๕ ไม่มีสิทธิ์ (๑)
๕
ไม่มีสิทธิ์
หนุ่มวิศวกรขับรถกลับบ้านด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาขึ้นไปบนห้องแล้วหยิบกุญแจรถที่จอดอยู่ชั้นใต้ดินก่อนจะอ้อมไปทางหลังบ้านแล้วเปิดประตูเลื่อนที่ทำจากเหล็กอย่างดีด้วยรีโมท มันค่อยๆ เลื่อนออกเผยให้เห็นรถยุโรปสีสันสดใสเรียงกันกว่าสิบคัน และราคาแต่ละคันนั้นไม่ต่ำกว่าสิบล้าน
ในอดีตนักรบเคยชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แต่เพราะโตขึ้นทำให้เขาเปลี่ยนความสนใจหันไปชอบรถยนต์ที่มีความเร็วไม่ต่างกัน อันที่จริงรถพวกนี้ก็ไม่ใช่ของเขาคนเดียวหรอก เป็นของพ่อและพี่ชายซะส่วนใหญ่ทว่าไม่ค่อยมีเวลาขับคนเป็นน้องจึงได้โอกาสแอบเอาไปใช้โดยไม่ให้ทั้งสองคนรู้
ร่างสูงก้าวเข้าไปยังแลมโบกินี่สีแดงสดก่อนจะเปิดด้วยรีโมทแล้วค่อยขับออกไป เสียงรถค่อนข้างเบาทำให้คนในบ้านแทบไม่ได้ยิน เส้นทางจากบ้านไปสนามแข่งรถไกลพอสมควรกว่าจะถึงก็กินเวลาไปสองชั่วโมงทำเอาคนขับหัวเสียกว่าเดิม
เวลาบ่ายที่แดดส่องแสงแรงจ้าขนาดนี้ทำให้สนามไม่ค่อยมีผู้คน เขาจอดรถไว้ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อป้องกันตัวเองแล้วลงสนามพร้อมด้วยแลมโบกินี่ลูกรัก ชายหนุ่มคิดว่าความเร็วอาจทำให้แผลสดใหม่สมานเข้าหากันก็ได้
และเมื่อเริ่มออกตัวนักรบก็เหยียบคันเร่งเต็มที่ไปตามแรงอารมณ์ เสียงล้อบดกับถนนสร้างความตื่นเต้นให้กับคนที่มานั่งดูข้างสนามซึ่งมีเพียงสามสี่คนเท่านั้น ร่างสูงหักเลี้ยวอย่างชำนาญจนคนมองตามพากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพแสนประทับใจเอาไว้
ความสามารถของคนขับและเจ้าเครื่องยนต์สีสันสดใสเรียกความสนใจจากรอบข้างได้เป็นอย่างดี จนหลายคนส่งเสียงเชียร์แต่หนุ่มที่อารมณ์ร้อนไม่อาจได้ยิน ในหัวของเขามีแต่คำว่าไม่รักอยู่เต็มไปหมด เขาไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดณภัสสรถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ทั้งๆ ที่เรื่องของเราทำท่าว่าจะไปด้วยดี
ทุกอย่างสวยงาม ตอนเช้าเธอพูดคุยกับเขาอย่างมีความสุขแต่ตกเย็นกลับเปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน
มันเพราะเหตุใดกัน
ไม่ว่าจะคิดทบทวนสักเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบของคำถามนั่น เขาเลยเลิกคิดแล้วดำเนินต่อแผนการที่วางเอาไว้ ถึงเธอจะอยากไปจากเขามากเท่าไหร่แต่วันนั้นมันจะไม่มาถึงแน่นอน
เธอจะต้องอยู่ในกำมือของเขาตลอดไป..
“ครับพี่ทัพ” เมื่อขับรถคลายความเศร้าแล้วเขาก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะรับโทรศัพท์จากพี่ชายโดยปราศจากน้ำเสียงล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง
‘แม่บอกให้กลับมากินข้าวที่บ้าน’ ช่วงนี้คุณเปมิกาชอบนัดกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งที่ลูกทั้งสองยุ่งกับงาน อาจเพราะอายุที่มากขึ้นไม่รู้ว่าจะสิ้นวันไหนจึงอยากจะเห็นครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาจนคุณพ่อต้องคอยย้ำว่าเราจะอยู่ไปอีกนาน
“ครับผม” วางสายพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมความรักถึงทำให้เรี่ยวแรงที่เคยมีหดหายขนาดนี้ มันควรจะมีความสุข สดชื่นเบิกบานไม่ใช่เหรอ
หรือว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้เรียกว่าความรัก..แต่มันคือความเห็นแก่ตัวของเขาที่ต้องการจะเก็บณภัสสรเอาไว้เพียงผู้เดียว ทั้งที่เธอไม่อยากอยู่ด้วยเลยสักนิด คิดแล้วก็ปวดใจจนต้องทุบผนังห้องแล้วเดินออกไปยังรถยนต์ของตัวเอง
“สวัสดีค่ะ พอจะมีเวลาคุยด้วยกันสักหน่อยไหมคะ” ก่อนจะถึงรถหรูก็มีสาวรูปร่างเย้ายวนเดินมาตัดหน้าเสียก่อนจนเขาต้องหยุดเท้าไว้
“อืม.. เวลามันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องที่คุณอยากจะคุยเป็นเรื่องอะไร” แววตาคมฉายความกรุ่มกริ่มจนหล่อนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“แล้วถ้าเป็นเรื่องคืนนี้ที่ฉันว่างพอจะอยู่กับคุณได้ทั้งคืนล่ะคะ” ตรงประเด็นจนนักรบต้องหัวเราะเสียงดัง
“น่าสนใจมากเลยนะครับ” เขาทำท่าคิดไปครู่หนึ่ง
“แต่คืนนี้ผมดันไม่ว่างซะด้วยสิ ถ้ายังไงขอตัวนะครับ” คนได้รับคำปฏิเสธยืนอ้าปากค้างมองแผ่นหลังกว้างที่เดินเลี่ยงไปอย่างไม่ยอมแพ้ หล่อนก้าวไปคว้าแขนเขาเอาไว้รู้ทันทีว่าถึงร่างสูงจะเจ้าชู้แต่ก็ไม่ใช่คนเอาไม่เลือก
“ถ้าไม่ว่าง แนนซี่ขอไลน์ได้ไหม เผื่อว่าคุณว่างเวลาอื่น” ยังคงตื้อไม่เลิกจนร่างสูงมองด้วยความสงสาร เขายื่นมือไปเป็นการบอกว่าคำขอของเธอได้รับการอนุญาต
หล่อนดีใจจนเนื้อเต้นรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าพลางยื่นให้เขาด้วยความเร็ว ชายหนุ่มกดอักษรภาษาอังกฤษให้เธอแล้วยื่นกลับพลางขยิบตาเป็นการโปรยเสน่ห์
“แล้วผมจะรอนะครับ” ว่าจบก็เดินไปยังรถคันหรูก่อนที่เพื่อนของสาวใจกล้าจะกรูเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“ขอฉันดูไลน์ของหนุ่มหล่อหน่อยสิ” เพื่อนยื่นหน้ามาหวังดูชื่อไลน์ของเขาแต่ร่างบางกลับปิดเอาไว้ทันทีพร้อมเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยังไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใครแต่ดูจากหน้าตาและรถที่ขับคงเป็นคนมีฐานะอย่างแน่นอน
หากได้ควงคงสามารถเชิดหน้าชูตาให้เหนือเพื่อนในกลุ่มได้ไม่น้อย
นักรบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดโทรหาคนที่โดนขังอยู่ในเพ้นเฮ้าส์ เขารู้ดีว่าเธอจะไม่ไปไหนเพราะได้บอกยามเอาไว้แล้วว่าห้ามให้ณภัสสรออกจากคอนโดแห่งนี้ หากเธอออกไปได้เขาจะแจ้งเรื่องกับฝ่ายบุคคลทันทีซึ่งผู้รักษาความปลอดภัยก็รับคำอย่างแข็งขัน
ยามที่ได้ยินเสียงรอสายหัวใจเขาก็เต้นเร็วขึ้น เกรงว่าเธอจะไม่รับหรือตัดสายไปจนในที่สุดก็ได้ยินเสียงปลายสายเอ่ยทักทาย
‘มีอะไร’ แม้เป็นเพียงคำสั้นๆ เขาก็ยกยิ้มอย่างดีใจที่หล่อนไม่เมินกันทั้งที่เมื่อสักครู่ปะทะคารมกันอยู่แท้ๆ
“ฉันจะกลับค่ำ คืนนี้นอนที่ห้องฉันห้ามกลับก่อน ถ้าเธอไม่อยากให้เรื่องของเราไม่เป็นความลับ..” พูดไม่ทันจบณภัสสรก็ตัดสายทันทีจนเขาต้องโทรกลับไปหาอีกรอบ รอนานกว่าเธอจะรับสายแล้วตะโกนใส่เขาด้วยโทนเสียงนิ่ง
‘รู้แล้ว ไม่ต้องโทรมาหลายรอบ’ หล่อนปิดสายไปและคาดว่าจะปิดเครื่องเพราะเมื่อโทรไปอีกครั้งก็มีเสียงผู้หญิงบอกว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ
เขายิ้มมุมปากทันที ดีแล้วที่เธอปิดโทรศัพท์มันทำให้เบาใจไปได้ว่าจะไม่มีใครได้คุยกับเธอระหว่างที่เขาไม่อยู่ด้วย รถคันหรูเคลื่อนไปตามท้องถนนไม่สมกับสมรรถภาพสักนิดเนื่องจากรถติด เขาขัดใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดเพลงฟังเสียงดังดับอารมณ์ขุ่นมัว
ณปภาคุยเรื่องภาพยนตร์ที่รับเล่นกับผู้กำกับชื่อดังพร้อมนักเขียนบทมือทองที่ไม่ว่าจะทำเรื่องไหนก็ดังทุกเรื่อง มีรายได้กว่าร้อยล้านจนหล่อนเนื้อเต้นยามรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับนักเขียนคนนี้ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังเกี่ยวกับบท
“ส่วนพระเอก..” คุยกันมาได้สักพักก็เอ่ยถึงพระเอกที่จะมาร่วมงานก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาภายในร้านอาหาร
“อ้าว มาพอดีเลย” เธอเหลียวหลังไปมองคนมาใหม่ก่อนเผยอปากเล็กน้อยด้วยอาการตกใจ ใครจะคิดว่าพระเอกที่มาแสดงคู่กันจะเป็นคนที่เพิ่งเจออยู่ห้างสรรพสินค้าเมื่อสักครู่นี้เล่า!
โลกจะกลมเกินไปแล้ว
“ขอโทษที่มาสายนะครับ พอดีรถติด” เป็นเหตุผลที่เข้าใจกันอย่างดี พระเอกหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วหันมามองคนที่นั่งข้างๆ ก็พบว่าเป็นคนที่ตัวเองเพิ่งเจอจึงยิ้มอย่างดีใจ
“อ้าวคุณณปภา สวัสดีครับ” หล่อนค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพราะเคยคิดว่าชายหนุ่มเป็นแค่ดาราหน้าใหม่โนเนม ถึงจะหล่อแต่ก็ไม่ค่อยจะอยากเสวนาด้วยสักเท่าไหร่กลัวอีกฝ่ายจะมาเกาะเพื่อสร้างกระแส
“รู้จักกันไว้นะ ต้องเล่นหนังที่ค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัวน่ะ” ได้ฟังอย่างนั้นร่างเล็กก็ยิ้มแหย งานก็คืองานไม่ว่าจะยากหรือลำบากแค่ไหนถ้าผู้กำกับสั่งก็ต้องทำให้ได้
“เดี๋ยวพี่จะให้อ่านบท” นักเขียนยื่นบทภาพยนตร์ให้นักแสดงนำได้อ่าน สายตาเธอไล่ตามทุกบรรทัด ในภาพยนตร์นี้เธอได้เล่นเป็นนางฟ้าที่ตกสวรรค์เพราะเล่นกับเพื่อนจนตกลงมาโลกมนุษย์ที่ไม่คุ้นเคย มีพระเอกเข้ามาช่วยสอนเรื่องราวต่างๆ ให้ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกจะกลับไปยังสวรรค์ทิ้งความรักบนโลกมนุษย์อยู่ดี
“จริงๆ บทยังไม่จบนะ แต่พี่จะเอาตอนสุดท้ายไว้ให้พวกเราอ่านวันเล่นจริงเลย” ณปภาแทบน้ำตาร่วงตอนที่อ่านบทสุดท้ายที่นางฟ้าเลือกจะกลับโลกของตัวเองแทนการอยู่โลกมนุษย์
ถ้าเป็นเธอจะเลือกอยู่กับคนที่รัก พอได้ยินว่ายังไม่จบก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“เดี๋ยวจะนัดวันมาเวิร์คชอป” รายละเอียดต่างๆ ถูกพูดคุยกันอย่างสบายจนกระทั่งผู้ใหญ่ทั้งสองขอตัวกลับนักแสดงจึงลุกขึ้นไปส่งที่หน้าร้าน โบกมือลากันเรียบร้อยณปภาก็เตรียมเรียกคนขับรถของที่บ้านมารับเพราะไม่ชอบที่จะขึ้นแท็กซี่หรือขนส่งสาธารณะ
“คุณพลูจะกลับยังไงครับ เอ่อ ผมเรียกชื่อเล่นได้ใช่ไหม” หล่อนอยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่าเขาควรจะเอ่ยประโยคขออนุญาตมาก่อนไม่ใช่หรือ เรียกชื่อขนาดนี้จะให้ปฏิเสธได้อย่างไรเล่า
“ค่ะ เรียกตามสบายเลย” อีกฝ่ายยิ้มอย่างพึงพอใจ
“แล้วตกลงคุณกลับยังไงครับ”
“ฉันจะให้คนรถที่บ้านมารับค่ะ” ตอบกลับพลางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแต่เขากลับแย่งมันไปเสียก่อนจนหล่อนต้องมองตาขวาง
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมว่ากว่าคนรถของคุณจะมาอาจต้องรอสามถึงสี่ชั่วโมง ทางที่ดีให้ผมไปส่งนะครับ” เป็นประโยคที่เธอได้ยินบ่อยสุดยามมีดาราจะเข้ามาจีบ บางคนก็ขอเบอร์ ขอช่องทางการติดต่อ แต่เพิ่งเคยเห็นคนที่พบกันครั้งแรกแล้วจะขอไปส่งบ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
“ผมบริสุทธิ์ใจนะครับ คุณอาจจะคิดว่าผมคิดไม่ดีกับคุณทั้งที่เจอกันครั้งแรกแต่อาสาไปส่งบ้านแล้ว” ราวกับนั่งอยู่ในใจเพราะหญิงสาวคิดอย่างนั้นจริงดังที่เขาเอ่ยมา
“ผมก็แค่อยากทำความรู้จักกับคุณเอาไว้เพราะยังไงเราก็ต้องเล่นหนังด้วยกัน ต้องเจอกันไปอีกสักพักเลยนะครับ” หล่อนนิ่งคิดตามที่อีกฝ่ายกล่าว มันก็จริงอย่างที่ว่า ยิ่งการเล่นภาพยนตร์ต้องใช้ความสมจริงค่อนข้างสูง แววตาและอารมณ์ต้องสื่อออกมาให้ใกล้ความจริงมากที่สุด ไม่ต้องเล่นใหญ่เหมือนละครในโทรทัศน์ พูดได้ว่าต้องเล่นน้อยแต่ตราตรึงใจผู้คน
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะคะ” ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวจนตาเป็นสระอิ
“ยินดีครับคุณผู้หญิง” เขาเดินนำไปที่รถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศก่อนจะเปิดประตูให้เธอราวกับทำเป็นเรื่องปกติ ณปภาเอ่ยขอบคุณเขาเสียงแผ่วแล้วขึ้นไปนั่งบนรถได้กลิ่นหอมของเจลปรับอากาศเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ชอบพอดี
ช่างเหมาะเจาะอะไรขนาดนี้
“บอกทางด้วยนะครับ เดี๋ยวผมพาหลง” ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าที่แววตาคมมักจะส่งความหวานมาให้ตลอดเวลาจนใบหน้าหล่อนเริ่มแดง
เขาหล่อ..ข้อนั้นใครต่างก็รู้ดี แต่นอกเหนือจากนั้นชายหนุ่มยังสุภาพทั้งยังอ่อนโยนอีกด้วย ใครบ้างเล่าจะไม่หลงใหล จนเธอต้องย้ำเตือนตัวเองว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วไม่ควรสนใจผู้ชายคนอื่นแม้ว่าเขาจะน่าปรารถนามากก็ตาม
ณภัสสรถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าขณะที่นั่งมองท้องอยู่ห้องรับแขก ห้องที่เธอกำลังนั่งอยู่ตอนนี้บุผนังด้วยกระจกจึงสามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมืองหลวง ดวงตาหวานแฝงแววเศร้าดูนกที่โผบินอย่างอิสระก็นึกอิจฉาในขณะที่เธอทำได้เพียงอยู่ในห้องที่ถูกปิดตาย
จะออกไปก็ไม่ได้เพราะมีโซ่คือคลิปเสียงล่ามเอาไว้ไม่ให้โบยบินไปไหน หล่อนยกขาขึ้นมานั่งชันเข่าบนโซฟาแล้วเอาไว้ก่อนซบหน้าลงปล่อยน้ำตาให้ไหล ตอนไหนความทรมานจะสิ้นสุดเสียที เท่านี้เธอยังเจ็บไม่พออีกหรือ
เจ็ดปีที่คิดว่าจะลืมแต่ก็ทำไม่ได้เสียที แม้จะเรียนหนักหรือทำงานอย่างหักโหมมากเพียงไร ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มมาให้เธอก็มักจะลอยวนเวียนในหัวอยู่ทุกที ยากจะลืมเลือนกับรักครั้งและเขายังเป็นคนแรกที่เธอมอบกายให้เชยชมตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำ
หึ..ช่างเป็นเด็กใจง่ายเสียจริง
ผลตอบแทนมันจึงเป็นการโดนหักหลังอย่างไรเล่า ไม่มีรักแท้ในหมู่ชายเจ้าชู้หรอก เขาแค่เห็นหล่อนเป็นของเล่นก็เท่านั้น
ของเล่นที่ไม่ว่าจะเรียกเมื่อไหร่ก็พร้อมไปหาเสมอ
ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ก่อนจะลุกขึ้นไปทำอาหารเผื่อเจ้าของห้องจะกลับมากิน เธอเลือกทำเมนูง่ายๆ สองสามอย่าง มีไข่พะโล้ของชอบนักรบ ทอดมันปลากรายที่เหลือติดตู้เพียงเล็กน้อยกลัวว่าจะเสียจึงเอามาทำให้หมด และผัดผักรวมมิตรซึ่งเป็นผักเหลือจากครั้งก่อนทั้งสิ้น
เมื่ออาหารเรียบร้อยร่างเล็กก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงซื้อตู้เสื้อผ้ามาสำหรับให้เธอใช้โดยเฉพาะ คราวแรกก็ค้านหัวชนฝาแต่มีหรือที่หนูจะสู้ราชสีห์ได้ จำต้องยอมให้เขาทำตามใจชอบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หรือแท้จริงเธอก็อยากใช้ชีวิตกับเขากันนะ..
ส่ายศีรษะเมื่อคิดเช่นนั้นก่อนจะรีบสวมเสื้อผ้า ถึงจะรักเขามากเพียงใดก็ไม่อาจลืมได้ว่านักรบคือว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวที่ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามด้วย เธอไม่ควรไปแทรกกลางไม่อย่างนั้นคุณแม่คงได้อาละวาดบ้านแตกแน่ที่ลูกชังแย่งสามีของลูกรัก