน้าทำเอาเยว่หลวนเล่อรู้สึกผิดไปทั้งหัวใจได้แต่ส่งยิ้มเอ็นดูให้กับบุตรสาวดวงตาของชายวัยกลางคนยิ่งพิศยิ่งมองก็ยิ่งใจหายนี่ลูกสาวตัวน้อยของเขาโตถึงขนาดนี้แล้วหรือ
“เชิญท่านพ่อนั่งก่อนเจ้าค่ะ นี่เป็นชาดอกกุหลาบที่ข้าทำเองเลยนะเจ้าคะ”
มือขาวรีบรินชาดอกกุหลาบให้บิดาได้ชิมรสซึ่งผู้มาเยือนก็ไม่คิดจะปฏิเสธอีกฝ่ายให้เสียน้ำใจรับมาจิบชิมรสด้วยความเต็มใจ
สองพ่อลูกนั่งดื่มชาด้วยกันอยู่เงียบ ๆ ขณะเดียวกันเยว่หลวนเล่อก็มองสำรวจบริเวณโดยรอบไปด้วย ภาพเก่า ๆ เมื่อครั้งฮูหยินใหญ่อันเป็นที่รักยังอยู่ ผุดเข้ามาที่มุมต่าง ๆ เยว่หลวนเล่อสูดลมหายใจเข้าเรียกสติตนเอง ก่อนจะหันมาสนใจลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าอาหลีของเขาโตขึ้นมากและนางก็ดูแลเรือนซิ่งฮวาแห่งนี้ได้ดีจริง ๆ เขาคิดในใจ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
มือขาวที่กำลังเติมชาให้บิดาชะงักไป เมื่อจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ถามถึงอาการป่วยของตนเองขึ้นมา เหตุใดท่านพ่อจึงนึกสนใจอาการป่วยของนางกันนะ เยว่หลีฮวายิ้มจางบอกความจริงกับคนตรงหน้าออกไปเสียงเบา
“อาการไม่ดีเท่าไหร่นักเจ้าค่ะ ต้องขอโทษท่านพ่อด้วยที่ข้าทำให้เป็นห่วง”
คนเป็นพ่อสังเกตเห็นข้อมือผอมแห้งของลูกสาว ไหนจะกำยานและห่อยาที่วางอยู่แทบทุกมุมในเรือนก็ยิ่งหดหู่ รู้สึกสงสารนางจับใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา นี่อาหลีต้องทรมานมากขนาดไหนกัน
“งั้นเจ้าพักผ่อนเถิดพ่อไม่กวนเจ้าแล้ว อ้อเรื่องออกเรือนท่านย่าของเจ้ากับข้าคุยกันแล้วว่าจะเลื่อนออกไปก่อนก็แล้วกันนะ”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ เดี๋ยวข้าเดินไปส่งท่านเจ้าค่ะ”
สองพ่อลูกเดินออกมาจากเรือนซิ่งฮวาด้วยกันเงียบ ๆ เวลานี้เยว่หลวนเล่อรู้สึกผิดต่อลูกสาวของตนยิ่งนัก ยิ่งสังเกตเห็นว่าเยว่หลีฮวานั้นผ่ายผอมลงมากเพียงใด เขาก็ยิ่งปวดใจมากเท่านั้น