บท
ตั้งค่า

๔ อดีตที่คิดถึง (๑)

อดีตที่คิดถึง

“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อมาถึงฟู้ดคอร์ทแรงที่จับมือก็คลายลงทำให้หล่อนสะบัดมือเขาหลุดก่อนจะถูกร่างสูงกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ด้านในแล้วตัวเองนั่งข้างๆ เพื่อเป็นการปิดทางออกจนใบหน้าหวานบูดบึ้งรู้สึกขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนตกเป็นรองทุกเรื่อง

ใบหน้าคมยกยิ้มก่อนจะจิ้มแก้มนิ่มเมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังทำหน้าบึ้งจนแก้มป่อง อันที่จริงอยากกดจมูกลงดอมดมความหอมก็ต้องอดใจเอาไว้ ค่อยไปทำที่ห้องตอนนี้ทำได้แค่มองก่อนหล่อนจะตวัดสายตาหันมาจ้องอย่างเอาเรื่อง

“มองอะไรนักหนา”

“มองคนสวย ทำไมสวยขึ้นทุกวันเลยล่ะ” พูดจริงไม่ได้ยกยอป้อปดแต่อย่างใด เมื่อก่อนณภัสสรเป็นเพียงเด็กหญิงรูปร่างผอมแห้ง หน้าตาไม่ได้เด่นสะดุดตาทั้งยังสวมแว่นหนาอีกต่างหาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปลูกเป็ดก็กลายร่างเป็นหงส์สง่างาม

เธอเพียบพร้อมไปหมดเสียทุกอย่างจนเขากลัวว่าจะมีผู้ชายเข้ามาหาและแย่งเธอไปจากตัวเอง จนต้องเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา

“หนูจะกินอะไรคะ พี่เลี้ยงเอง” มือหนาวางบนพนักเก้าอี้ของหล่อนเหมือนเป็นการโอบกลายๆ

“ไม่กิน ไม่หิว”

“ไม่อยากกินข้าว หรืออยากกินพี่” คร้านจะคุยกับคนที่เอาแต่พูดจาสองแง่สองง่ามจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วเดินออกไปปล่อยให้เขามองตามแผ่นหลังบางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ การทำให้ณภัสสรหัวเสียคืองานอดิเรกของนักรบเขาล่ะ

“รอพี่ด้วยสิ” มองจนพอใจค่อยเดินตามไปแต่ขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มแสนหวานของณภัสสรยามที่คุยโทรศัพท์

ใบหน้าคมหยุดนิ่งกับที่ทั้งที่ห่างกับเธอไม่มาก ดวงตากลมโตสุกสกาวยิ่งกว่าเดือนดาราบนท้องฟ้า ทุกคราหล่อนจะเงียบยามอยู่ด้วยกันแต่ตอนนี้กลับเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง ความห่างที่เพียงก้าวเดียวก็จะถึงกลับรู้สึกเหมือนห่างออกไปอีกเรื่อยๆ แม้จะใกล้เท่าไหร่ก็ไม่ได้แตะตัวเธอสักที

“จะกลับมาแล้วเหรอ ให้เราไปรับไหม” คนที่เดินผ่านไปมาชนเข้าที่ไหล่ของนักรบจนตัวเซแต่เขาก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่มองหญิงสาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามคุยกับคนทางไกล

“คิดถึงสิ คิดถึงมากๆ เลย อยากเห็นหน้า อยากเห็นตัวจริงจะแย่อยู่แล้ว” หล่อนหันหลังให้เขากำลังจะเดินออกไปจากที่ตรงนี้อาจเพราะคนเยอะทำให้ได้ยินปลายสายไม่ชัด

และนักรบก็ไม่รอช้ารีบเดินไปจับแขนเล็กเอาไว้ก่อนจะแย่งโทรศัพท์มากดตัดสายอย่างรวดเร็วโดยหางตามองชื่อของปลายสาย ‘ชายพีร์’ ชื่อที่เขาจำไม่มีวันลืมเพราะคือสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องระหกระเหินไปไกลบ้านห่างเมือง

รพี ศักดินารังสรรค์

คุณชายที่เพียบพร้อมทุกด้านทั้งฐานะ หน้าตา ชาติตระกูลอันสูงส่ง พ่อทำงานเป็นท่านทูต พี่ชายเป็นคุณหมอฝีมือดี น้องสาวกำลังเรียนรัฐศาสตร์สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้...

ไม่แปลกที่เราจะสืบประวัติของศัตรู...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอทั้งดวง

“มีสิทธิ์อะไรมากดวางสาย” หันไปมองด้วยแววตากรุ่นโกรธไม่ต่างจากร่างสูงที่นิ่งเช่นเดียวกันแล้วแย่งโทรศัพท์ของตัวเองกลับมา

“จะถามหาสิทธิ์เหรอ ได้ ก็สิทธิ์ของ..ผัวไง” เอ่ยอย่างเป็นต่อจนคนฟังกำมือแน่นทั้งโกรธและอับอายกับสถานะนั้น

ที่เป็นได้แค่คนในความลับของเขา

“คนอย่างนายมันน่าขยะแขยงที่สุด” เขาแสยะยิ้มแล้วก้าวเข้ามาหาเธอมากกว่าเดิมแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ

“แล้วเธอต่างจากฉันตรงไหน มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนน่าขยะแขยงอย่างฉันได้ล่ะ”

ใช่...ณภัสสรมีแฟนแล้ว ก็ผู้ชายคนนั้นอย่างไรเล่า

รพีลูกท่านทูตนั่นแหละ

เขารู้ทุกอย่างมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าทั้งสองเพิ่งคบกันแต่มันกินเวลามาเนิ่นนานเหลือเกิน ตั้งแต่มัธยมจนเรียนจบความสัมพันธ์ที่ของทั้งคู่ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

แต่มันกำลังจะไม่เหมือนเดิม เพราะเขาจะทำลายความรักคนคู่นั้นเอง

“ฉันเกลียดนาย” เธอฟาดมือใส่ใบหน้าคมจนหันไปอีกทาง ก่อนแก้มขาวจะขึ้นรอยสีแดงเป็นมือทั้งห้านิ้ว ร่างบางเดินหนีทันทีไม่อยากแม้แต่จะมองใบหน้าคมกระทั่งเห็นณปภาเดินมาทางนี้จึงรีบสูดลมหายใจเรียกกำลังใจค่อยเดินไปหาพี่สาว

นักรบยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ใช่ว่าอับอายหรือเจ็บใบหน้าแต่อย่างใด ทว่าหัวใจกลับปวดหนึบด้วยถ้อยคำรุนแรงที่เธอบอกออกจากปาก ทั้งแววตาแสนเกลียดชังจนแทงทะลุหัวใจ มันชาไปทั่วร่างทั้งที่ได้ยินบ่อยแต่ครานี้กลับต่างออกไป

เพราะเหมือนเธอพูดออกมาจากใจจริงไม่ใช่กล่าวส่งๆ อย่างที่ผ่านมา ทุกคนที่เดินผ่านหันมามองเขาเป็นตาเดียวทั้งสงสาร และเกิดความสงสัยว่าเหตุใดหนุ่มหล่อจึงโดนตบเสียหน้าหันขนาดนั้น

“หายไปไหนมา” ณปภาถามน้องสาวพลางยื่นของให้ถือทั้งที่เป็นของตัวเองทั้งนั้น

“มาหาอะไรกินค่ะ” ตอบแล้วหลบสายตาคมดุของพี่สาว

“อ้อ แสดงว่าการมารอพี่เลือกของมันเหนื่อยมากสินะ คราวหลังไม่ต้องก็ได้ พี่สงสาร” ถึงคำพูดจะสวยหรูแต่แววตาของอีกฝ่ายกลับทำให้รู้สึกเหมือนโดนประชดจนต้องกลืนน้ำลายลงคอไม่ตอบโต้กลับไปให้เกิดเรื่อง

“แล้วรบล่ะ” กวาดสายตาหาร่างสูงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายเดินมาด้านหลังของตัวเอง พลันใบหน้าก็แย้มยิ้มให้ชายหนุ่มทันที

“ไปไหนมาคะ”

“ผมคุยกับเพื่อนแล้วพอดีปวดท้องก็เลยไปเข้าห้องน้ำนานหน่อย ขอโทษทีนะ” ว่าพลางเดินไปโอบไหล่เล็กของนักแสดงสาวไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของคนที่ทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยซ้ำและณภัสสรก็ไม่ได้สนใจเพราะเอาแต่ก้มมองพื้นเช่นเดียวกัน

“ตายแล้ว หน้ารบไปโดนอะไรมา” เมื่อเห็นใบหน้าคมที่มีรอยนิ้วทั้งห้าประดับอยู่ทำเอาดาราสาวตกใจร้องเสียงหลง

“พอดียุงกัดหน้าเราเลยตบน่ะ แต่ตบแรงไปหน่อยเลยเป็นรอยแบบนี้” เหตุผลของเขาฟังดูไม่ขึ้นเพราะขนาดมือบนหน้าเล็กกว่ามือของเขาเกือบเท่าทว่าณปภาก็ไม่ได้ซักถามอะไรพยักหน้าพลางยกมือขึ้นจับรอยแดงด้วยแววตาสงสาร

“เจ็บมากไหมคะ กลับกันดีกว่าเดี๋ยวพลูจะไปทายาให้” ว่าแล้วก็ควงแขนเขาเดินไปที่จอดรถโดยมีณภัสสรตามห่างๆ

ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงพี่สาวชวนหนุ่มวิศวะคุยไม่ขาด มีบางคนที่หันมาเห็นดาราคนสวยก็แอบถ่ายรูปซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้อาจเป็นข่าวเรื่องหนุ่มนิรนามของณปภา

นักรบทำราวเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำเหมือนกับณภัสสรไม่มีตัวตนอยู่บนรถเลยด้วยซ้ำ เขาพูดคุยกับว่าที่คู่หมั้นสาวอย่างสนุกสนานก่อนเสียงโทรศัพท์ของหล่อนจะดังขึ้นขัดบทสนทนาที่กำลังลื่นไหล

“ว่าไงคะพี่ตุ๊ก” คนน้องนั่งอยู่ข้างหลังโดยมองออกนอกหน้าต่างตลอดเวลา ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ควรออกไปจากที่ตรงนี้นานแล้วด้วยซ้ำ

“ตอนนี้เหรอคะ ได้ค่ะ เดี๋ยวพลูจะรีบไป ค่ะ สวัสดีค่ะ” วางสายด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาสารถีขับรถสุดหล่อ

“รบคะ พอดีพี่ตุ๊กอยากคุยเรื่องบทหนังกับพลูตอนนี้ ไปส่งพลูหน่อยนะคะ” บอกด้วยความตื่นเต้นเพราะตั้งแต่เข้าวงการมาเธออยู่บนจอแก้วมาตลอดไม่เคยโลดแล่นอยู่บนจอเงินเลย จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้เล่นหนังครั้งแรก

“ได้สิ ที่ไหนเหรอ” บอกชื่อตึกใหญ่ของบริษัทบันเทิงชื่อดังซึ่งมีหลากหลายแขนง ทั้งจอแก้วจอเงิน และเพลงหลายแนวให้คนฟังได้เลือกตามความชอบ ถือเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ในวงการที่มีคนต้องการร่วมทำงานด้วยมากที่สุด

รถเลี้ยวเข้าจอดพร้อมร่างบางที่เดินลงไปอย่างยิ้มแย้ม ไม่ลืมหันมาโบกมือลาคนขับพลางบอกว่าจะโทรหาตอนเย็นโดยนักรบก็พยักหน้ายิ้มและเมื่อประตูปิดลงองศาภายในรถก็ลดฮวบฮาบทันที ความเย็นแผ่กระจายอย่างไม่ทราบสาเหตุ

นักรบขับรถออกมาจากบริษัทประมาณสามร้อยเมตรก่อนจะจอดข้างทาง ทุกอย่างเงียบไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาราวว่ากำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่และถ้าใครแพ้คนนั้นอาจจะต้องถูกดาบคมแทงเข้าที่หัวใจก็เป็นได้

“มานั่งข้างหน้า ฉันไม่ใช่คนขับรถ” เขาไม่ได้หันมาบอกเพียงแค่เอ่ยสั้นๆ แล้วก็เงียบไป

ณภัสสรจึงเปิดประตูหลังแล้วมานั่งแทนที่ของพี่สาวไม่พูดอะไรเช่นกัน และเมื่อทุกอย่างเป็นไปดังใจเจ้าของรถจึงเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด เขารู้ว่าเธออึดอัดและยิ่งสร้างบรรยากาศอึมครึมให้เพิ่มมากกว่าเดิมอีก

ไม่มีคำหวานหรือการกวนประสาท ไม่มีแววตาเจ้าเล่ห์หรือคำพูดจาสองแง่สองง่ามอย่างที่เขาเคยทำ ทั้งสองกลับจมไปสู่อดีตอีกครั้งหนึ่ง

เธอเคยเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวและนักรบ ทว่าณปภากลับมีแฟนอยู่แล้วจึงเลื่อนการดูตัวทุกครั้งโดยที่ฝั่งบ้านวิจิตรประภาไม่มีใครสงสัยหรือระแคะระคายในเรื่องนี้เลย งานดูตัวครั้งแรกล่มไม่เป็นท่า

“ขับช้าๆ ไม่เป็นหรือไง” เขามักจะมารับเธอไปติวที่บ้านทุกเย็นตามคำสั่งของคุณเปมิกา และลูกชายตัวดีก็ทำตามไม่โต้แย้งราวกับยอมจำนนโดยบุพการีไม่รู้สักนิดว่าหล่อนต้องเจอกับการกลั้นแกล้งอะไรบ้างระหว่างทางจะไปบ้านหลังงาม

“ขับช้าก็เป็นการดูถูกสมรรถภาพรถน่ะสิ” ตอบกลับเสียงดังฝ่าลมแล้วเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิมจนเธอต้องกอดเอวเขาเอาไว้แน่น ได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ไม่เหมือนใครราวมันถูกแต่งกลิ่นมาเพื่อนักรบโดยเฉพาะ เผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดด้วยใจที่อบอุ่นทั้งที่ลมตีหน้าจนผมหางม้าปลิวไม่เป็นทรง

เกลียดตัวเองที่ถึงจะพร่ำบอกไม่ชอบร่างสูงแต่ก็อดหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิดไม่ได้ เขาเป็นคนกวนประสาทที่บางครั้งก็ดูแลเธอดีจนใจเต้นไปกับกระทำเล็กน้อย

เขาไม่ได้กลับบ้านแต่แวะร้านสะดวกซื้อที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็นมีสัญลักษณ์เลขเจ็ดและเลขสิบเอ็ด คนตัวเล็กลงจากรถบิ๊กไบค์แล้วถอดหมวกกันน็อคออกค่อยเดินตามเข้าไปภายในร้าน

“เอาขนมจีบปูค่ะ” รู้ดีว่าหลังเลิกเรียนร่างสูงจะหิวมากเป็นพิเศษดูได้จากการที่เดินไปหยิบอาหารสำเร็จรูปไว้เต็มอ้อมแขน จนเธอต้องถือตะกร้าไปให้เขาใส่ของ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าจะซื้อเยอะทำไมถือตะกร้ามาด้วยตั้งแต่แรก

“ขอบใจ” อีกฝ่ายหันมาเทของในอ้อมกอดลงตะกร้าโดยไม่หยิบไปถือเอง

“ถือสิ” ร่างบางยื่นให้เขาแต่ชายหนุ่มกลับไม่รับทำเมินเป็นเดินไปทางอื่น

“นี่ ของนายก็ถือเองสิ” ยังไม่ยอมแพ้เดินตามพลางยื่นตะกร้าให้ นักรบทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วหยิบขนมขบเคี้ยวลงตะกร้าแทบไม่ได้มองยี่ห้อด้วยซ้ำ

“ขับรถไปรับยังจะให้ถืออีกเหรอ รู้สึกแขนไร้เรี่ยวแรง” ใบหน้าคมทำเหมือนเหนื่อยนักหนาทั้งที่การขับรถเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว ถ้าว่างก็มักจะไปสนามแข่งอยู่เสมอ เขาไม่ค่อยชอบซิ่งตามถนนทั่วไปทั้งกลัวอุบัติเหตุและรบกวนคนอื่นยามค่ำคืน

สู้ไปเต็มที่ในสนามแข่งรถดีกว่า อย่างเช่นคืนนี้ที่จะหนีออกจากบ้านโดยการทำตัวดีให้แม่ตายใจ อันที่จริงเขาจะกลับไปนอนคอนโดก็ได้ ทว่าก็กลัวบิดาจะตัดค่าขนมจำต้องทำตามใจมารดาก่อนเพื่อให้คนที่รักหลงเมียอย่างคุณภราดรขึ้นเงินเดือนลูกชายคนเล็ก

“อ่อนแอจริงๆ” ส่ายหน้าอย่างสมเพชแล้วเป็นคนถือตะกร้าให้เขาเอง ทำเอาว่าที่วิศวกรยิ้มกริ่มแล้วเดินมาวางแขนบนไหล่เล็ก

“เอาน่าว่าที่น้องเมีย เอาใจพี่เขยหน่อย” ส่ายหน้ายามได้ยินเขาพูดสถานะเหล่านี้ พี่สาวของเธอเริ่มเข้าวงการตามคำแนะนำของมารดา และดูท่าจะไปได้สวยเสียด้วย

“มื้อนี้นายเลี้ยงนะ” หันไปมองโดยลืมไปว่าตอนนี้อยู่ใกล้กันขนาดไหนและเมื่อรู้อีกทีใบหน้าก็ห่างกันเพียงคืบเสียแล้ว

“ได้ครับ น้องสาว” นักรบไม่ได้รับรู้เลยว่าหัวใจของเธอเต้นแรงมากแค่ไหนกับการใกล้ชิดในครั้งนี้ และไม่ทราบสักนิดว่าความรู้สึกที่พยายามหลอกตัวเองและปกปิดเอาไว้มันกำลังจะเผยออกมาทีละนิด

ร่างสูงผละออกไปเมื่อเห็นของที่ตัวเองต้องการ ปล่อยให้หล่อนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าแดงก่ำ ความใกล้ชิดเมื่อสักครู่ทำเอาแทบทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเขาอยู่ห่างแค่คืบใกล้จนเห็นรูขุมขน ยิ่งมองริมฝีปากบางเฉียบภาพในหัวก็ค่อยชัดขึ้น

หากได้ลิ้มลอง..จะเป็นอย่างไรนะ

บ้าไปแล้วเอม! รีบสลัดความคิดนั้นออกทันทีก่อนจะหันไปเลือกขนมใส่ตะกร้า นี่เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่ นั่นมันคู่หมั้นของพี่สาวที่ผู้ใหญ่เห็นดีงามด้วยนะ เขาไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถครอบครองได้

อีกอย่างหน้าตาแบบเธอไม่มีวันที่คนหล่อเลือกได้อย่างเขาจะหันมามองหรอก

“ช่างปะไร ฉันก็ไม่ได้ชอบนายสักหน่อย” ย้ำเตือนตัวเองให้ขึ้นใจ

“ซุบซิบอะไรอยู่คนเดียว คุยกับแม่ซื้อเหรอ” เขาเข้ามาข้างหลังทำเอาหล่อนตกใจแทบทิ้งตะกร้าก่อนจะหันไปเหวใส่เสียงเขียว

“แม่ซื้อบ้านนายสิ” ว่าแล้วก็เดินออกไปปล่อยให้คนข้างหลังหัวเราะเพียงลำพังเพราะแกล้งหญิงสาวได้สำเร็จ

ของทุกอย่างถูกคิดรวมโดยมีนักศึกษาคณะวิศวกรรมจ่ายให้ และเมื่อหล่อนจะถือเขาก็แย่งไปเสียก่อนจนณภัสสรมองตามอย่างไม่เข้าใจ

คนอะไรเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

เมื่อออกมาข้างนอกคนหิวทั้งสองก็หยิบของที่ซื้อออกมากิน ในจังหวะที่ณภัสสรกำลังจะรับประทานขนมจีบกุ้งร่างสูงก็ปราดมาหยิบไม้ออกจากมือหล่อนทันทีทำเอาคนโมโหหิวตวัดสายตามองอย่างขัดใจ

“เอามา”

“ดูก่อนกินสิว่ามันใช่ที่ซื้อหรือเปล่า” เมื่อเห็นเขาทำท่าจริงจังเลยมองขนมจีบในมืออย่างพิจารณาก็พบว่าสิ่งที่สั่งไปดูเหมือนจะไม่ตรงตามความต้องการ

เธอสั่งขนมจีบปูแต่ดูเหมือนจะได้ขนมจีบกุ้งมาแทนสังเกตจากสีที่เห็น

“เธอแพ้กุ้งไม่ใช่หรือไง ถ้ากินไปผื่นขึ้นแน่” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปภายในร้านสะดวกซื้ออีกครั้งสร้างความมึนงงให้แก่หล่อนจนต้องเดินตามเข้าไป

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนรับออเดอร์น้องผมครับ” ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วจนพนักงานเลิกลัก

“ผมถามว่าใครรับ” เสียงดังขึ้นจนคนแถวนั้นสะดุ้งเป็นแถบ และหญิงสาวคนหนึ่งก็ค่อยยกมือขึ้นทั้งเนื้อตัวสั่นเทา

“นะ หนูเองค่ะ” นักรบมองเธอนิ่ง

“น้องผมแพ้กุ้ง เธอสั่งขนมจีบปูแต่ได้ขนมจีบกุ้งมา คุณคิดหน่อยสิว่าถ้าน้องผมกินเข้าไปมันจะเกิดอะไรขึ้น คราวหลังก็ทำงานให้ดีกว่านี้หน่อยนะครับ” ว่าจบก็เดินออกมาทันทีและเมื่อลับหลังร่างสูงคนที่โดนด่าทั้งที่เพิ่งมาทำงานได้วันแรกก็ปล่อยโฮ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel