บทย่อ
“มาคุยกันถึงเงื่อนไขที่เราต้องตกลงกันดีกว่า” ดาราฉายสงบจิตใจเอ่ยขึ้นเสียงจริงจัง เธอคร้านจะพูดถึงเรื่องเก่า ถึงการกลับมาจะทำให้ในใจลึก ๆ ของเธอหวั่นไหว ทั้งยังดีใจจนออกนอกหน้า แต่การที่จะกลับมามีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เขาไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยหรือ?“เงื่อนไข” เสียงของเขาดูคุกคามอยู่ในทีทำเอาคนฟังลอบกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อนลงคอ ดวงตาวาววับกลอกกลิ้งไปมา เธอลอบคิดคำนวณในใจ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากเจรจาเสียแล้ว พลันร่างกายอ่อนนุ่มแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าคมสันนิ่งงัน อะไรบางอย่างเหยียดขยายในกายเธอ ทั้งแข็งขึงร้อนรุ่มชวนหวั่นใจนี่อย่าบอกนะว่าเขา...อีกแล้วเหรอ?!“เงื่อนไขของเธอ ฉันยินดีรับฟังทั้งหมด ส่วนเงื่อนไขของฉันมีเพียงข้อเดียวเท่านั้น...” เสียงเขานุ่มลึกน่าฟังคล้ายดูดกลืนผู้คนให้คล้อยตาม โดยไม่ทันระวังเสียงนั้นก็กล่อมเกลาให้เธอเคลิ้มฝัน ล่อหลอกจนเธอเหมือนได้ยินแต่กลับไม่ได้ยิน สรุปแล้วเขาพูดอะไรกันแน่ในตอนนั้น เธอไม่รู้เลยแม้แต่นิดทว่าหลังจากนั้นอีกสิบวันให้หลัง เธอจึงกระจ่างแจ้งแก่ใจ เงื่อนไขของเขาในวันนั้น...‘คือความต้องการของฉันที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ในทุก ๆ กรณี’ผู้ชายคนนี้ช่าง...ช่างน่าโมโหจนเธอแทบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว!เขาเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป...มากเกินไปแล้ว เกินไปแล้วจริง ๆ!*มีรุ่นลูกอีก ถ้าแต่งจบจะเอาลงให้นะคะ
บทนำ (1)
ดาราฉายรีบสาวเท้ามุ่งตรงไปยังห้องพักของแขกท่านหนึ่ง สองขาเรียวขาวก้าวเดินด้วยความเร็วผ่านห้องพักห้องห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่ถึงห้องพักของแขกคนนั้นสักที และเพราะเป็นแบบนั้นดวงหน้าสวยหวานจึงเริ่มมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมาทีละนิด สีหน้าและแววตาก็แสดงถึงอาการหวาดหวั่นกังวลใจกลัวว่าแขกวีไอพีคนนั้นจะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แล้วอาจจะลงมือเล่นงานเธอ
เมื่อคืนนี้เธอรับจ๊อบพิเศษจากที่อื่นจนดึกดื่น กว่าจะได้อาบน้ำ กว่าจะเข้านอนได้ก็ปาเข้าไปตีสามทำให้เช้านี้เธอตื่นสายและมาเข้าทำงานช้าเกือบสิบนาที ถึงเวลาจะดูน้อยนิดแต่เดอะวันเคร่งในเรื่องของการเข้างานอย่างตรงเวลา เพราะถ้าพนักงานมาสายคนหนึ่งคิวงานของวันนั้น ๆ ก็อาจจะรวนจนเกิดความเสียหายได้ ทุกคนอาจสงสัยว่าเดอะวันคืออะไร เดอะวันก็คือสถานที่ให้บริการพักผ่อนแก่แขก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพักแบบธรรมดาหรือการเข้าพักแบบเข้าใช้บริการวันวิวก็ถือว่าเป็นการเข้าพักอยู่ดี
หน้าที่ของวันวิวคือการสร้างความสุขให้แก่ลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้าคือพระเจ้า และถ้าวันวิวก่อเรื่องหรือสร้างความไม่พอใจให้แก่แขก วันวิวคนนั้นจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง ฉากหน้าของเดอะวันคือคฤหาสน์หรูที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับบ้านของคนรวยที่สามารถเข้ามาพักผ่อนได้ทุกเมื่อที่ต้องการแต่ก็ต้องสู้กับราคาที่แพงหูฉี่ของค่าเข้าใช้บริการในแต่ละครั้ง และอีกส่วนหนึ่งที่ลูกค้ารู้จักกันดีของฉากหลัง
เดอะวันก็คือซ่องชั้นสูงดี ๆ นี่เอง
ส่วนตัวเธอนั้นไม่ได้ทำงานในส่วนนั้นหรอก เธอเป็นแค่พนักงานระดับล่างมีหน้าที่เสิร์ฟข้าว เสิร์ฟน้ำ คอยรอรับคำสั่งของแขกว่าต้องการอะไร ยกเว้นการขายบริการ แน่นอนว่าพวกเราทุกคนมีหน้าที่ทำให้แขกพอใจ แต่งานของเธอคือทำให้แขกได้กินอิ่มนอนหลับรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอยู่กับบ้านเท่านั้น
แล้วไม่ใช่ว่ามีงานมากมายแล้วสามารถเข้าพักที่นี่ได้ เพราะเดอะวันค่อนข้างทำงานเป็นระบบต้องคอยเก็บความลับของลูกค้าที่มาเข้าพักไม่ให้หลุดรอดออกไปภายใน ที่สำคัญยังต้องคอยระวังพวกตำรวจที่อาจแฝงตัวเข้ามาเป็นแขกเข้าพักเพื่อสืบความลับของลูกค้าคนอื่นและที่หนักสุดคือหาหลักฐานรวบรวมมาเอาผิดกับเดอะวัน
เมื่อหลายปีก่อนดาราฉายต้องซัดเซพเนจรอดอยากอยู่ข้างถนนเพราะถูกกระชากกระเป๋าไปจนหมดตัว ตอนนั้นแม้เงินจะซื้อน้ำสักหยดก็ไม่มี เธอเหมือนคนไร้ที่พึ่ง ญาติสนิทมิตรสหายล้วนหนีหน้า เธอไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือจากใครได้เลยเพราะพวกเขากลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน กลัวตัวเองจะลำบาก กลัวว่าเธอจะไปเป็นภาระ แม้ว่าเธออยากจะโกรธ อยากจะโมโหแค่ไหนก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้เพราะรู้ดีว่าพวกเขาเองก็ยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ถ้ามัวแต่มาช่วยเธอก็คงไม่รอดกันหรอก
ในช่วงวินาทีที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่างไร้ค่า ไร้ความหมายกลับมีมือคู่หนึ่งยื่นมาตรงหน้าเธอ ดาราฉายที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนฟุตบาทในยามฝนพร่ำค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองสบตาเข้ากับเจ้าของมือคู่นั้นอย่างตื้นตัน จนกระทั่งเธอได้มารู้ในภายหลังว่าเจ้าของมือคู่นั้นทำงานอะไร สีหน้าตื่นเต้นดีใจก็ค่อย ๆ จืดเจื่อนลง เธอครุ่นคิดในใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป หลังจากที่ได้รู้ว่าผู้มีพระคุณที่ยื่นมือมาช่วยเหลือในวันนั้นทำอาชีพที่ไม่ค่อยดีเอาซะเลย
ชีวิตคนเราไม่ได้มีทางเลือกให้กันมากนัก เธอจึงตัดสินใจยอมความช่วยเหลือพาตัวเองเข้ามาทำงานที่นี่ ถึงเดอะวันจะไม่ต่างจากซ่องชั้นสูงแต่อีกด้านหนึ่งก็คือคฤหาสน์หรูที่เปิดให้พักสำหรับพวกมหาเศรษฐี
ตึก ตึก ตึก
“ดิว! ทำไมถึงมาช้านักล่ะ รู้ไหมว่าแขกรอนานแล้วนะ” เพื่อนร่วมงานที่มีคิวรับแขกพร้อมกับเธอตะโกนข้ามฟากมา ทำเอาร่างเพรียวบางสะดุ้งตกใจเกือบทำถาดอาหารร่วงหลุดมือ
“ขอโทษด้วยนะแองจี้ พอดีว่าฉันตื่นสายไปหน่อยน่ะ กำลังจะรีบไปเดี๋ยวนี้แล้ว!” ดาราฉายตะโกนข้ามฟากกลับไปเสียงดัง โชคดีที่ในเช้าวันนี้ยังไม่มีแขกท่านอื่นเข้าพัก ไม่อย่างนั้นเธอไม่รอดแน่ ทันทีที่พูดคุยกันเสร็จ รองเท้าส้นสูงเกือบสามนิ้วก็เดินกึ่งวิ่งไปยังฝั่งตรงข้าม เมื่อมาถึงเพื่อนสาวหุ่นสะบึมก็รีบคว้าแขนลากตัวเธอเข้าไปในห้อง ก่อนจะดันแผ่นหลังให้เข้าไปหาแขก
เธอหยุดชะงักไปทันทีที่เห็นว่าห้องชั้นในมืดมาก แล้วพอจะหันกลับถามว่าทำไมถึงไม่เปิดไฟก็พบว่าร่างของเพื่อนสาวหายออกไปจากห้องแล้วพร้อมกับเสียงดังปังบ่งบอกว่าประตูได้ปิดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นคือหลังจากได้ยินเสียงประตูกลับตามาด้วยเสียงคลิกคล้ายกับการกดล็อคประตูที่ไม่ได้ดังมาจากด้านในแต่เป็นด้านนอก ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนเธอในใจ ก่อนที่สองเท้าจะขยับถอยหลังไปทีละก้าว ดวงตาคู่สวยเพ่งมองฝ่าความมืด โดยไม่รออะไรอีกร่างเพรียวก็หันหลังกลับสาวเท้าวิ่งตรงไปยังประตูทันที
ดวงตาในเงามืดมันน่ากลัวเกินกว่าที่เธอจะยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นได้ หากแต่การตัดสินใจหนีเอาตัวรอดของเธอดูเหมือนว่าจะช้าไปก้าวหนึ่ง เมื่อเงาทะมึนตามไล่หลังมาติด ๆ เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปดูว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่สัญญาณเตือนภัยบอกให้เธอรู้ว่าจะปล่อยให้อีกฝ่ายจับตัวไปไม่ได้ จนกระทั่งคนด้านหลังเข้ามาประชิดถึงตัวเธอ เสียงหวีดร้องก็ดังขึ้น ร่างเพรียวบางถูกกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้าพร้อมกับเสียงถาดทองคำที่ตกลงกระแทกพื้นเสียงดังสั่นประสาทคนฟังให้ยิ่งตื่นกลัว
“อย่าทำอะไรดิฉันเลยนะคะ! ดิฉันขอร้อง ปล่อยดิฉันไปเถอะค่ะ” เสียงของดาราฉายฟังแทบไม่ได้ศัพท์ เมื่อความหวาดกลัวก่อเกิดขึ้นในใจจนสมองคิดอะไรไม่ออก นอกจากยกมือขึ้นไหว้ขอร้องคนตรงหน้าแล้วเธอยังจะทำอะไรได้อีก
“ฉัน...” น้ำเสียงแหบแห้งของอีกฝ่ายฟังดูน่าประหลาดแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสนใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร นอกจากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ พาตัวเองออกมาให้ห่างจากคนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น
“ปล่อยฉันนะคุณ! ปล่อยสิคนบ้า คนสารเลว!” ดาราฉายตะเบ็งเสียงต่อว่าชายตรงหน้า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมีอายุได้แค่สิบแปดปี แต่ด้วยความที่ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอดูโตกว่าอายุจริง ใบหน้าคมสวยได้รูปฉายแววตื่นตระหนกระคนแค้นใจ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอทำบุญด้วยอะไรถึงได้เจอแต่ผู้ชายมักมากคิดแต่จะรังแกเธอ
“ช่วยฉัน...”
“ฮะ! คุณจะให้ฉันช่วย...คนทุเรศ! คุณมันเลวร้ายเกินไปแล้ว”
“ช่วยหยุดฟังฉันก่อนได้ไหม! ก่อนที่เธอจะถูกฉันปล้ำจริง ๆ หุบปากซะ แล้วฟังฉัน!”
เสียงตะคอกดังลั่นของชายตรงหน้าทำเอาคนที่กำลังร้องโวยวายถึงกับหยุดชะงัก ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงจ้องมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ประโยคเมื่อกี้นี้มันคืออะไร เขากำลังจะบอกว่าถ้าเธอไม่หุบปากเขาจะปล้ำเธอเหรอ?!
“คุณพูดบ้าอะไร ปล่อยฉันได้แล้ว! ถึงฉันจะทำงานที่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะขายบริการ ก่อนที่เดอะวันจะเรียกตัวฉันมาคุณก็น่าจะรู้ข้อตกลงดีแล้วนี่ ฉันแค่มีหน้าที่มาดูแลคุณไม่ใช่มาขายตัว ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คนมาช่วย”
“ทำไมเธอถึงเป็นคนที่พูดยากแบบนี้...ฉันบอกให้เธอหุบปาก หรือว่าที่ไม่หุบเพราะอยากโดนปล้ำ!” เสียงตะคอกของอีกฝ่ายมาพร้อมกับการกระชากร่างเพรียวบางให้กระเด็นเข้าหาตัว ร่างสูงกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามทำให้ร่างนุ่มนิ่มอ้อนแอ้นเจ็บแปลบเมื่อกระแทกเข้าอย่างจัง แล้วทันทีที่ร่างสูงใหญ่สัมผัสได้ถึงความอวบอัดของหญิงสาว สองตาก็ยิ่งพร่าเลือน ยิ่งได้กลิ่นหอมของกายสาว ความต้องการก็ยิ่งมากขึ้นทบเท่าทวี
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ปล่อย!” ร่างเพรียวบางในชุดฟอร์มพนักงานแบบสุภาพขยับดิ้นรนขัดขืนในอ้อมแขนแข็งแรง แรงกอดรัดจากคนร่างสูงทำเอาดาราฉายแทบหายใจไม่ออก เนื้อตัวแทบกลืนหายเข้าไปในร่างเขาจนเจ็บไปหมด หญิงสาวน้ำตาซึมรู้สึกเจ็บใจเพราะทำอะไรไม่ได้ แรงของเธอเท่ามดจะไปสู้ผู้ชายตัวโตกว่าได้อย่างไร
เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกอับจนหนทางเท่านี้มาก่อนเลย ตอนที่ต้องเดียวดายอยู่ข้างถนนเธอยังมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือแต่กลับครั้งนี้หนทางของเธอช่างมืดบอด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผู้มีพระคุณของเธอรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ขอให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้น ไม่อย่างนั้นรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้