บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เงื่อนไขของการอยู่ร่วมกัน (1)

เคยมีใครบอกบ้างไหมว่าคำพูดกับการกระทำมักสวนทางกันเสมอ เห็นทีจะมีเธออยู่คนหนึ่งที่มันเกิดขึ้นจริง แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ คราวนี้เธอตั้งใจและมุ่งมั่นแล้วว่าจะต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกับมา เธอไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการ เพราะฉะนั้นต่อให้เขาอยากซื้อเธอก็อย่าฝัน เธอไม่ยอมไปเป็นนางบำเรอให้เขาเล่นงานหรอก

“เดี๋ยวก่อนค่ะ แน่ใจนะคะว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน” เมื่อได้สติกลับคืนมาครบถ้วนมากพอที่จะพูดกันแบบปกติได้ เธอก็พบว่าตัวเองใจเย็นขึ้นและไม่มีอาการหวาดกลัวเขาอีก ดาราฉายขยับร่างไปพิงกับขอบโต๊ะพลางกอดอกเอาไว้หลวม ๆ ดวงตาคู่สวยมองสบกับอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มบางเบา

“มันมีวิธีพิสูจน์มากมายที่บ่งบอกว่าฉันกับเธอ มากกว่าที่รู้จักกัน” แต่คำพูดสวนกลับของเขาก็ทำเอาหญิงสาวสะอึก ดาราฉายเม้มริมฝีปากแน่น สมองกำลังครุ่นคิดหาคำพูดมาโต้กลับอย่างมีชั้นเชิง คุยกับเขาเธอต้องมีสติมากกว่านี้

“ฉันมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักคุณ แล้วที่ฉันยอมตามคุณขึ้นมาก็เพราะฉันไม่กลัวคุณ ไม่กลัวคุณแม้แต่นิดเดียว”

“นั่นกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่หรือไง” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอประสาทกิน ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างฉุนเฉียวแทบอยากตรงเข้าไปฟาดฝ่ามือใส่หน้าเขา แต่นั่นก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เธอหรือจะกล้า

“คุณมันร้ายกาจ มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่สะกดจิตตัวเอง แล้วฉันก็ปกติดีไม่ได้เป็นอะไร ฉันว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า อย่ามัวเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกันอีกเลย ที่คุณลากฉันเข้ามาที่นี่ต้องการอะไรกันแน่ ฉันกับคุณไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คงไม่มีธุระจำเป็นอะไรต้องคุยกัน”

“แน่ใจเหรอว่าไม่รู้จักกันแต่น่าแปลกที่ฉันยังจดจำทุกสัดส่วนบนร่างกายเธอได้”

“ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะ” เสียงหวานบอกอย่างจริงจัง หากแต่คำพูดต่อมาของเขาก็ทำเอาเธอแทบกระอักเลือดออกมา กรีดเสียงร้องแหลมใส่เขาทันที

“ฉันจำปานที่ก้นเธอได้”

“นี่คุณ! ฉันไปมีปานที่ก้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”

“งั้นก็ตรงใต้สะโพกข้างซ้าย...ใช่หรือเปล่า” เมื่อเห็นเขาทำหน้าคิดนานเหมือนกับไม่มั่นใจก็ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำขึ้นอีก ดาราฉายรู้สึกเหมือนกำลังมีไฟลุกท่วมหน้า กรุ่นโกรธจนควันออกหู เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอแต่กลับจดจำรูปลักษณ์ภายนอกของเธอไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องจำได้สิว่าเธอมีลักษณะเด่นตรงไหน ถึงแม้ว่าปานตรงก้นจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำมากที่สุดก็ตาม

“ตรงก้นน่ะถูกแล้ว ทำไมคุณถึงได้เป็นคนอย่างนี้นะ ความจำสั้น คนขี้ลืม!” เธอต่อว่าเขาอย่างลืมตัว ก่อนจะมานึกได้ว่าเผลอพูดอะไรไปก็ตอนที่เห็นริมฝีปากเขากระตุกยิ้มพอใจ แถมดวงตายังฉายแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่ทำให้เธอรู้ว่าเป็นฝ่ายหลงกลเสียเอง

ดาราฉายรีบปั้นหน้านิ่งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าและแววตาหยอกล้อของเขา ดวงตาคู่สวยแอบมองสำรวจไปรอบห้องมองดูการตกแต่งที่ทันสมัยสมราคาคุย ถึงจะเข้ามารับหน้าที่แทนผู้มีพระคุณแต่ก็ใช่ว่าเธอจะมีโอกาสได้เข้าไปห้องนู้นห้องนี้ตามอำเภอใจก็เลยไม่รู้ว่าเขาแต่งห้องกันอย่างไร ถึงได้ดูหรูหราขนาดนี้ แต่ที่เด่นสะดุดตาเห็นจะเป็นเตียงนอนสีดำที่ตั้งอยู่กลางห้องใหญ่ขนาดห้าคนนอนยังดิ้นไม่โดนกันเลย นั่นเตียงหรืออะไร ทำไมถึงใหญ่จนน่ากลัวแบบนั้น

ดีนะที่เธออยู่ทางปีกขวากว่าจะไปถึงเตียงนอนอีกตั้งไกล ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงเธอยังพอวิ่งหนีเขาไปหลบอยู่ในห้องครัวได้

“ตกลงว่าคุณไม่มีอะไรจะคุยกับฉัน งั้นฉันกลับนะคะมีงานต้องทำ”

“งานอะไร” เสียงทุ้มสวนกลับมาจนเธอชะงักกึก ก่อนจะลากสายตาขึ้นมองสบกับเขาก็พบว่าดวงตาคู่นั้นกำลังถูกฉาบด้วยน้ำแข็ง ดาราฉายบอกตัวเองไม่ให้แสดงอาการตื่นกลัวออกไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยคล้ายกับจะยั่วโทสะอีกคน

“จะงานอะไรได้ล่ะคะ ถ้าไม่ใช่...” เธอลากเสียงยาว ก่อนจะยั้งไว้ด้วยรอยยิ้มไม่คิดพูดเสริมต่อ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เขาฟังเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องรู้ หากแต่เธอกลับคิดผิด ไม่เพียงแต่เขาจะโมโหเท่านั้นแต่ยังแสดงท่าทีหึงหวงออกมาชัดเจน เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ราวกับรับรู้สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า ร่างเพรียวบางก็ออกตัววิ่งไปทางประตูห้องครัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ร่างสูงขยับวิ่งตาม

ดาราฉายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าร่างทั้งร่างถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ ก่อนจะจับพาดบ่ามุ่งตรงไปยังเตียงนอน เธอรีบดิ้นรนด้วยความเร็วพลางทุบกำปั้นลงบนแผ่นหลังเขาไม่ยั้ง เสียงหวานร้องตะโกนคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอถูกเหวี่ยงลงบนเตียง ความจุกก็แล่นเข้าเล่นงานจนร้องไม่ออกสักคำ

สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือเขามีนิสัยดิบเถื่อน ชอบใช้กำลังกดขี่ห่มเหงเธอเสมอ! ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน เขาก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน!

“คุณคิดจะทำอะไร”

เสียงหวานสั่นเครือหลงลืมความจุกไปชั่วขณะ แววตาหวาดหวั่นมองดูร่างสูงที่เดินไปคว้าเชือกมาหนึ่งเส้นสาวเท้าตรงมาหาเธอที่นอนจุกอยู่บนเตียง ยังไม่ทันได้ขยับตัวหนี ข้อเท้าบอบบางก็ถูกคว้าไว้ ดาราฉายตกใจจนเผลอส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบอีกฝ่าย หากแต่กลับถูกเขาจับคว้าไว้อีกข้าง คราวนี้เขากระชากมันเข้าหาตัวจนร่างเธอกระเด็นตามไป มือหนาจับพลิกร่างของเธอให้นอนคว่ำ ก่อนจะตามมาทาบทับลงบนตัว เธอจะไม่ตกใจเลยสักนิด ถ้าเขาจะไม่เอื้อมมือมาใช้เชือกมัดเข้ากับข้อมือของเธอ

“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ!” ดาราฉายร้องเสียงหลง ใบหน้าฉายแววแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันก็ออกแรงดิ้นพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ อีกฝ่ายลากเธอไปผูกไว้กับหัวเตียงแน่นหนา ต่อให้ออกแรงดิ้นแค่ไหนก็ไม่มีทางหลุดออก

“ในเมื่อพูดกันไปก็ไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด ปล่อยให้อย่างอื่นเป็นตัวพูดดีกว่า” แดนเนียลที่ฟังเธอพร่ำบ่นมานาน ในที่สุดความอดทนก็เดินทางมาถึงขีดสุด ตอนนี้เขาไม่ต้องการรับฟังว่าเธอจำเขาได้หรือไม่ แต่เขาต้องการให้เธอยอมรับว่าเธอคือผู้หญิงคนเดียวกันกับคืนนั้น

ถึงไม่ต้องพิสูจน์เขาก็รู้ว่าเป็นเธอ แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะความคิดถึงและโหยหากำลังรบเร้าเล่นงานเขาไม่หยุดหย่อนจนร่างกายแทบปริแตกอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel