๖ ไม่สำคัญ (๑)
๖
ไม่สำคัญ
หนุ่มวิศวกรเริ่มทำงานด้วยการประชุมทีมเพื่อเริ่มทำโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งได้รับมอบหมายทันที เขาใช้เวลากว่าครึ่งวันในการอธิบายงานเพื่อความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนพร้อมทั้งร่างแนวทางในการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางถูกต้อง กำหนดระยะเวลางาน ขอบเขตของการทำงานจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมงจึงได้แยกย้ายกันออกจากห้องประชุม
มือหนากดโทรออกหาสถาปนิกสาวที่อยู่ร่วมห้องทันทีแต่ไม่ว่าจะรอสายนานสักเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับสักนิด เขาเริ่มโมโหที่สถานการณ์กลับเข้าสู่รูปแบบเดิมอีกครั้ง นักรบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ของหล่อนทิ้งเหลือเกินแต่ก็คิดได้ว่าหากทำเช่นนั้นแล้วจะติดต่อกันเช่นไรจึงต้องระงับอารมณ์ที่ปะทุขึ้น พยายามกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
หนุ่มหล่อที่ปกติจะอารมณ์ดีขี้เล่นกลับเงียบขรึมเมื่อเดินผ่านพนักงานทำเอาคนที่กำลังจะทักต้องเงียบปากเอาไว้ ขายาวก้าวไปตามทางเดินก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องของตัวเองที่กว้างขวางสุดด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่การงานและสถานะที่เป็นถึงลูกชายคนเล็กของคุณภราดรผู้ถือครองหุ้นส่วนสูงสุดในบริษัทแห่งนี้
“ได้ ไม่รับใช่ไหม” เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะคลายเนคไทน์ออกเล็กน้อย
ถ้าณภัสสรอยากลองดีกับเขาก็มาลองดูกันสักตั้งว่าใครมันจะชนะในเกมสงครามเย็นเช่นนี้ ริมฝีปากหนายกยิ้มแล้วกดโทรออกหาเจ้าของบริษัทอชิตะ พลีสทันที
“สวัสดีครับคุณชิน ผมนักรบนะครับ” เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากปกติ
‘ครับคุณรบ’ ปลายสายตอบรับทันทีอย่างกระตือรือร้นตามนิสัยของตัวเอง
“ผมว่าจะไปตรวจดูคอนโดของคุณตระการตาครับ ไม่ทราบว่าคุณชินจะอนุญาตให้สถาปนิกไปกับผมสักคนไหม” เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะระหว่างรอคำตอบที่คาดว่าจะพึงพอใจ
‘สถาปนิกที่ดูแลโครงการคุณตระการตาเหรอครับ’ เจ้าของบริษัทที่ยังหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วแล้วได้ยินเสียงเหมือนเดินออกไปข้างนอกพร้อมพูดคุยกับพนักงานปล่อยให้ปลายสายรออย่างใจเย็นเพราะคาดเดาถึงบุคคลที่จะถูกเลือกได้แล้ว
อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้นณภัสสรหรอก
‘สักครู่นะครับ’
“ครับ” เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว รอสักหน่อยเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามความต้องการเหตุใดจะทำไม่ได้เล่า นักรบถือสายขณะที่เหม่อมองไปนอกอาคารสูง
ที่จริงก็ไม่อยากทำแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหญิงสาวเมินสายเขา ไม่ยอมรับสายจนต้องดัดเส้นเสียหน่อย
‘คุณรบจะไปตอนนี้เหรอครับ’
“ใช่ครับ” ตอบเสียงนิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าปลายสายใช้เวลาที่ให้นานเกินไป
‘ถ้าตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยครับ’ ดูเหมือนว่าอะไรจะไม่เป็นอย่างใจเลย ร่างสูงถอนหายใจออกช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปมองนอกหน้าต่าง เห็นนกโผบินไปเป็นฝูงก่อนที่จะมีนกหนึ่งตัวแตกแถวออกมาแล้วบินหายลับไป
“ผมอยากให้คุณณภัสสรไปด้วย ไม่ทราบว่าเขาพอจะสะดวกไหมครับ” เจาะจงทั้งที่ไม่ใช่นิสัยสักนิด ชายหนุ่มรู้ว่าการเอ่ยถึงชื่อเธอย่อมสร้างความสงสัยให้แก่เจ้าของบริษัทอยู่แล้วแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นคนที่ถ้าอยากเจอก็ต้องได้เจอ ไม่สนถึงวิธีการเสียด้วยสิ
‘สะดวกครับ เดี๋ยวผมจะบอกเธอให้ไปเจอคุณที่คอนโดของคุณตระการตาเลยนะ..’ ยังพูดไม่ทันจบก็โดนแทรกเสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปรับคุณณภัสสรอยู่ที่บริษัทดีกว่า บอกให้เธอรับสายผมด้วยนะครับ” ช่วยไม่ได้นะเอม เธอไม่อยากรับสายพี่เองก็ต้องเจอของแข็งแบบนี้แหละ
จัดการทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องพอดีกับที่เลขาจะเอาเอกสารโครงการใหม่ไปให้เซ็นจนต้องหยุดชะงักอยู่ที่เดิม “ผมจะออกไปข้างนอก คงไม่เข้าออฟฟิศ” เดินมาบอกถึงโต๊ะด้วยใบหน้าเคร่งขรึมผิดปกติของคนอารมณ์ดีเป็นนิจ
“ครับ” จะว่าอะไรเจ้านายได้นอกจากตอบรับ
“ถ้าใครถามก็บอกว่าไปดูโครงการคุณตระการตา แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเคลียร์งานแต่เช้า” เลขาหนุ่มรับคำอย่างแข็งขันก่อนจะปล่อยให้เจ้านายเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนจะกดลงไปยังลานจอดรถวีไอพีทันทีไม่ทันเห็นพี่ชายที่เดินมาหาถึงห้อง
คลาดกันไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“นั่น..นักรบใช่ไหม” เขาทันเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของน้องชายยามประตูลิฟต์ปิดเท่านั้นจึงเดินมาหาเลขาของอีกฝ่ายพลางเอ่ยถามไขข้อข้องใจ
“ครับ คุณรบไปดูโครงการคอนโดมิเนียมของคุณตระการตา” ได้ยินก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะโครงการนั้นเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว มอบหมายหน้าที่ให้วิศวกรคนอื่นเพื่อเข้าไปตรวจงานภายในคงไม่ต้องถึงมือหัวหน้าก็ได้
คิดแล้วก็เกิดความสงสัยว่าเหตุใดนักรบจึงไม่ยอมวางมือจากโครงการนี้เสียที
“เขามอบงานให้คนอื่นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไปจัดการเอง” ข้อนั้นแม้แต่คนใกล้ชิดก็ไม่อาจทราบได้
“คุณรบไม่ได้บอกอะไรไว้ครับ” กองทัพยกมือขึ้นกอดอกพลางคิดไม่ตกว่าต้องมีเหตุผลที่ทำให้น้องชายลงไปดูงานด้วยตัวเองเป็นแน่ เห็นทีว่าต้องถามให้กระจ่างเสียแล้วแต่ไม่รู้ว่าวันนี้พ่อตัวดีจะกลับบ้านหรือเปล่าเนี่ยสิ
“ช่างเถอะ ถ้ารบมาให้เขาไปพบผมด้วยแล้วกัน” ตัดใจจะเดินกลับห้องก็ถูกรั้งไว้ด้วยคำตอบที่ยิ่งสร้างความสงสัย
“วันนี้คุณรบไม่กลับบริษัทครับ” คิ้วเขาขมวดเข้าหากันจนแทบชิด ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าน้องชายจะมีความลับเยอะเหลือเกิน บอกให้กลับบ้านก็ไม่ค่อยจะอยากกลับสักเท่าไหร่เหมือนกับช่วงติดแฟนไม่มีผิด..
แฟนอย่างนั้นเหรอ
เขาก็ไม่เห็นว่านักรบจะมีคนข้างกาย คนที่ถูกพูดถึงบ่อยก็มีเพียงณปภาเท่านั้นทว่าน้องก็ไม่ค่อยอยากจะเอ่ยเกี่ยวกับว่าที่คู่หมั้นสักเท่าไหร่ จนกระทั่งใบหน้าหวานของใครบางคนโผล่เข้ามาทำให้กองทัพถึงบางอ้อทันที
บางทีคนที่น้องเขาหลงอาจจะเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เป็นบ้าเป็นหลังจนต้องระเห็จไปเรียนต่อไกลถึงอเมริกาก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงเรื่องก็คงวุ่นวายน่าดูเลย ใบหน้าคมยกยิ้มก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องตัวเอง
เขาเชื่อว่าต่อจากนี้นักรบคงเจอปัญหาไม่ใช่น้อยและมันจะทำให้คนที่คิดว่าตัวเองโตแล้วรู้ว่าที่แท้จริงเด็กแค่ไหนกับเรื่องความรัก..
นักรบพุ่งตัวออกจากบริษัทของตัวเองไปรอณภัสสรที่เดิมกับเมื่อเช้าตอนเขามาส่งเธอ พอรถจอดลงมือหนากำลังจะโทรเข้าเครื่องหล่อนอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นว่าร่างบางเดินมายังรถยนต์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับโกรธจัดจนสามารถเผารถเขาได้ทั้งคันถ้าไม่สนว่ามันราคากว่าสิบล้าน
“ต้องการอะไรกันแน่” เธอถามเขาเสียงเข้มข่มความโกรธเอาไว้ไม่มิด หากมีมีดอยู่กับตัวคงได้แทงไปที่นักรบนับสิบครั้ง
“ถ้าเธอรับสายฉันตั้งแต่ทีแรกก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” เมื่อได้ยินเขาพูดพลางยิ้มอย่างเป็นต่อก็กำมือแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจผู้ชายคนนี้สักนิด เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ถึงทำเรื่องแบบนี้ อยากล้อเล่นกับความรู้สึกหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะให้เขาเล่นจนพอใจ
เล่นจนเบื่อแล้วปล่อยกันไปเสียที
“เถียงไม่ออกเลยเหรอ” เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเงียบไปจึงเอ่ยถามอย่างผู้ชนะ เขายิ้มเพราะเห็นว่าเธอตวัดสายตามองอย่างรำคาญ นักรบตัดสินใจเลื่อนรถออกเพื่อมุ่งไปยังคอนโดมิเนียมของคุณตระการตาอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงงานก็เสร็จหมดแล้วเหลือเพียงตกแต่งภายในซึ่งไม่เกี่ยวกับงานวิศวกรทว่าเขาก็ยังเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อให้อยู่กับณภัสสรจนได้ ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้สักเท่าไหร่นักอันที่จริงก็ไม่เข้าใจมาตั้งต้นว่าเขาจะเข้ามาในชีวิตเธออีกทำไม
เรื่องทุกอย่างมันจบตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว มันควรจบไปแล้ว..แต่เขาก็ยังรื้อฟื้นและดันทุรังอยู่อีกจนแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกดีให้กันด้วยซ้ำ
“ฮัลโหลยาหยี” ระหว่างทางเขาก็รับสายผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักแต่พอจะคุ้นชื่ออยู่บ้าง ถ้าเป็นคนเดียวกับที่คิดน่ะนะ..
“จริงเหรอ ว่างสิเพื่อหยีเราว่างเสมอแหละ” คราวนี้ชายหนุ่มไม่ให้เปิดลำโพงทั้งที่ยังขับรถ เขาสละมือข้างหนึ่งเพื่อถือโทรศัพท์และใช้มือข้างเดียวในการประคองพวงมาลัย ไม่เหมือนเมื่อเช้าที่เปิดเผยบทสนทนาอย่างไม่ปิดบัง
“ได้สิ รถเราว่างเสมอ จะให้เราไปรับไหม” เขาเอ่ยเสียงอ่อนหวานพร้อมทั้งยิ้มทั้งตาจนณภัสสรต้องเบี่ยงสายตาหนี อยากยกมือขึ้นปิดหูไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับผู้หญิงคนอื่นแต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะศักดิ์ศรีค้ำคอ
เขาจะไม่มีทางรู้ว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนกับสถานะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
“ยินดีมากเลยครับ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะ ครับผม ครับ” หลังจากนั้นเขาก็วางสายพร้อมกับฮัมเพลงไปจนถึงคอนโดสูงซึ่งอยู่ในช่วงตกแต่งภายใน เป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่คุณตระการตาจ้างอีกบริษัทไม่ได้ใช้สถาปนิกที่อยู่ในเครือวิจิตร เธอให้โอกาสอชิตะ พลีสในการตกแต่งภายในเพราะถูกใจกับการทำงานแบบมืออาชีพ
แน่นอนว่าณภัสสรคือหนึ่งในทีมงานแต่เธอไม่ได้เป็นคนดูแลคอนโดแห่งนี้เพราะคุณชินกรมอบหมายให้พี่เกริก หรือเกริกพลรับงานนี้ไป หญิงสาวแค่ช่วยเหลืออยู่ห่างๆ เท่านั้นตามแต่ที่เกริกพลจะสั่งให้ทำ จนกระทั่งวันนี้ที่ได้ฉายเดี่ยว
ไม่ใช่สิ เธอมาพร้อมกับวิศวกรที่ไม่ได้มีหน้าที่ในงานนี้แล้วด้วยซ้ำ
ไม่รู้จะโทษโชคชะตาหรือฟ้าที่ลิขิตให้คุณตระการตาเลือกใช้งานบริษัทอชิตะ พลีสและบริษัทวิจิตร จำกัด(มหาชน) ให้ร่วมงานกัน ถึงมันจะเป็นผลดีต่อบริษัทที่เพิ่งก่อร้างสร้างตัวที่จะได้โชว์ผลงานก็ตาม แต่เหตุใดจะต้องโคจรมาพบกับนักรบด้วยทั้งที่หนีหน้าได้กว่าเจ็ดปี คิดว่าแผลที่ตกสะเก็ดหายแล้วด้วยซ้ำ
จนวันที่เจอเขาอีกครั้งเธอจึงได้รู้ว่าแผลมันไม่เคยหายไปเลย รอเพียงคนสะกิดก็พร้อมจะเจ็บดังเดิม ถึงจะเพียรรักษานานแค่ไหนก็ตาม
“ไม่ลงเหรอครับ หรือต้องให้อุ้มลง” เห็นว่าร่างบางยังนั่งอยู่ที่เดิมเลยเอ่ยถามจนหล่อนต้องรีบลงจากรถก่อนจะปิดประตูเสียงเบาทั้งที่ใจจริงอยากปิดแรงๆ ด้วยซ้ำ
เขาเดินนำเธอเพื่อไปตรวจอาคารภายในจนวิศวกรที่รับงานมาต้องไหว้เจ้านายที่ไม่ได้บอกกล่าวว่าจะเข้ามาดูงาน นักรบจริงจังจนณภัสสรที่แอบชำเลืองมองเขาอดชื่นชมไม่ได้ ยามที่ทำงานชายหนุ่มก็ทุ่มสุดตัว ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดก่อนที่หล่อนจะหันไปทำส่วนงานของตัวเองบ้าง
อันที่จริงแบบร่างภายในก็ส่งหมดแล้ว มีเพียงต้องจัดตามแบบเท่านั้นอีกเพียงสิบเปอร์เซ็นก็คงแล้วเสร็จสำหรับห้องตัวอย่าง ส่วนห้องอื่นยังคงเป็นห้องโล่งให้ผู้เข้าพักเลือกว่าต้องการจัดแบบห้องตัวอย่างหรือตกแต่งเองราคาก็จะต่างกัน
“ป่ะ” ยังไม่ทันจะครบชั่วโมงชายหนุ่มก็เข้ามาจูงมือหล่อนให้เดินออกไปพร้อมกัน ทำเอาคนที่จริงจะพูดคุยงานต้องเก็บของที่มีลงกระเป๋าแล้วเดินตามแรงจูงของชายหนุ่มทันที
ถึงเธอจะสูงกว่าร้อยเจ็ดสิบแต่ก็ยังก้าวไม่ทันชายหนุ่มที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบอยู่ดี ตอนเด็กเขากินนมไปกี่ลิตรกันถึงได้สูงยาวขนาดนี้ หุ่นนายแบบจนเผลอคิดว่าถ้าเขาเข้าวงการคงรุ่งกว่านี้ แต่ที่จริงถึงไม่ได้อยู่ในแวดวงบันเทิงนักรบก็มีชื่อติดในโผหนุ่มที่สาวหมายปอง
ด้วยพ่อที่เป็นถึงประธานบริษัทใหญ่ แม่เป็นอดีตดาราที่สวยสง่าถึงทุกวันนี้ มีพี่ชายที่หล่อเหลาไม่ต่างกัน อีกอย่างคือเขายังโสดแต่ไม่สนิทเพราะมีคู่หมายเป็นถึงดาราดังนามณปภา..พี่สาวของเธอนั่นเอง
คิดมาถึงตรงนี้ก็อดตื้อในอกไม่ได้ พยายามหลีกหนีความจริงว่าผู้ชายคนนี้คือว่าที่พี่เขยแต่ก็ไม่อาจทำได้เลยเพราะมันตามหลอกหลอนหล่อนอยู่ทุกเวลา นักรบไม่ใช่ชายหนุ่มตัวเปล่าเหล่าเปลือย กลับกันคือเขามีคนที่เหมาะสมคู่ควรอยู่แล้ว
เธอควรจะถอยห่างแต่ก็ไม่อาจทำได้เสียที พยายามเข้าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายยามหลับก็ไม่ได้ผล เขาซ่อนมันไว้ที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ อันที่จริงเธอถอดรหัสมือถือของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแม้จะพยายามมานานหลายเดือนก็ตาม
“แวะซื้อของไปทำอาหารก่อนแล้วกัน” ขึ้นมาบนรถได้สักครู่เขาก็บอกเสียงนิ่งส่วนเธอก็แค่ตอบรับในลำคอ ถึงปฏิเสธไปก็เท่านั้นคนเอาแต่ใจก็ยังคงทำอะไรตามแต่ใจตัวเองอยู่ดี สู้เธอเฉยดีกว่าจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันให้เหนื่อยเปล่า
เมื่อถึงโลตัสใกล้ที่พักเขาก็แวะเข้าไปซื้ออาหารสดพร้อมกับณภัสสรโดยแน่นอนว่าคนที่เลือกต้องเป็นหญิงสาวหากให้นักรบเลือกก็คงได้ของหลากหลายที่ไม่ถูกตามความต้องการ
“อยากกินอะไร” เขาเข็นรถตามร่างบางแล้วมองอีกฝ่ายเลือกเนื้อสัตว์อย่างพิจารณาก่อนจะหันมาถาม
“แล้วแต่เลย” เขาไม่เรื่องมากในการกิน ทำอะไรให้ก็กินได้หมดจนคนถามต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
เธอเลือกซื้ออกไก่และส่วนน่องไก่ค่อยซื้อเนื้อหมูสันนอก พร้อมกับกุ้งและปลาหมึกสดไว้สำหรับทำอาหารทะเล ไปโซนฝักก็เลือกหมวดหมู่กลางๆ ที่สามารถทำได้ทุกเมนูค่อยเดินไปซื้อเครื่องปรุงที่ในห้องหมดแล้ว