บทที่ 4 การกลับมาของเขา (4)
“กรุณาปล่อยตัวฉันลงตรงนี้ด้วยค่ะ”
เธอยังคงไม่ยอมแพ้ จะให้เขาเห็นสภาพตอนที่เธออ่อนแอเนี่ยนะ ไม่มีวัน เธอจะต้องดูเหมือนนางพญาสิถึงจะต่อกรกับเขาได้ ไม่ใช่หนูตัวน้อยที่แม้แต่แรงจะเดินก็ไม่มี!
“ถ้าอยากเดินนักก็ได้ แต่จำไว้ถ้าเธอล้มเมื่อไหร่ ฉันจะทำในสิ่งที่เธอต้องจดจำไปชั่วชีวิตเลย ดาราฉาย” เสียงของเขาเย็นยะเยือกจนรู้สึกหนาวสั่น หากแต่เธอก็มีความมุ่งมั่นที่จะยืนและเดินด้วยขาตัวเอง ต่อให้เธอขาไม่มีแรง เธอก็จะคลานไป จะไม่ขอร้องให้เขามาเห็นใจเด็ดขาด
หลังจากที่ร่างของดาราฉายถูกปล่อยตัวลง สองขาก็ทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นในทันที เธอเจ็บจนน้ำตาไหลแต่มันเกิดจากความแค้นใจที่อัดแน่นอยู่ข้างในมากกว่า ในที่สุดเธอก็ล้มลงจนได้ บ้าที่สุดเลย!
“ฉันเหนื่อยก็เลยลงมานั่งพัก...” เมื่อพูดจบเรียวปากอิ่มก็เม้มเข้าหากัน ดวงตาคู่สวยแอบเหลือบขึ้นไปมองด้านบนก่อนจะตกใจจนต้องหลบสายตาวูบลงมามองที่พื้น ดาราฉายลอบกลืนน้ำลายลงคอรู้สึกว่าดวงตาคมกริบดุจใบมีดของเขากำลังทิ่มแทงมาที่ร่างเธอ
“มันคงดูโง่ถ้าฉันเชื่อเธอ” เขาบอกเสียงเย็น ก่อนจะย่อตัวลงมานั่งบนส้นเท้าใช้สายตากวาดมองไปทั่วดวงหน้าสวยคมเปี่ยมเสน่ห์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ายวนที่หลอกล่อให้ใครต่อใครพากันหลงใหลและเคลิบเคลิ้มได้เพียงแค่สบตา ฝ่ามือหนาเอื้อมไปจับปลายคางเรียวก่อนจะแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้ดวงตาของเธอมองสบกับเขา
แดนเนียลกระตุกยิ้มร้ายกาจ ความเย็นฉาบไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างของหญิงสาวถูกดันจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้อง ก่อนที่ร่างสูงกำยำในชุดสูทดำจะขยับเข้ามาเบียดชิดพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ลดลงต่ำจนใบหน้าเกือบแนบชิดกับเธอ ดาราฉายเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวฉกวูบลงมาประกบจูบปิดริมฝีปากของเธอ
แม้จะมีเพียงผืนผ้ากางกั้นแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุจากริมฝีปากเขา เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลงรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเขาที่บนกายเธอ
ฝ่ามือหยาบกร้านแตะต้องเอวบางอย่างนุ่มนวล ก่อนจะรวบร่างเพรียวเข้าหาตัวกอดรัดเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้าไว้กับเรือนกายกำยำ ริมฝีปากหนาขยับรุกเร้าเข้าครอบครองเรียวปากอิ่มจูบซับความหวานที่ถูกขวางกั้นด้วยผ้าผืนเล็ก แต่กลับบางจนแทบไม่ได้รู้สึกอะไร ต่อให้จะมีหรือไม่มีเขาก็ยังสัมผัสได้เธออย่างไม่ร้อนใจ
พลั่ก!
“คุณ...ฉันไม่ใช่ของเล่นนะที่จะมาให้คุณทำอะไรก็ได้ แล้วที่สำคัญฉันก็ไม่ได้ขายบริการ ถ้าอดอยากปากแห้งนักก็ไม่ขอใช้บริการกับพวกวันวิวสิ!”
ดาราฉายที่ยังหอบหายใจอยู่รีบพูดเตือนเสียงสั่น เธอยันสองมือกับแผงอกของเขาหวังจะเพิ่มระยะห่างให้กับตัวเอง แต่มันก็เป็นเหมือนเมื่อคราวก่อนไม่มีผิด เมื่อมือหนาสากปัดสองมือของเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี เธอถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เมื่ออีกฝ่ายกระชากร่างเธอเข้าหาตัวจนอกอวบอัดกระแทกเข้ากับแผงอกของเขา น้ำตาใสเอ่อคลอเบ้า ก่อนจะไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ใช่แค่เจ็บจากการกระทำของเขาแต่เธอแค่เจ็บที่ไม่อาจขัดขืนเขาได้เลย
“กลับไปคุยกันที่ห้อง ฉันต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้” เขาบอกเพียงเท่านั้น ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกช้อนขึ้นอุ้มอีกครั้ง ด้วยความไม่เข้าใจทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นสบเขาเต็มตา แต่ดวงตาคมกริบของเขาก็ทำเอาใจสั่น เธอไม่อาจต่อกรกับเสน่ห์อันร้ายกาจของเขาได้ถึงได้ก้มหน้าลงมองเขาในระดับอก
บางทีเธอน่าจะคุยกับอกเขารู้เรื่องมากกว่าที่จะมองหน้าก็ได้
ฟรึบ!
เพราะได้ยินเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ใบหน้าสวยรีบเงยขึ้นมามองอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่ใบหน้าของชายหนุ่มแต่เป็นใบหน้าของคนที่อยู่โดยที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วที่สำคัญ...คนพวกนี้มาทันเห็นเธอกับเขาจูบกันหรือเปล่า?!
ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงจัดด้วยความอับอาย โชคดีเหลือเกินที่เธอมีผ้าคลุมหน้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้อับอายยิ่งกว่านี้ ดาราฉายรีบซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งพร้อมกับสองมือที่รีบคว้าหมับจับเสื้อของเขา ออกแรงกระตุกถี่ยิบเร่งเร้าให้เขาเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณนี้
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกอายเท่าครั้งนี้มาก่อน เธอเผลอตัวจูบกับเขาท่ามกลางสายตานับร้อยของแขกที่มาร่วมงาน ยังจะมีอะไรน่าอายไปมากกว่านี้อีกไหม เธออยากจะเป็นบ้า อยากจะล้มหัวฟาดพื้นแล้วตื่นขึ้นมาพบว่าทุกอย่างเพียงแค่ฝันไป แต่บังเอิญว่าตอนนี้เธอคงทำแบบนั้นไม่ได้และถึงแม้มีโอกาสก็ไม่คิดจะทำอยู่ดี การเอาหัวตัวเองไปฟาดพื้นก็คงมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำ
แดนเนียลก้มตาลงมองคนร่างเพรียวในอ้อมแขนก็พบว่าเธอกำลังขมุบขมิบปากพูดอะไรสักอย่าง ถึงจะฟังไม่ออกว่าเธอพูดอะไร แต่เขาก็พอรู้ว่านั่นคงไม่ใช่เรื่องดี สองขาก้าวไปตามระเบียงทางเดิน ก่อนจะมุ่งตรงขึ้นบันไดวนไปยังชั้นสอง แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปจนสุดทางก็พบกับห้องขนาดใหญ่ ซึ่งกินบริเวณไปทั้งแถบ บนชั้นนี้คือห้องที่เขาห้องพักอยู่ ชั้นทั้งชั้นถือเป็นอาณาเขตของเขา ถ้าไม่ไดรับอนุญาต ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาทั้งนั้น
ด้านหน้ามีบอดี้การ์ดชุดดำยืนคลุมเชิงอยู่กางกั้นเขตหวงห้ามเอาไว้อย่างชัดเจน โจอาห์เดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มพร้อมกับโค้งศีรษะลงทำความเคารพ
“ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”
“ทางนี้ไม่ต้อง แต่ด้านหน้ากันเอาไว้ ห้ามให้ใครเข้ามาโดยเด็ดขาด ส่งคนไปดูแลด้านนอกด้วย อย่าให้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่นี่ แล้วถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้นายจัดการไปตามเหมาะสม ไม่ต้องมารายงานฉันจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเช้า”
“ฮะ! อาหารเช้า?! คุณจะห้ามไม่ให้ลูกน้องเข้าไปในห้องทำไม ห้องออกตั้งกว้างจะให้ฉันอยู่กับคุณแค่สองคน อึดอัดแย่สิ” ดาราฉายบ่นออกมายาวเหยียดพลางทำหน้าไม่เห็นด้วยอย่างแรง เธอเงยหน้าไปมองทางลูกน้องของอีกฝ่ายก็พบว่าลูกน้องของเขาคนนี้ดูท่าทางเป็นมิตรมากกว่าเจ้านาย ถ้ามีลูกน้องคนนี้เข้าไปอยู่ในห้องด้วย เธอคงจะอุ่นใจมากกว่านี้
“หรือจะให้ลูกน้องฉันอยู่ดูตอนสำเร็จโทษเธอ ก็ได้นะดาราฉาย ฉันไม่ค้านถ้าเธอต้องการแบบนั้น”
“นี่คุณ!”
“ออกไปได้แล้ว ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉันไม่ต้องเข้ามา”
“ครับเจ้านาย” โจอาห์คลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปโดยไม่พูดอะไร ท่ามกลางสายตานิ่งอึ้งของหญิงสาวที่มองตามอย่างหมดหวัง
เธอขอถอนคำพูดที่บอกว่าลูกน้องคนนี้ดูเป็นมิตร เพราะเอาเข้าจริงก็ใจร้ายทั้งเจ้านายและลูกน้อง วันหลังช่วยเก็บใบหน้าใสซื่อนั่นไปด้วยนะ เธอจะได้ไม่หลงกลอีก!
“ถึงเวลาที่เราต้องคิดบัญชีกันแล้ว”
เสียงของเขาเหมือนมัจจุราชที่กำลังจะตัดสินโทษเธอ ดาราฉายเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่รู้สึกหวาดจนไม่กล้ามองหน้าเขาอีกเลย ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ได้ต่างจากครั้งที่แล้วเลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เธอก็ไม่เคยต่อต้านเขาได้เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันคงไม่ง่ายนัก ถ้าเขาคิดจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ
ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็อย่าหวังว่าเขาจะทำอะไรเธอได้แล้วกัน!