๒ ส่วนเกิน (๑)
๒
ส่วนเกิน
วันหยุดที่หลายคนอาจได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวแต่ณภัสสรต่างออกไป หญิงสาวกลายร่างเป็นนางซินที่สวมแว่นตาหนามัดผมขึ้นเป็นมวยปล่อยเส้นที่ยาวไม่เท่ากันลงมาระต้นคอ สวมเสื้อยืดตัวเก่ากับกางเกงขาสั้นเพื่อมารดน้ำต้นไม้ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนใส่บาตรเป็นเพื่อนบิดาและไม่ลืมเข้าห้องพี่สาวเพื่อนำเสื้อผ้ามาซักตามคำสั่ง
ในขณะที่เจ้าของห้องยังนอนหลับเพราะเหนื่อยจากการถ่ายละครเมื่อวาน วันนี้ไม่มีตารางจึงได้นอนหลับให้เต็มอิ่มเพื่อใบหน้าที่ผ่องใส หล่อนหยุดยืนมองดาราสาวที่เป็นพี่คนโต ณภัสสรชอบในความสวยสะอาดตาของอีกฝ่าย เวลายิ้มก็เหมือนมีแสงออกจากตัวปีกที่หลังค่อยกระพือราวนางฟ้ามาเยี่ยมโลกมนุษย์
ผู้คนรักใคร่ตั้งแต่ครั้งแรกต่างจากเธอที่เป็นเหมือนหลุมดำ ไม่มีคนเห็นไม่มีคนสนใจจนกระทั่งวันที่โดนมารดาบังคับจับไปประกวด Miss Supermodel และได้รางวัลมาแบบงงๆ อยู่ในวงการได้เพียงหนึ่งปีก็อำลาตำแหน่งทันทีถึงจะมีคนชวนไปเล่นละครหรือหนังก็ปฏิเสธเพราะช่วงนั้นงานที่คณะเยอะจนแทบไม่มีเวลา
โดนมารดาค่อนขอดมาจนถึงทุกวันนี้ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเดินเข้าวงการบันเทิงตามพี่สาวไปจะโดนเหมือนทุกวันนี้หรือไม่
“เดี๋ยวป้าทำเองค่ะคุณเอม” แม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าเดินเข้ามาช่วยซักแต่เธอก็รีบปฏิเสธทันที
“ไม่ได้นะคะ พี่พลูบอกให้เอมทำ อีกอย่างป้าตาก็มีงานเยอะอยู่แล้ว เอมเกรงใจ” คุณหนูคนเล็กของบ้านบอกพลางยิ้มจนคนแก่รู้สึกเอ็นดู อันที่จริงป้าตาเปรียบเสมือนแม่นมของหล่อนเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
บิดามารดาไม่ค่อยอยู่บ้านต้องไปทำงานตามต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ได้คุณป้าช่วยดูแล หาข้าวหาน้ำให้ ส่วนพี่สาวก็โดนส่งไปเรียนโรงเรียนประจำไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ บ้านหลังใหญ่จึงมีเพียงเธอและบรรดาคนรับใช้อยู่เท่านั้น
“แต่ซักมือมันนานนะคะ ซักเครื่องไม่ดีกว่าเหรอ” เห็นร่างบางนั่งอยู่บนตั่งไม้เตี้ยแล้วซักเสื้อผ้าให้พี่สาวก็อดสงสารไม่ได้
“ผ้าพวกนี้ต้องซักมือค่ะ ซักเครื่องเดี๋ยวพังพี่พลูได้อาละวาดแน่” เงยหน้ามามองก่อนจะยิ้มแล้วก้มลงขะมักเขม้นกับการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของตนเอง
“เดี๋ยวป้าเตรียมข้าวเช้าให้นะคะ” ประมุขของบ้านออกไปตีกอล์ฟตั้งแต่เช้าจึงไม่ได้ตั้งโต๊ะ อีกทั้งคุณผู้หญิงก็ออกไปกับเพื่อนบ้านทั้งหลังจึงเหลือเพียงคุณหนูทั้งสอง
โดยคนโตยังนอนหลับใหลในขณะที่คนเล็กทำงานบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งที่น่าจะอ่อนเพลียจากการทำงานแล้วแท้ๆ
“ขอบคุณนะคะ ป้าตาใจดีที่สุดเลย” คนโดนอ้อนส่ายศีรษะให้อย่างระอาปนเอ็นดู ผละจากร่างบางเพื่อไปทำอาหารสำหรับสองที่
ณภัสสรจัดการเสื้อผ้าเสร็จก็นำไปตากหลังจากนั้นจึงเข้ามาในบ้านเพื่อจัดการตนเองเพราะสภาพตอนนี้แทบทนส่องกระจกไม่ไหวแต่ขาก็ต้องชะงักเมื่อพี่สาวเดินลงมาในชุดที่ถึงจะอยู่บ้านก็ดูหรูหราต่างจากเธอราวฟ้ากับเหว
“ขอบคุณที่จัดการชุดของพี่ให้นะ” ใบหน้าสวยหวานที่ขนาดเธอเป็นน้องยังมองแล้วอดเคลิ้มไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ” พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะเลี่ยงเพื่อขึ้นข้างบนก็ต้องหยุดเพราะพี่สาวรั้งเอาไว้ก่อน
“เกือบลืมถามเลย งานล่าสุดเธอทำร่วมกับบริษัทของรบใช่ไหม” ชื่อที่ได้ยินบ่อยในช่วงหลายเดือนนี้ทำเอาคนมีชนักติดหลังหายใจไม่ทั่วท้อง เธอไม่ถนัดในการโกหกแต่ถ้าจะให้บอกความจริงไปก็เกรงว่าอาจโดนไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา
ความเงียบของน้องสาวไม่ได้ทำให้ดาราดังอารมณ์เสียสักนิด
“พี่แค่อยากรู้ว่ารบเขายุ่งมากไหม เห็นมาหาพี่ที่กองบ่อยๆ น่ะ พี่เกรงใจเขา” จากที่เงียบอยู่แล้วร่างก็เงียบมากกว่าเดิมเพราะเธอไม่เคยรู้เลยว่านักรบไปมาหาสู่พี่สาวลับหลังตนเอง อยู่ดีๆ หัวใจก็บีบรัดอย่างเจ็บปวดทว่าสีหน้าก็ยังคงแน่นิ่งคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ดังเดิมจนคนมองเริ่มรำคาญที่ไม่เห็นประกายความเจ็บปวดจากดวงตากลมโต
“ไม่รู้ค่ะ เราไม่ค่อยได้เจอกัน” ก้มหน้าปฏิเสธทั้งที่ใจรู้ดีว่าเจอเขาบ่อยกว่าพ่อแม่เสียอีก
นักรบใช้คลิปเสียงแบล็คเมล์เธออย่างหน้าด้าน เขาใช้ประโยชน์จากมันเพื่อบังคับให้ยอมทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไขถึงจะรังเกียจสิ่งที่อีกฝ่ายทำเพียงใดแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นจากร่างสูงเช่นเดียวกัน
เป็นบาปที่หอมหวานน่าลิ้มลองจนไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้
“อ๋อ ไม่ค่อยได้เจอกันอย่างนั้นเหรอ” ณปภาปล่อยมือจากแขนของน้องพลางกอดมองพิจารณาใบหน้าสวยนิ่ง ภาพครั้งอดีตยังวนเวียนในหัวไม่สามารถลบเลือนได้
น้องสาวที่กล้าจูบกับว่าที่คู่หมั้นของพี่ในบ้านตัวเอง!
“ไม่มีอะไรแล้วจ้ะ เอมจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” คนน้องจึงรีบเดินขึ้นบันไดก่อนจะแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นได้เห็น
ไม่มีใครรู้ว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนกับสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ เจ็บปวดแต่ก็ยังจะก้าวเข้าไปในกองเพลิงให้มันเผาไหม้ตนเอง หล่อนปิดประตูลงกลอนแล้วทรุดลงนั่งกับพื้นกอดเข่าร้องไห้เพียงลำพังโดยไม่มีเสียงให้เล็ดลอดออกไป
เจ็บจนหัวใจบีบแน่นไปหมด ห้าเดือนที่ได้อยู่ร่วมกันจนเผลอคิดว่าเป็นเจ้าของเขาทว่าความจริงกลับไม่ใกล้เคียงสักนิด สุดท้ายคนที่ได้ครอบครองนักรบคือพี่สาวแสนสวยที่เหมาะสมกับเขาทุกประการผ่านความเห็นชอบจากผู้ใหญ่
เธอมันก็เป็นได้แค่ทางผ่านเท่านั้น อย่างหวังสูงไปกว่านี้เลย เจียมตัวเองซะบ้างชะเอม..
“ทำไมไม่รับสายวะ” ไม่รู้ว่าโทรเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วแต่ปลายสายกลับไม่รับเสียที ร่างสูงหงุดหงิดจนอยากขว้างเครื่องมือสื่อสารทิ้งแต่ก็ทำได้เพียงกำเอาไว้แน่น ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังถดถอยแบบนี้อะไรรักษาได้ก็ควรรักษาเอาไว้ดีกว่า
ดวงตาคมมองน้ำในสระนิ่งเอื่อยด้วยอารมณ์โมโหจนต้องวางโทรศัพท์เอาไว้ก่อนจะกระโดดลงน้ำทั้งที่เสื้อผ้าครบชุดทำเอาพี่ชายที่เดินมาริมสระหวังจิบกาแฟอ่านนวนิยายเรื่องโปรดต้องชะงักทันที
“จะว่ายน้ำทำไมไม่ไปเปลี่ยนชุดก่อน” เห็นน้องดำผุดดำว่ายหลายรอบก็เอ่ยขึ้นจนร่างสูงโผล่เหนือน้ำมาสบตากับกองทัพ
“ขี้เกียจพี่ กำลังจะขึ้นพอดี” ว่าแล้วก็ว่ายไปจับราวก่อนกระโดดขึ้นอย่างงดงามเหมือนพระเอกในละครหลังข่าวจนคนมองต้องส่ายหน้า
“แล้วนึกอะไรลงไปว่ายทั้งชุดเต็มยศขนาดนี้” มองเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวก็นึกสงสัยจนคนที่กำลังอารมณ์เสียไม่รู้จะตอบอย่างไรแต่ปากก็ไปไวกว่าสมองทุกที
“เมียไม่รับโทรศัพท์” หยิบผ้าขนหนูแถวนั้นมาเช็ดผมแล้วปลดกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นเรือนร่างด้านบนอันงดงามเหมือนรูปปั้นเทพกรีกโบราณ
“เดี๋ยวนะ แกมีเมียตอนไหน” นึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดสิ่งไม่ควรออกไปก็ตอนที่พี่ชายเอ่ยถาม ใบหน้าคมเหวอทันทีก่อนจะรีบเฉไฉด้วยการหยิบน้ำส้มคั้นที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟขึ้นดื่ม จนกองทัพมองแล้วจับสังเกตได้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล
“แกมีเรื่องอะไรเล่าให้ฉันฟังไหม” จะให้เล่าได้อย่างไรว่าตอนนี้เขากำลังวางกับดักให้กวางน้อยเข้ามาติดกับอยู่
“ร้อนว่ะพี่ ไปอาบน้ำก่อนนะ” ทำท่าจะเดินหนีแต่กองทัพก็คว้าแขนน้องเอาไว้ได้ก่อนพลางมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“บอกมาก่อน ว่าแกปิดบังอะไรฉันอยู่” อากาศร้อนอบอ้าวเปลี่ยนเป็นร้อนระอุเมื่อเจอสายตาคาดคั้นจากหนุ่มนักบริหารจนวิศวกรเหงื่อแตกทั้งที่พึ่งลงไปเล่นน้ำมาหมาดๆ
เขาสะบัดแขนออกแล้วทำหัวเราะกลบเกลื่อนอาการ
“ปิดบังอะไรพี่ ไม่มี มั่วแล้วนะพี่เนี่ย มีนัดกับเพื่อนไปล่ะ” รีบเดินแกมวิ่งเข้าไปในบ้านจนกางเกงที่เปียกมีน้ำหยดเป็นทาง กองทัพมองตามหลังน้องพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล
แล้วเรื่องนั้นมันคืออะไร..
เมื่อขึ้นมาบนห้องนักรบก็ยังคงกดโทรศัพท์เพียงแค่ต้องการได้ยินเสียงหวานแต่ปลายสายก็ยังคงไม่รับจนทนไม่ไหว เขาปาเครื่องมือสื่อสารลงบนเตียงอย่างอารมณ์เสียก่อนจะจ้องมันนิ่งอยากจะเผาให้สิ้นซากเหลือเกิน
“มีโทรศัพท์ไว้ทำสากกะเบือเหรอวะ โทรไปแล้วไม่รับเนี่ย” หงุดหงิดจนตอนนี้สามารถเผาพระอาทิตย์ได้ นักรบเดินเข้าห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัวเย็นจัดหวังดับอาการร้อนรุ่มของตนเองแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่สามารถทำใจให้เย็นลงได้
ในเมื่อแก้ที่ปลายเหตุไม่ได้เขาก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุแทน
“จะเล่นอย่างนี้ใช่ไหมชะเอม” ดวงตาคมฉายแววมุ่งมั่นก่อนทำธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบ
แล้วเจอดีแน่แม่ตัวแสบ!
ณภัสสรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คลุกอยู่ที่สวนหลังบ้านวาดต้นกัลปพฤกษ์สีชมพูด้วยความตั้งใจหวังลดอาการเจ็บเสียดที่หัวใจ เธอตัดโลกภายนอกออกแล้วเข้าไปในโลกส่วนตัวไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น อันที่จริงอยากหนีไปไกลไม่ต้องมีใครตามเจอแต่ก็รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้
เธอทิ้งครอบครัวไปไม่ได้..
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในบ้านไม่ได้ทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์แม้กระทั่งฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาร่างบางก็ยังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งมีมือปริศนาคว้าแขนเธอแล้วดึงให้ลุกขึ้นเพื่อเผชิญหน้า ตอนนั้นเองที่ดวงตากลมโตเบิกว้างขึ้นอย่างไม่นึกฝัน
“นาย!” ใครจะเชื่อว่านักรบจะมาอยู่ตรงหน้าทั้งที่พึ่งห่างกันเมื่อวันก่อน ใบหน้าคมฉายแววเกรี้ยวกราดและก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรเขาก็ดึงเอวบางมาชิดตัวก่อนก้มหน้าเพื่อลงทัณฑ์คนตัวเล็กกว่าอย่างอุกอาจทั้งที่เป็นบ้านของเธอแท้ๆ
“อื้อ!” หล่อนประท้วงเสียงอู้อี้พยายามยกมือขึ้นทุบอกแกร่งแต่ดูเหมือนจะไม่สะเทือนสักนิด เขายังคงดูดดึงริมฝีปากบางจนเจ็บไปหมด แล้วดันเธอให้ไปพิงใต้ต้นไม้สูงใหญ่บีบแก้มนวลเพื่อให้เปิดปากเพื่อจะได้เข้าไปชิมความหวานข้างใน
ณภัสสรไม่มีทางสู้จะต้านเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์จึงปล่อยให้เขาตักตวงจนพอใจถึงจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม นักรบทำทุกอย่างตามใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกหล่อนสักนิด เมื่อเขาลงโทษเธอจนพอใจจึงผละออกมาแล้วยกยิ้มเมื่อเห็นปากเล็กบวมเป่งจากแรงดูดและบดขยี้เมื่อครู่
“จำไว้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์เมินฉัน” บอกเสียงเข้มแล้วเอามือขึ้นมากักร่างบางให้อยู่ในอ้อมกอด
“ถ้าฉันโทรหาก็ต้องรับ ถ้าฉันเรียกก็ต้องไป เข้าใจใช่ไหมว่าฉันเป็นเจ้าชีวิตเธอ” คำพูดของเขาสร้างความเจ็บปวดให้เธอจนต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วแสยะยิ้มอย่างสมเพชตนเอง
เธอก็มีค่าแค่นี้ใช่ไหม มีค่าแค่เป็นคนแก้เหงาให้เขา เป็นตุ๊กตาที่ไร้ชีวิตจิตใจจะสั่งให้ทำอะไรหรือบังคับยังไงก็ได้
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ฉันเกลียดนาย” ย้ำคำว่าเกลียดอีกครั้งและมันกรีดเข้าไปกลางใจคนฟังจนแขนที่เคยกันหล่อนเอาไว้ตกลงข้างลำตัว
นักรบมองใบหน้าหวานนิ่งและเมื่อดวงตากลมโตบอกถึงความจริงในคำพูดนั้น เขาก็แทบเสียศูนย์ มือหนายกขึ้นจับไหล่บางเอาไว้แล้วยึดหล่อนไว้ยังต้นไม้ก่อนจะถามเสียงเข้ม
“เกลียดจริงเหรอ ถ้าเกลียดเธอจะยอมมีอะไรกับฉันตั้งหลายรอบเหรอ” พูดจบก็หน้าหันไปตามแรงตบจากร่างบางทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งดวงตาที่จ้องมาอย่างโกรธแค้น
น้ำตาจวนเจียนจะไหลรอมร่อแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ไม่อยากแสดงอาการอะไรให้เขาเห็นทั้งสิ้น นักรบหันหน้ามามองกำลังจะลงโทษที่บังอาจตบหน้าก็ได้ยินเสียงเรียกจากลูกสาวคนโตของบ้านหลังนี้เสียก่อน
“รบคะ” ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันทีก่อนที่ร่างของนักแสดงสาวจะปรากฏตัวขึ้น
ณภัสสรเอามือปาดน้ำตาออกพลางเบือนหน้าหลบไม่อยากให้พี่สาวเห็นว่าตัวเองกำลังอ่อนแอมากแค่ไหน ต่างจากนักรบที่สูดลมหายใจเข้าก่อนจะฉีกยิ้มแล้วเดินตรงไปหาว่าที่คู่หมั้นของตนเองทันทีทำราวกับเมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ร่มไม้ไม่ได้ให้ความเย็นสดชื่นสักนิดเพราะภายในใจของทั้งสามกลับมีแต่ความร้อนรุ่ม ดาราสาวยิ้มกลับแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าแขกหนุ่มยกมือขึ้นจับมือเขาเอาไว้อย่างหลวมๆ
“ไม่เห็นบอกว่าจะมา” ใบหน้าหวานกระเง้ากระงอดดูแล้วช่างน่ารักเหลือเกิน
“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ” เขายิ้มกลับก่อนจะจับมือเธอเอาไว้แน่นทำเอาส่วนเกินอย่างณภัสสรต้องเบือนหน้าหนี หัวใจที่คิดว่าตายด้านกำลังถูกพันธนาการด้วยหนามแหลม มันรัดแน่นจนเจ็บเสียดไปหมดทว่าใบหน้าที่แสดงออกก็ยังคงราบเรียบราวไม่มีความรู้สึก
จนบางทีเธอก็อยากร้องไห้ให้คนอื่นเห็นบ้างจะได้รู้ว่าเธอก็เจ็บเป็นเหมือนกัน ไม่ใช่ก้อนหินหรือภูผาที่แข็งแกร่งดังเห็นเลยสักนิด
“แล้ว..รบมาทำไมคะ” เหมือนตนเองเป็นส่วนเกินและกำลังจะเดินเลี่ยงไปแต่นักรบก็รั้งเอาไว้ด้วยคำพูดที่ชวนเข้าใจผิด
“ก็ผมโทรหาเอมแล้วเขาไม่รับ เลยมาหาที่บ้าน” บอกตามความจริงและประโยคนั้นสร้างความขุ่นเคืองแก่ดาราสาวหน้าหวานเป็นอย่างยิ่ง
ณภัสสรอ้าปากค้างไม่คิดว่าร่างสูงจะพูดความจริงมารัดตัวหล่อนขนาดนี้ แค่เจอหน้ากันบ่อยก็โดนเขม่นจะแย่อยู่แล้ว ครั้งนี้เขายังบอกพี่สาวว่าโทรหาเธออีก ไม่รู้ว่าจะโดนวาจาเชือดเฉือนมากแค่ไหนต่อจากนี้
“อ่า อย่างนั้นเหรอคะ” ณปภาหันไปมองหน้าน้องสาวด้วยริมฝีปากแย้มยิ้มทว่าดวงตากลับวาวโรจน์ก่อนจะค่อยปลดมือของนักรบออกอย่างรวดเร็ว
“คุณรบเขาอยากมาเซอร์ไพรส์พี่พลูค่ะเลยโทรมาถามว่าพี่อยู่บ้านหรือเปล่า แต่เอมไม่ได้รับสาย” รีบแก้ไขความเข้าใจผิดด้วยประโยคยาวเหยียดที่แม้แต่ตนเองก็ไม่นึกว่าจะปั้นน้ำเป็นตัวได้เร็วขนาดนี้เช่นเดียวกัน
วิศวกรหนุ่มหันไปมองแล้วแอบยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำแก้ตัวลิ้นแทบพันกันของหญิงที่ไม่ค่อยพูด ที่จริงเมื่อก่อนเธอพูดเยอะกว่านี้แต่สงสัยทุกวันนี้กลัวดอกพิกุลจะร่วงเลยสงวนคำพูดจนแทบจะกลายเป็นคนใบ้อยู่แล้ว
บรรยากาศเงียบสงบแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่กลางสนามรบที่ลุ้นระทึกตลอดเวลา ใบหน้าหวานของสาวนักออกแบบมีเหงื่อผุดขึ้น ในขณะที่ณปภาจ้องนิ่งก่อนเธอจะหันไปมองร่างสูงของว่าที่คู่หมั้นอย่างคาดคั้นพลางถามเสียเข้ม