๓ เอาแต่ใจ (๑)
๓
เอาแต่ใจ
รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่มุ่งสู่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง ดาราสาวชวนเขาคุยตลอดทางในขณะที่คนติดตามอย่างณภัสสรเอาแต่นั่งติดหน้าต่าง แล้วเหม่อมองออกข้างนอกพยายามตัดโลกสีชมพูออกไปหลังได้ยินคำพูดหวานหูที่พี่สาวมีให้แก่ว่าที่คู่หมั้นจนหล่อนกลายเป็นส่วนเกิน อยู่ผิดที่ผิดทาง
วิศวกรหนุ่มปรับกระจกมองหลังเพื่อให้เห็นใบหน้าหวานโดยที่คนข้างกายไม่ได้เอะใจสักนิด เมื่อเห็นว่าเธอเหม่อเขาก็แอบยกยิ้มมุมปากแล้วตอบรับสิ่งที่ณปภาพูดอย่างนุ่มนวลรื่นหู เขาไม่ค่อยได้ฟังที่เธอพูดเท่าไหร่หรอกเพราะมัวแต่มองคนนั่งข้างหลัง
“ทำงานหนักขนาดนี้รบไม่เหนื่อยแย่เหรอคะ” รถเคลื่อนตัวไปช้าเหลือเกินอาจเพราะเป็นวันหยุดและห้างสรรพสินค้าที่อากาศเย็นช่ำคงเป็นทางเลือกที่ดีในฤดูร้อนเช่นนี้
“แค่เห็นหน้าพลูก็หายเหนื่อยแล้ว” หากทำได้เขาก็อยากจะกัดลิ้นตนเองให้ขาดเหมือนกันที่พูดจาหวานเลี่ยนหูขนาดนี้ คนพูดเองแทบขย้อนคงไม่ต่างจากคนที่นั่งข้างหลังซึ่งทำท่าเหมือนจะอาเจียนเมื่อได้ยินคำเหล่านั้น
ผิดกับดาราสาวที่เอาแต่ยิ้มเขินพลางมองใบหน้าคมซึ่งหล่อเหลาราวพระเอกละครหลังข่าว หากนักรบยอมรับเล่นละครสักเรื่องและเป็นดาราเหมือนมารดาป่านนี้อาจดังเป็นพลุแตกด้วยนิสัยเป็นกันเองเข้าถึงง่าย แล้วก็เสน่ห์เฉพาะตัวอีก คงมีแฟนคลับติดตามทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่ถึงจะไม่เป็นดาราก็ดังในหมู่ไฮโซและเหล่าคนดังแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นทายาทของนักธุรกิจที่ร่ำรวยติดอันดับสิบของประเทศก็ไม่ใช่บุคคลที่ควรมองข้าม หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล ไหนจะสมองอันชาญฉลาด ใครทิ้งเขาไปก็โง่เต็มที
และเธอก็จะไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแย่งไปด้วยถึงจะเป็นน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันก็ตาม..
“ปากหวานแบบนี้อยากได้รางวัลเป็นอะไรคะ” และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดเมื่อร่างเล็กโน้มตัวมาจุมพิตลงที่ข้างแก้มของเขาอย่างรวดเร็วพลางส่งยิ้มแสนหวานให้ไม่มีท่าทีเขินอายแต่อย่างใดราวเป็นเรื่องปกติ
ปกติที่ไหนกันเล่า!
เขาไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมายุ่มย่ามกับเนื้อตัวเท่าไหร่หากไม่ใช่ว่าตนเองเป็นคนต้องการ ดวงตาคมมองกระจกหลังเพื่อสำรวจดูว่าณภัสสรมีท่าทีอย่างไรแต่หล่อนกลับมีใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นสักนิด
“รบชอบไหมคะ” หล่อนยิ้มแล้วถามเขาจนต้องหันมาสบตา ดีที่รถยังติดไฟแดงไม่เช่นนั้นคงได้หักพวงมาลัยเลี้ยวลงข้างทางเป็นแน่
“ครับ ชอบ” จะให้ตอบอะไรได้เล่า นอกจากขานรับแล้วยิ้มกลับเช่นเดียวกันทั้งที่ในใจตรงข้ามโดยสิ้นเชิง คนที่เขาอยากให้ทำอย่างนี้คือผู้หญิงที่นั่งหน้านิ่งอยู่เบาะหลังต่างหากแต่ถ้าจะให้ถึงวันนั้นประเทศไทยอาจมีหิมะตกลงมาก่อนก็เป็นได้
กว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาถึงห้างสรรพสินค้าได้ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนณภัสสรแทบจะหลับอยู่บนรถ เมื่อลงมาได้ก็ต้องมองตามคู่รักซึ่งเดินเคียงข้างกันไปด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดทว่าไม่อาจแสดงออกมาให้ใครเห็นได้
มันน่าสมเพชเกินไป ขนาดเธอเองยังรับไม่ได้ที่ไปตกหลุมรักคนมีเจ้าของซ้ำกว่านั้นคือมอบกายให้เขาได้เชยชมอย่างน่าไม่อายราวเป็นผู้หญิงข้างถนน หากชายหนุ่มต้องการเมื่อใดก็ไปหาเมื่อหมดค่าก็เดินออกมา
กล้ำกลืนฝืนทนอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะมีเชือกผูกมัดคือคลิปน่ารังเกียจนั่น..
“เข้าร้านนี้นะคะ” เมื่อเดินเข้ามาก็พบคนจำนวนมากจนต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เธอไม่ชอบที่ที่คนเยอะ แออัดให้ความรู้สึกเป็นปลาที่อยู่เบียดอยู่ในกระป๋อง แต่ดูเหมือนว่าสองคนที่เดินนำหน้าจะไม่คิดอย่างนั้นเพราะเห็นยิ้มให้กันตลอดทาง
ส่วนมากคนที่มาห้างแห่งนี้เป็นชาวต่างชาติจึงหมดปัญหาการถูกถ่ายรูป อีกอย่างหากมีคนแอบถ่ายณปภาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหล่อนกลับดีใจด้วยซ้ำเพราะต้องการเปิดให้สังคมรับรู้ว่าตอนนี้กำลังคบหาอยู่กับหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย แถมในอนาคตอันใกล้ก็จะหมั้นหมายกันแล้วด้วย
ถือเป็นการกีดกันผู้หญิงทุกคนให้ออกห่างนักรบและเตือนสติบางคนว่าผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้วจะได้ไม่ต้องชะเง้อคอมองเหมือนหมามองเครื่องบินอีกต่อไป
“ครับ” พวกเขาเดินมาที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ แค่เข้ามาด้านในก็สัมผัสถึงกลิ่นแห่งความแพงและหรูหรา ซึ่งไม่มีวันที่คนอย่างชะเอมจะเดินเข้ามาเด็ดขาด แค่เสื้อตัวเดียวก็เกินเงินเดือนของเธอไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า
“สวัสดีค่ะน้องพลู จะมาก็ไม่บอกพี่ก่อนเลย” ช่างเสื้อชื่อดังที่แม้รูปร่างเป็นชายแต่มีจิตใจเป็นผู้หญิงเอ่ยทักทายกับดาราสาวที่สนิทสนมกันพอสมควรหล่อนจึงผละจากนักรบทันที
“พลูไม่คิดว่าจะได้มาเหมือนกันค่ะ รีบเลยไม่ได้บอก” พูดกันยังไม่จบสายตาของสาวประเภทสองก็เหลือบไปเห็นหนุ่มหล่อที่ดังในสังคมนักธุรกิจ
“ตายแล้ว อย่าบอกนะคะว่ามากับ..” ละเว้นเอาไว้เป็นอันรู้กันเมื่อเธอพยักหน้ากลับพร้อมควงแขนหนาให้มายืนตรงหน้าพี่ที่รู้จัก
“นี่นักรบค่ะ เป็นว่าที่คู่หมั้นของพลูเอง” คำตอบนั้นสร้างความตกใจให้พนักงานทั้งร้านไม่คิดว่าดาราสาวที่ไม่เคยมีข่าวกับชายใดที่แท้ก็เพราะมีคู่หมั้นแล้วจะประกาศเสียงดังก้องร้าน
นักรบเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกัน เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วค่อยปลดแขนออกช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทหรือผิดสังเกต
“ยินดีด้วยนะคะ ถ้ามีงานมงคลต้องบอกพี่เลยนะ” เงียบไปสักพักก่อนจะรวบรวมสติตนเองได้แล้วเอ่ยคำยินดีออกไป “คุณรบหน่วยก้านดีขนาดนี้ สนใจมาเป็นนายแบบคอลเล็คชั่นหน้าไหมคะ” ใบหน้าหล่อเหลา ทั้งยังหุ่นสูงชะลูดมีมัดกล้ามแต่พองามคงสร้างความชื่นชมให้แขกได้ไม่น้อย
นอกจากเสื้อผ้าดีแล้วก็ต้องหาไม้แขวนที่ดีด้วย อย่างนักรบน่ะถือว่าผ่านฉลุยเลยล่ะ
“งานผมเยอะแล้วครับ ขอผ่านดีกว่า” โบกมือลาเพราะเวทีเดินแบบไม่เหมาะกับคนอย่างเขาหรอก
“เอ๊ะ นั่นน้องเอมใช่ไหมคะ ไม่เจอกันนานสวยขึ้นมากเลยนะ” คุณปรางผละจากดาราสาวแล้วเดินไปหาอดีตซูเปอร์โมเดลที่หลังจากหมดวาระของตำแหน่งก็หายออกจากวงการแทบไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ ไม่คิดว่าจะเจออีกครั้ง
เธอเคยเทรนให้ณภัสสรอยู่พักใหญ่คิดแล้วว่าต้องได้ตำแหน่งมาครอบครองเพราะนอกจากหุ่นจะสูงเพรียว ใบหน้าสวมคม แล้วยังมีมันสมองที่ชาญฉลาดอีก กรรมการคนไหนไม่เลือกก็ตาถั่วมากแล้ว เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ฝักใฝ่ด้านบันเทิงหันไปเอาดีในการออกแบบบ้านไม่อย่างนั้นป่านนี้คงจะดังเทียบพี่สาว เผลอๆ อาจจะดังกว่าด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะพี่ปราง” ยกมือไหว้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จริงเธอก็พยายามยืนหลบแล้วเชียวไม่คิดว่าพี่ที่เคยสนิทสนมอยู่พักหนึ่งจะจำได้
“พี่ติดต่อไม่ได้เลย อยากชวนมาเดินแบบคอลเล็คชั่นหน้า” พูดไม่ทันจบณปภาที่เห็นว่าตนเองกลายเป็นส่วนเกินก็รีบเดินมาคล้องแขนพี่ปรางทันที
“เอมเขางานยุ่งค่ะ คงมาไม่ได้ ว่าแต่วันนี้มีเสื้อผ้าใหม่มาแนะนำไหมคะ พลูอยากได้สักสองสามตัว” ได้ยินอย่างนั้นก็ตาลุกวาวลืมณภัสสรไปทันทีแล้วควงแขนกับดาราสาวไปลองเสื้อผ้า
ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าก้างชิ้นใหญ่หลุดออกไปแล้ว เขาเดินมาคว้ามือนิ่มทันทีจนหล่อนต้องมองด้วยแววตาดุดัน
“ปล่อย” หันมองซ้ายขวากลัวว่าพี่สาวจะเห็นแต่ตอนนี้ดูเหมือนณปภากำลังสนใจเสื้อผ้ามากกว่าที่จะมองว่าที่คู่หมั้น อีกทั้งพนักงานคนอื่นก็ไม่ได้เข้ามายุ่งให้ความเป็นส่วนตัวสมกับที่ถูกเทรนมาอย่างดี
“นี่ ฉันบอกให้ปล่อย” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวย อยากดึงเข้ามากอดแต่เพราะเป็นที่สาธารณะจึงรู้ว่ามันไม่ควรที่จะทำมากกว่านี้
“ก็ไม่อยากปล่อย อยากจับไว้แบบนี้” ใบหน้ายียวนจนพานให้อารมณ์เสีย หากอยู่ด้วยกันเพียงลำพังคงได้ตีสักฉาดด้วยความหมั่นไส้แล้ว
“อย่ามาทำท่าทางแบบนั้นกับฉันนะ” เอ่ยเสียงรอดไรฟันทั้งพยายามบิดข้อมือของตนออกแต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะเขาบีบไว้แน่นเหลือเกินจนบริเวณรอบแดงเถือก
“ทำไม หนูใจเต้นกับพี่เหรอ” เกลียดสรรพนามที่เขาใช้พูดยามต้องการยั่วโมโหเป็นที่สุด และเขาฉลาดที่รู้ว่าหากใช้คำพูดพวกนั้นจะทำให้เธออยากตะบันหน้าตาที่ใครต่อใครก็บอกว่าหล่อเหลาเสียเหลือเกิน
“คนที่หัวใจหยุดเต้นมีแต่คนตายเท่านั้นแหละ อยากลองไหมล่ะ”
“หือ พี่ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งนะที่หัวใจพี่หยุดเต้น ช่วงที่ทำรักกับหนูไง.. มันสนุกจนทำเอาพี่แทบตายคาอกหนูเลยล่ะ” จากที่คิดจะด่าเขาทางอ้อมกลับกลายเป็นว่าเธอตกหลุมพรางนั่นเองและตอนนี้ใบหน้าคงแดงก่ำด้วยอารมณ์โมโห..และเขินอาย
“รบคะ” และก่อนจะได้สั่งสอนชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเรียกเสียก่อนเขาจึงปล่อยมือเธออย่างรวดเร็ว
ไม่น่าเชื่อว่าการกระทำนั้นจะสร้างความใจหายให้เธอ ทั้งที่เมื่อสักครู่พยายามทำทุกวิถีทางให้ปล่อยแต่นักรบก็ยังดึงดันจะจับเอาไว้ แต่เพียงแค่เสียงเรียกจากณปภาเขาก็ยอมผละออกจากเธออย่างรวดเร็ว
ตัวจริงกับตัวสำรองช่างต่างกันเหลือเกิน
“ครับ” ร่างบางมาในชุดใหม่ที่ดูหรูหรากว่าเดิม แค่เนื้อผ้าก็บ่งบอกราคาได้แล้วจนคนที่มองลอบกลืนน้ำลาย
เธอต้องทำงานกี่เดือนถึงจะซื้อเสื้อตัวนี้ได้กันนะ
“สวยไหมคะ” เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“สวยครับ เข้ากับพลูดีนะ” ชุดที่ใส่ขับให้เธอดูเป็นคุณหนูที่ยากจะเอื้อมถึงมากกว่าเดิม
เมื่อได้ยินคำชมใบหน้าหวานก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเป็นอีกชุดที่เลือกเอาไว้ นักรบจึงฉวยโอกาสนั้นพาณภัสสรไปนั่งที่โซฟารับรองแขกของทางร้านทันทีและครานี้ก็ไม่มีเสียงท้วงจากหล่อนสักแอะ
“เงียบนะครับน้องเอม” เขาให้เธอนั่งตรงข้ามเพราะเป็นโซฟาเดี่ยวสองตัวหันหน้าเข้าหากัน ร้านก็ช่างเป็นใจเหลือเกินมีที่นั่งเหมาะแก่การมองใบหน้าหวานที่เอาแต่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกทั้งที่แววตากำลังสั่นไหวอยู่แท้ๆ
“ไม่พูดเป็นเพื่อนพี่หน่อยเหรอ” หล่อนไม่ตอบอะไรนอกจากมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าคม
“ดีจัง พี่จะได้มองหน้าหนูแบบนี้ไปเรื่อยๆ” เขาทำตามที่ว่าไว้เอาแต่จ้องใบหน้าหวานอย่างหลงใหล เมื่อไหร่กันนะที่เด็กแว่นหนา หน้าตากะโหลกกะลาจะกลายมาเป็นสาวสวยที่เพียบพร้อมขนาดนี้ แค่ท่านั่งก็ดูดีราวราชนิกุลชั้นสูงแล้ว
แต่ความสวยก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาหลงใหลในตัวของเธอหรอก เพราะถ้าต้องการแค่สวยคงหาได้ดาษดื่นทั่วไปไม่ต้องเจาะจงที่ผู้หญิงซึ่งแทบไม่เห็นค่าของเขาด้วยซ้ำ
ณภัสสรมีอะไรมากกว่าความสวย จิตใจที่ดีงาม ความสดใสตามวัยก่อนมันจะหดหายไปในที่สุดจนกลายเป็นหญิงที่เพิกเฉยต่อทุกสิ่ง ทำราวกับตัวเองไม่มีหัวใจ อาจเพราะเธอมอบหัวใจให้คนอื่นแล้วก็เป็นได้
ไม่มีทาง! ใครที่มันกล้ามายุ่งกับเธอต้องข้ามศพเขาไปก่อน
อ๋อ คงไม่มีวันนั้นหรอกเพราะคนอย่างนักรบจะไม่มีวันตายเด็ดขาด!
“แล้วชุดนี้สวยไหมคะ” ณปภามาในชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดหมูขับผิวให้ขาวยิ่งขึ้นไปอีกจนคนมองต้องยอมรับว่าเธอสวยจริงๆ สมกับเป็นนักแสดงสาวที่หน้าตาดีติดอันดับหนึ่งในสามของยุคนี้
“สวยครับ” พยักหน้าบอกตามความจริง
“เหมาะกับพลูใช่ไหม” ถามด้วยความไม่มั่นใจ กลัวว่าใส่แล้วมันจะดูแก่เกินวัย
“ผมว่าทุกชุดเหมาะกับพลูหมดเลยนะ ใส่อะไรก็สวย ผิดกับ..” ยังพูดไม่ทันจบก็ได้รับสายตาวาวโรจน์มาจากคนที่นั่งตรงข้ามจนเขาอดอมยิ้มไม่ได้
“ผิดกับดาราหลายคนที่ใส่ก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่น่ะ” ณภัสสรเบนสายตาหนีทันทีรู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงตัวเอง
ใครจะไปสวยเท่าพี่พลูกันเล่า ในสายตาของเขาก็มีแค่พี่สาวเธอนั่นแหละ
“แหม่ รบก็ชมเกินไปค่ะ” ท่าทีเอียงอายดูน่ารักในสายตาใครหลายคนแต่ไม่ใช่กับนักรบแน่นอน เขาเพียงแค่ยิ้มตามมารยาทเท่านั้นก่อนจะถามขึ้นเพื่อหาเหตุผลออกจากร้านนี้
“พลูเลือกครบหรือยังครับ เราจะได้ไปที่อื่นต่อ” หล่อนพยักหน้าก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิมค่อยไปจัดการจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
“ไม่ต้องครับ ผมจ่ายให้เอง” ชายหนุ่มจับมือเล็กที่กำลังจะยื่นบัตรให้พนักงานก่อนจะวางบัตรของตัวเองลงที่หน้าเคาท์เตอร์แล้วยิ้มให้ดาราสาวนำมาซึ่งความปลาบปลื้มในตัวของเขามากกว่าเดิม
“ขอบคุณนะคะ” ว่าแล้วก็เดินยืนรอข้างณภัสสร
“รบเขาดีกับพี่มากเลย ราคาตั้งหลายแสนก็ยอมจ่าย คงจะรักพี่มาก” เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังมองแผ่นหลังกว้างในขณะที่น้องสาวเอาแต่เงียบเพราะไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรในเมื่อใจมันเจ็บขนาดนี้ พยายามห้ามใจก็ทำไม่ได้สักที
“เอมว่าอย่างนั้นไหมจ๊ะ” แล้วเธอจะตอบอะไรได้เล่า นอกจาก..
“ค่ะ”
ตอบรับอย่างเสียไม่ได้ทั้งที่ในใจกำลังแตกสลายจากสถานะของตนเอง..ของตาย