๓ เอาแต่ใจ (๒)
เมื่อซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วนักรบก็เดินมาสมทบกับสองสาวพร้อมเอ่ยชวนณปภาให้ไปดูรองเท้าต่อซึ่งแน่นอนว่าดาราสาวไม่มีทางปฏิเสธ กลับเข้าไปควงแขนว่าที่คู่หมั้นพร้อมมองที่ถุงของแบรนด์ดังแล้วหันมาหาน้องสาวทันที
“เอมจ๊ะ ช่วยถือของพี่ให้หน่อยได้ไหม” คนที่เดินตามหลังไม่ได้ตอบรับคำขอของพี่สาวกลับเดินมาคว้าถุงเหล่านั้นจากมือหนาทว่านักรบไม่ยอมปล่อยจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างเอาเรื่อง
“แค่นี้เอง ผมถือได้สบายมาก” ร่างสูงเอ่ยกับณปภาด้วยน้ำเสียงสบาย ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
“แต่พลูว่าให้เอมถือดีกว่าค่ะ ยังไงเขาก็เดินตัวเปล่าอยู่แล้ว คงไม่หนักหนาหรอกใช่ไหมจ๊ะ” ใบหน้าหวานที่แต้มยิ้มไม่ได้ทำให้น้องสาวรู้สึกดีสักนิดเพราะมันเหมือนเป็นการบังคับมากกว่าจะถามเพื่อความสมัครใจแล้วเธอจะมีสิทธิ์ขัดขืนหรือ นอกจากจะต้องตอบรับ
“ค่ะ เอมถือเอง เอามา” ประโยคแรกตอบดาราสาวก่อนจะหันมากระชากของออกจากมือชายหนุ่ม ครานี้เขาปล่อยตามความต้องการของเธอทันทีทำให้ณภัสสรเสียการทรงตัวเล็กน้อยเนื่องจากคิดว่าอีกฝ่ายจะยื้อเอาไว้จึงใช้แรงมากกว่าปกติ
ดีนะที่ไม่ล้มให้เป็นที่อับอายผู้คน
“ขอบใจมากนะจ๊ะ” ยิ้มจนตาแทบปิดแล้วหันมาควงแขนเขาเดินดูร้านต่อไปอย่างสบายอุราโดยที่ใบหน้าคมแอบเหลียวมามองร่างบางที่เดินตามหลังก่อนจะยกยิ้มมุมปากทำเอาสาวนักออกแบบเกิดความโมโห ต้องขบกรามแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ไม่ให้เดินไปตบตีหรือชกหน้าเขาเสียก่อน
บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าความรู้สึกรักเริ่มจากตรงไหนในเมื่อแค่เห็นหน้าก็มีแต่กัดกันอยู่ร่ำไป ไม่เคยนึกพิศวาสหนุ่มรุ่นพี่จนกระทั่งวันที่เขาบอกชอบ หัวใจที่เคยเงียบสงบกลับดังระรัวมาอีกครั้งราวเป็นสัญญาณอันตรายบอกให้เธอหนี
แต่ขากลับก้าวเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม ราวต้องการเล่นกับไฟเพราะเห็นแสงมันส่องสว่างสวยงาม ไม่ได้รู้สักนิดว่ามันจะร้อนจนแผดเผาให้ตายทั้งเป็น
แอบมองคู่รักที่เหมาะสมกันจากทางด้านหลังก็พบว่าไม่มีที่ว่างให้เธอเลย ไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้สักนิด หรือหากมีก็คงไม่ทำเพราะไม่อยากทำผิดกับพี่สาวเพียงคนเดียวของตัวเอง ใบหน้าหวานก้มลงมองพื้นพลางถอนหายใจก่อนจะสะดุ้งเพราะชนกับแผ่นหลังหนาเสียก่อน
“เหม่อคิดถึงพี่เหรอ” หันมาถามเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยจนหล่อนต้องรีบมองไปที่ณปภาทันทีเพราะกลัวได้ยินก็พบว่าตอนนี้พี่กำลังเจอคนรู้จักและเข้าไปทักทายโดยที่เธอแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเดินไปตอนไหน
คงจะเหม่อลอยจริงนั่นแหละ
“อ้าว ถามไม่ตอบแบบนี้ แสดงว่าคิดถึงพี่จริงๆ” เขายังเอ่ยล้อเล่นจนเธอต้องเหยียบเท้าให้คนที่คิดเข้าข้างตัวเองตื่นจากฝัน
“ถ้าคิดถึงนายฉันคิดถึงหมาจรจัดดีกว่า” เบือนหน้าหนีทันทีทำเอาคนที่โดนเอาไปเปรียบกับสุนัขจรจัดแทบควันออกหูอยากจับร่างบางมาฟัดให้หนำใจโทษฐานที่ปากดีเสียเหลือเกิน ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรดาราสาวก็เดินเข้ามาควงแขนเสียก่อน
“ไปร้านประจำของพลูแล้วกันนะ” เดินนำทันทีจนนักรบต้องทบความผิดของร่างบางเอาไว้ในใจ อยู่กันสองคนเมื่อไหร่เธอไม่รอดแน่
ณภัสสรเข้ามาที่ร้านรองเท้ายี่ห้อดังซึ่งหล่อนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในขณะนี้ ผู้จัดการร้านให้การต้อนรับอย่างดีและการมาเยือนครั้งนี้ก็ใช้เวลานานเหลือเกินจนนักรบแทบสัปหงกในขณะที่ณภัสสรเองก็ไม่ต่างกัน เธอพยายามหลีกเลี่ยงการมาห้างสรรพสินค้ากับพี่สาวตลอดเพราะรู้ดีว่าจะต้องเจออะไร
ก็การนั่งรอมหาโหดอย่างไรเล่า กินเวลาชีวิตไปหลายชั่วโมงเลยล่ะ
“เอมขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ” เธอวางของเอาไว้แล้วเดินไปบอกดาราสาวซึ่งทำเพียงพยักหน้าเท่านั้นก่อนจะหันไปสนใจคอลเล็กชั่นใหม่
“สวัสดีครับคุณช่วง งานออกแบบเหรอครับ” นักรบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาณปภาแล้วป้องปากบอกขอไปคุยธุระด้านนอกว่าที่คู่หมั้นก็ยิ้มรับไม่ได้สนใจอะไรอีก ตอนนี้ตาของเธอเป็นประกายมองรองเท้าหลายสิบคู่ที่ราคาแรงจนคนธรรมดาไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปใกล้
ณภัสสรถอนหายใจแล้วมองกระจกในห้องน้ำหญิง เธอมาทำอะไรที่นี่กัน มาเพื่อดูว่าพี่สาวมีความสุขกับหนุ่มคู่หมั้นอย่างนั้นเหรอ หรือเพื่อตอกย้ำให้ตัวเองรู้ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางได้ครอบครองเขาอย่างแน่นอน
อย่างมากก็เป็นได้แค่ของเล่นหรือไม่ก็ของตาย...
ไม่มีชีวิต ไร้จิตใจนั่นคือสิ่งที่คนพวกนั้นคิดว่าเธอเป็นใช่ไหม ไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ทำเหมือนไม่รู้สึกทั้งที่ในใจแตกสลายจนไม่เหลือผุยผงแล้ว
“อ่ะ” ระหว่างเดินออกจากห้องน้ำเธอก็ชนเข้ากับผู้ชายที่เดินออกมาพอดีและเขาก็คว้าเอวเล็กเอาไว้ก่อนจะดันหล่อนเข้าไปที่ห้องน้ำชายแทนพร้อมเอามือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงดังทั้งที่เธอพยายามจะตะโกนขอความช่วยเหลือ
ประตูห้องน้ำถูกปิดลงทันทีและเมื่อได้เผชิญหน้ากันจึงรู้ว่าคนที่ลักพาตัวเธอมาคือว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวนั่นเอง ดวงตากลมโตทอประกายความโกรธทว่าคนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกอะไรสักนิด เขาดันเธอให้ชิดติดผนังแล้วเอามือมากั้นไว้
“ที่จริงก็อยากหาโอกาสอยู่กับพี่สองคนใช่ไหม” เลิกคิ้วถามท่าทีกวนประสาทจนหล่อนอยากยกมือขึ้นตบหน้าเขาแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันเลยจับมือเล็กเอาไว้ได้พอดิบพอดี
“อยากให้พี่จับมือก็ไม่บอก คราวหลังหนูบอกดีๆ ก็ได้นะคะ” เลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูเสียงเบาเพราะกลัวคนจะได้ยิน ใบหน้าหวานติดเรียบเฉยทว่าดวงตาส่งความเกลียดชังไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง
“ไอ้คนทุเรศ” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าดีถึงจะทำให้เขาสะเทือนได้บ้าง
“ที่จริงพี่ก็ยังไม่ได้ทำโทษที่หนูเปรียบพี่เหมือนหมาจรจัดเลยนะ” บทลงโทษของนักรบเริ่มขึ้นด้วยการแนวริมฝีปากลงไปที่ปากจิ้มลิ้มอย่างรวดเร็ว เขาดูดดึงจนหล่อนรู้สึกเจ็บพยายามปิดปากก็ไร้ผลเมื่อเขาใช้ความชำนาญและช่ำชองจนต้องยอมเปิดปากให้เข้าไปควานหาความหวานภายใน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ห้องน้ำกลายเป็นสนามรักของสองหนุ่มสาวเพราะจากที่คิดจะลงโทษเพียงแค่จูบเขากลับลากยาวจนเลิกเสื้อยืดสีขาวขึ้นไปกองบนเนินอกแล้วประทับรอยสีกุหลาบเอาไว้อย่างหลงใหล ชอบในกลิ่นกายหอมของณภัสสรจนอยากจะดอมดมอยู่ทุกวัน
สถาปนิกสาวพยายามจะผลักเขาออกแต่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเสียงดังเล็ดลอดอีกทั้งความเชี่ยวชาญของนักรบทำเอาขาแทบอ่อนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงจิ๊ปากอย่างขัดใจผละจากร่างกายแสนยั่วยวน
ร่างบางรีบจัดการตนเองทันทีแล้วรีบเปิดประตูออกมาจนเขาคว้าแขนเอาไว้ไม่ทัน ดีที่ไม่มีใครเข้าห้องน้ำจึงไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาหรือขี้ปากใคร
เธอเดินเช็ดปากออกมาจนลิปมันที่ริมฝีปากเปื้อนไปหมด พยายามซ่อนน้ำตาเอาไว้ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำหญิงอีกครั้ง แล้วปิดประตูนั่งลงบนชักโครกอย่างคนหมดแรง ไม่รู้ว่าจะด่าตนเองอย่างไรที่โอนอ่อนไปกับผู้ชายคนนั้น
เธอควรออกมาได้แล้วแต่ก็ยังยอมตกเป็นเบี้ยล่างอย่างน่าไม่อาย หากณปภารู้เรื่องคงจบไม่สวยแน่และชีวิตเธอเองก็อาจจะจบเช่นเดียวกัน รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ดีแต่หากขัดขืนทุกสิ่งก็อาจจะแย่ลงกว่าเดิม คลิปเสียงน่าเกลียดไหนจะวิดีโอที่เขาเอาให้ดูสามารถทำลายชื่อเสียงของหล่อนได้ภายในพริบตา
คุณพ่อคุณแม่จะต้องอับอายขายหน้าที่มีลูกไม่รักดีแย่งได้แม้กระทั่งแฟนของพี่สาวอย่างเธอทั้งที่ใจจริงไม่อยากทำเลยสักนิด แต่ส่วนลึกในใจมันก็อดเรียกร้องว่าอย่างไรนักรบก็เคยรักตนเองมาก่อน...
รักอย่างนั้นเหรอ หึ มันก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันรักใครเป็นหรอกนอกจากตัวเอง
นานหลายนาทีกว่าหล่อนจะออกจากห้องน้ำมาส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยอีกรอบแล้วค่อยเดินโดยระวังว่าจะมีคนมาแอบซุ่มอยู่อีกหรือเปล่า พอผ่านห้องน้ำชายก็หายใจสะดวกขึ้นทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อนักรบยืนส่งยิ้มอยู่ข้างหน้า
เกลียดรอยยิ้มชั่วร้ายนั้นเหลือเกิน
“ไปไกลๆ ได้ไหม” อยากไล่ให้เจ็บแสบกว่านี้แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะกลัวว่าบทลงโทษจะหนักกว่าที่เป็น
“ถ้าพี่ไปไกลหนูจะไม่ใจขาดเหรอ” เอ่ยถามพร้อมก้าวเข้าหาในขณะที่ณภัสสรถอยหลังด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ถึงคนจะเยอะแต่ผู้ชายที่บ้าดีเดือดอย่างนักรบก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่สนใจสถานที่
“ไม่ ฉันจะดีใจด้วยซ้ำ”
“จริงเหรอ แต่จากที่พี่มองตาหนู รู้ไหมว่าตอนนี้หนูเครซี่พี่สุดๆ เลยล่ะ” พูดด้วยโทนเสียงเซ็กซี่แต่คนฟังกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนจนต้องเมินหน้าหนีก่อนจะหลบเพราะมีคนเดินเข้าออกห้องน้ำ
ณภัสสรเดินหนีเขาหวังจะกลับเข้าไปที่ร้านรองเท้าอีกครั้งแต่ร่างสูงกลับคว้าข้อมือเล็กก่อนจะลากไปอีกทางเสียอย่างนั้นโดยไม่สนใจคนที่กำลังเลือกรองเท้าจะรอหรือไม่ เขาก็แค่ทำตามใจตัวเองเท่านั้น
“จะพาฉันไปไหน” ถึงจะพยายามขืนตัวเอาไว้ทั้งสะบัดแขนแต่ก็ไม่หลุดพ้นเลยทำได้แค่เดินตามเขาแล้วเหลียวมองข้างหลังกลัวว่าพี่สาวจะเดินออกมาเห็นแต่ก็ลงบันไดเลื่อนก่อนจึงพอหายใจหายคอได้คล่องขึ้นบ้าง
ใบหน้าคมอมยิ้มสมใจมองมือของหล่อนที่ถูกเขากอบกุมเอาไว้ด้วยหัวใจที่อิ่มเอม อีกไม่นานทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น
“หายไปไหนนะ” ณปภาเลือกรองเท้าเสร็จแล้วก็นั่งรอในร้านด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง หายไปทั้งสองคนแบบนี้คงอยู่ด้วยกันแน่นอน คิดแล้วก็กำมือแน่นลุกขึ้นไปหยิบของตนเองออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องขัดขวางทุกวิถีทาง
ทว่าหล่อนอาจจะรีบจนไม่มองทางจึงเดินชนคนที่กำลังเข้ามาในร้านพอดีจนของที่ถือตกลงพื้นกระจัดกระจาย
“ขอโทษครับ” ร่างสูงรีบก้มเก็บของให้หล่อนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมมีความรู้สึกผิดก่อนจะสบตากับอีกฝ่ายก็ตกตะลึงทันที
“คุณชะพลูใช่ไหมครับ” เอ่ยถามเสียงตื่นเต้นเมื่อได้เจอดาราชื่อดังมายืนอยู่ตรงหน้า และดูเหมือนว่าเธอเองก็พอจะคุ้นหน้าเขาบ้างแต่คิดไม่ออกว่าเจอที่ไหน คิ้วสวยขมวดเป็นปมจ้องใบหน้าหล่ออย่างเสียมารยาท
“เอ่อ คุณ” ไม่ได้ตอบคำถามแต่กลายเป็นว่าต้องถามเขากลับด้วยความสงสัย
“ก่อการครับ พอจะคุ้นหน้าผมหน้าบ้างไหม” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิมจนเธอต้องถอยออกมาเพราะไม่คุ้นชินกับการกระทำที่เหมือนโดนรุก
“อืม.. ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำตัวนะ ผมก่อการ เพิ่งเข้าวงการบันเทิงมาได้สามเดือนครับ” พอบอกแบบนี้ก็พอจะนึกออกว่าเขากำลังเป็นที่กล่าวถึงของช่างแต่งหน้าในกองและสไตลิสด้วยใบหน้าหล่อตี๋ตามแบบนิยม ทั้งรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวอย่างคนไม่เคยโดนแดดจนนึกอิจฉา
มองแล้วเขาหล่อจนน่าตกตะลึงอย่างที่เคยได้ยินจริงๆ แถมแววตายังมีเสน่ห์และแพรวพราวมากเสียด้วย คงเจ้าชู้ไม่เบา
“ค่ะ ชะพลูค่ะ” ในใจร้องเตือนว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งมากกว่านี้และในขณะที่เธอกำลังจะเดินหนีเขาก็คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ผมว่าคุณลืมของนะ” เพียงคำพูดแค่นั้นและการเลิกคิ้วขึ้นเพื่อถามหล่อนก็เหมือนโดนมนต์สะกดให้ตกลงไปในหลุมที่เพิ่มถูกขุดทันที
ต่อไปนี้ชีวิตอาจไม่ง่ายอีกแล้วเมื่อต้องตัดสินใจ..