๑ กลิ่นกายของเธอ (๒)
“แล้วทุกคืนที่เรามีอะไรกันเขาเรียกว่าอะไรล่ะ หรือให้พี่ฟรีเหมือนผู้หญิงข้างทางอย่างนั้นใช่ไหม” ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบที่ดังก้อง ณภัสสรกัดฟันแน่นมองเขาด้วยความโกรธจัดแล้วลุกขึ้นเพื่อต้องการหนีจากที่ตรงนี้ทว่าไม่ทันมือหนาซึ่งคว้าเอวบางดึงลงมานั่งบนตักทันที
ดวงตาคมมีประกายไฟอยู่ในนั้นแล้วไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรเขาก็จัดการลงโทษคนที่กล้ามาตบหน้าตนเองอย่างรวดเร็ว บดขยี้ริมฝีปากเล็กอย่างถือสิทธิ์ก่อนใช้แรงทั้งหมดยกหล่อนให้ขึ้นคร่อมตัวเองแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นไม่ให้สามารถหนีไปไหนได้
“ฉันเกลียดพวกใช้กำลัง” เมื่อเขาผละออกหล่อนก็ตะโกนบอกทันทีแต่ดูท่าว่าวิศวกรหนุ่มจะไม่สนใจ
“แล้วที่เธอตบฉันทำด้วยความรักอย่างนั้นเหรอ ก่อนจะบอกเกลียดคนอื่นไม่ดูตัวเองหน่อยล่ะว่าใช้กำลังเหมือนกัน” ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน มือเล็กกำลังจะยกขึ้นมาหมายตบเขาอีกรอบก็โดนจับไว้อย่างรู้ทันพร้อมกดมันลงบนโซฟาอย่างแรง
อารมณ์โมโหบดบังทุกสิ่งและเขาจะไม่ให้เธอทำการหยามหน้าอีกแล้ว
“วันนี้ลองเซ็กซ์แบบดุดันดูไหมล่ะ จะได้รู้ว่าถ้าตบหน้าฉันเธอจะโดนลงโทษยังไง” สรรพนามที่เปลี่ยนไปมาของเขาสร้างความสับสนให้คนฟัง
บางครานักรบก็ดูเหมือนมีใจให้แต่บางทีกลับดูเหมือนว่าเขาทำเพียงเพื่อต้องการเอาชนะเท่านั้น สิ่งที่เธอสงสัยคือเขาต้องการทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อคนแพ้มันคือเธอ
คือเธอมาตลอด...
“ฉันเกลียดนาย” จ้องตาเขานิ่งส่งความเกลียดชังทั้งหมดในใจไปให้และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรับรู้ ใบหน้าคมแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น เครื่องปรับ อากาศทำงานได้ดีจนความหนาวเกาะขั้วหัวใจ
“ฉันก็ไม่ได้รักเธอเหมือนกัน”
พวกเขาต่างโกหกซึ่งกันและกันอีกครั้งเพราะต้องการปิดบังความจริงภายในใจว่าต้องการอีกฝ่ายมากแค่ไหนทว่าไม่สามารถพูดออกไปได้
ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มถูกปิดทันทีและบดคลึงอย่างจาบจ้วง ไร้ความอ่อนโยนมีเพียงความป่าเถื่อนที่เขามอบให้เหมือนเป็นการลงโทษกับคำรุนแรงที่ได้ยินจากปากเล็ก
เกลียดอย่างนั้นเหรอ..ดี เกลียดให้มากแล้วกันเธอจะได้ไม่ลืมฉันไปตลอดกาล
แรงที่ขัดขืนเริ่มน้อยลงทุกทีกลายเป็นความยินยอมพร้อมใจ มือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระพร้อมกันนั้นเขาก็เปลี่ยนความรุนแรงให้อ่อนโยนมากขึ้น ดูดดึงริมฝีปากเล็กจนบวมเจ่อมือหนาก็ถอดเสื้อยืดออกให้เธออย่างรวดเร็วในขณะที่จัดการตนเองเช่นเดียวกัน
อารมณ์สวาทครอบงำทุกอย่างจนหลงลืมความโกรธเมื่อสักครู่ เขาเข้าไปชิมความหวานจากดอกบัวคู่งามใช้ลิ้นแตะจนมันขึ้นตุ่มไตโดยมีเสียงครางแผ่วจากเจ้าของร่างที่แอ่นกายเข้าหาลืมความอายจนสิ้น ตอนนี้ความต้องการพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
“ปลดกางเกงให้พี่หน่อย” บางทีเธอคงต้องพาเขาไปเช็คประสาทบ้างเสียแล้วว่าเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า เมื่อครู่ที่อารมณ์ร้อนจนผรุสวาทออกมามันคือเรื่องโกหกหรือไม่
เธอทำตามความต้องการของชายหนุ่มและตัวเองเอื้อมมือไปปลดกางเกงให้ก่อนที่ร่างสูงจะยืนขึ้นเพื่อรูดมันออกจากกายและถอดชั้นในที่มีขอบเขียนไว้ว่า calvin klein ออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นความยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มจนต้องเบือนหน้าหนี
“เดี๋ยวพี่ช่วยหนู” เขายกคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นในขณะที่ท่อนบนของหล่อนเปล่าเปลือยเพราะถูกปลดชั้นในออกไปแล้วและมันวางอยู่บนโต๊ะเล็กตรงห้องรับแขกที่มองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครได้ทั่วมุม
ร่างสูงจัดการปราการด่านล่างของคนตัวเล็กอย่างรวดเร็วด้วยมือข้างเดียวเพราะมืออีกข้างกำลังนวดเฟ้นที่ทรวงอกนุ่มหยุ่นอย่างเมามัน เขาหลงรักความพอดีของดอกบัวคู่งามที่ช่างเหมาะกับขนาดมือของเขาเหลือเกิน ไม่ใหญ่เกินไปเรียกได้ว่ากำลังดี
“อือ” เธอครางรับเมื่อร่างสูงผละมือออกจากความนุ่มหยุ่นแล้วทรุดกายลงไปดอมดมดอกไม้ซึ่งไร้เส้นสีดำปกปิด มันเนียนสวยจนอยากลิ้มลองว่าจะละมุนเหมือนตาเห็นหรือเปล่า อารมณ์ดำเนินไปตามธรรมชาติ กลางห้องถูกเปลี่ยนเป็นสนามรักชั่วคราวโดยไม่กลัวว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน
ประตูห้องถูกปิดอย่างแน่นหนาและเขาไม่ได้ให้กุญแจสำรองใครไว้แม้แต่คนที่บ้าน จะมีก็เพียงแต่ณภัสสรเท่านั้นที่ได้ครองครอง และเธอก็อยู่กับเขาตรงนี้แล้ว
ความดุดันที่เคยบอกไว้ไม่ได้เป็นความจริงสักนิด มีเพียงความหวานละมุนส่งมาให้โดยที่หล่อนไม่รู้เลยว่าของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก
“จะทำอะไรน่ะ” ตกใจเมื่อเขาลากเธอไปยืนริมหน้าต่างที่คนด้านนอกจะไม่เห็นว่าคนข้างในกำลังทำอะไรอยู่ ทว่าเจ้าของห้องกลับมองเห็นทุกอย่างหากไม่มีฝุ่นควันมาบดบัง
“ทำไปมองบรรยากาศไป เร้าใจอีกแบบนะ” เขาจับเธอหันหลังก่อนจะเริ่มการลงทัณฑ์ที่ดุดันทันที ใบหน้าหวานเหยเกเมื่อความแข็งแกร่งเข้ามาภายในกายและกระแทกอย่างรุนแรงจนต้องเอามือยันผนังกระจกไว้
มือหนาเอื้อมจากด้านหลังมากอบกุมทรวงอกทั้งสองข้างพลางบีบเพิ่มอารมณ์ตามแรงกระแทกของร่างกาย เขาสะกิดยอดสีอ่อนจนมันแข็งมากกว่าเดิมโน้มไปสร้างรอยสีกุหลาบเอาไว้ที่หลังคอขาวนวลตาก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างสมใจ
เสียงกระทบของเนื้อดังก้องห้องรับแขกผสมกับเสียงกระเส่าของสองหนุ่มสาวซึ่งเปล่งออกมาดังอย่างไม่อายเพราะห้องค่อนข้างเก็บเสียง และเมื่อทุกอย่างถึงจุดสูงสุดน้ำรักก็พุ่งออกมาจนเลอะไปหมด หล่อนรู้สึกเหมือนผ่านสมรภูมิรบแทบทรุดลงกับพื้นแต่ร่างสูงก็คว้าเอาไว้เสียก่อน เขาหอบหายใจถี่ซุกหน้าลงซอกคอขาว
ก่อนจะพาเธอเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำและเริ่มบทรักอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ยามค่ำคืนสองกายนอนกอดกันแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งโดยที่ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมนิ่งอยากยกมือขึ้นไปสัมผัสก็ไม่อาจทำได้
เธอโกรธตัวเองเหลือเกินที่ยอมให้เขาได้มากมายขนาดนี้ เพียงเพราะคลิปเสียงแสนอุบาทและภาพเคลื่อนไหวนั่นจนต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อไม่ให้เขาบอกเรื่องราวน่าอับอายนี้กับใคร แต่ดูเหมือนว่ายิ่งนานวันไปก็จะยิ่งถลำลึกมากกว่าเดิม
จนตอนนี้เหมือนจะหลงรักเขาแทบถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
เธอสงสัยเหลือเกินว่าที่อยู่กับนักรบเพราะต้องการกำจัดคลิปเสียงนั่น..หรือว่าเพราะรักเขากันแน่
คิดอย่างสับสนก่อนจะรีบปิดตาลงไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ไม่ดีต่อหล่อนและครอบครัวเลย
ยิ่งใกล้เขามากเท่าไหร่ความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่สาวก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เช้าวันต่อมาร่างบางก็ต้องตื่นเพื่อมาทำอาหารให้วิศวกรหนุ่มค่อยอาบน้ำแต่งตัวเพื่อกลับบ้านของตัวเองเสียทีหลังจากอยู่ที่นี่มาหลายวัน อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันหยุดด้วยอยากพักผ่อนสมองบ้างไม่ให้เครียดไปมากกว่านี้
“เกือบลืมเลยเมื่อวานพี่ไม่ได้ใส่ถุงยาง” ร่างสูงเดินออกมาจากห้องด้วยชุดเสื้อยืดยี่ห้อดังและกางเกงยีนส์สีเข้มที่ขาดหัวเข่ามายังโต๊ะรับประทานอาหาร
เขาพูดถึงเรื่องเมื่อวานอย่างหน้าตาเฉยราวกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศหรือการเมืองจนคนหน้าบางต้องแสร้งก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อไป
“หนูอย่าลืมกินยาคุมนะ พี่ไม่อยากให้หนูท้อง” เขาพูดเหมือนไม่อยากมีลูกกับเธอจนคนฟังรู้สึกปากสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หัวใจเจ็บเสียดยามสูดลมหายใจจนต้องค่อยผ่อนลมออกอย่างช้า
“ค่ะ ฉันก็ไม่อยากท้องกับคุณเหมือนกัน” ตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนยกชามข้าวต้มไปวางไว้ให้เขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย นักรบเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไปและอาหารเช้าวันนั้นก็จืดสำหรับสองหนุ่มสาวจนกินแทบไม่หมด
บรรยากาศอึมครึมลอยอยู่รอบห้องกระทั่งร่างบางลุกขึ้นเก็บจาน
“ถ้าจะออกไปก็ล็อคห้องให้ด้วย” แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องนอนของตนเองไปทันทีปล่อยให้ร่างบางพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วล้างจานต่อไป
อยากร้องไห้ออกมาเสียงดังแต่ก็น่าอับอายเกินไปที่จะทำแบบนั้นในห้องของเขาจึงเร่งทำความสะอาดภาชนะจนเสร็จสิ้นก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตนเองออกจากห้องนี้ไปอย่างรวดเร็ว เขาเหมือนต้องการเธอแต่เมื่อได้ทุกอย่างสมใจแล้วก็ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เหมือนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
‘บ้าเหรอวะ ใครจะไปรักผู้หญิงเฉิ่มๆ แถมปากร้ายแบบนั้นลง’ ประโยคนั้นเธอจำไม่เคยลืมถึงมันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
ในวันที่หล่อนต้องการเขามากที่สุดทว่าชายหนุ่มกลับเห็นเธอเป็นเพียงของไร้ค่าจะทิ้งเหมือนไหร่ก็ได้ และการกลับมาครั้งก็เพียงเพื่อต้องการใช้ของตายให้คุ้มเท่านั้น
ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยน้ำตาก่อนจะรีบเช็ดมันออกเพราะมีคนกำลังมองมา อยากทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นก็ไม่สามารถทำได้ถึงเรี่ยวแรงที่มีจะอ่อนลงมากแค่ไหนก็ตาม
เธอเกลียดเขาเหลือเกิน
ทั้งที่บอกตัวเองอย่างนั้นแต่ก็มีใบหน้านักรบลอยวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด วันไหนจะตัดใจจากเขาได้จริงๆ สักที..
“กลับบ้านถูกด้วยเหรอยะ” เพียงแค่ก้าวเข้ามาภายในบ้านก็ได้รับการต้อนรับด้วยถ้อยคำเสียดสีจากคนเป็นมารดาจนต้องเดินไปที่ห้องรับแขกเสียก่อนเพราะบุพการีนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” นั่งลงที่โซฟาพลางยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม นัยน์ตาหวานรู้สึกผิดที่แทบโผล่หน้ามาให้ท่านเห็นเลยสักครั้ง
“กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก” คุณภูดิศเอ่ยถามบุตรสาวที่ท่าทางซูบตอบอย่างนึกเป็นห่วงจนเธอต้องยิ้มแล้วพยักหน้า
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ตอบเสียงเบา
“ดีเหมือนกันนะ พี่สาวไปทำงานหามรุ่งหามค่ำยังกลับมานอนบ้านทุกวัน แต่แม่น้องสาวดันไปคลุกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เงินเดือนก็ได้ไม่เท่าเขา หึ” คุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยแล้วปรายตามองบุตรสาวคนเล็กจนสามีที่นั่งข้างต้องจับมือเอาไว้
ใบหน้าหวานซีดจนแทบไร้สีเลือดเมื่อฟังคำถากถางของมารดาอยากจะอธิบายแต่ก็เหมือนคนน้ำท่วมปาก ยิ่งถ้าท่านรู้ว่าเธออยู่กับว่าที่ลูกเขยเรื่องก็จะไปกันใหญ่บางทีอาจถูกขับไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาในเมื่อท่านไม่เคยคิดว่าเธอเป็นลูกอยู่แล้ว
“หน้าดูเหนื่อยนะลูก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ” ได้บิดาช่วยเอาไว้หล่อนจึงรีบเดินออกจากที่ตรงนั้นขึ้นห้องบนชั้นสองอย่างรวดเร็วกลัวว่าน้ำตาจะไหลลงมาเสียก่อน
บางทีก็เคยคิดอยากจะไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้แต่เพราะมีบิดาที่คอยรั้งเอาไว้ ท่านปลอบปะโลมยามถูกมารดาดุด่าเสมอ หัวใจดวงนี้จึงเหมือนได้รับน้ำทิพย์ให้ยืดหยัดอยู่ต่อไปได้บ้าง และเมื่อขึ้นมายังชั้นสองกำลังจะก้าวไปห้องตนเองพี่สาวคนสวยที่มีดีกรีเป็นถึงนักแสดงดาวรุ่งก็โผล่มาเสียก่อน
“อ้าว เอมกลับมาบ้านได้แล้วเหรอ” บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่าคำพูดของคนเป็นพี่นั้นสื่อความหมายไปทางใดกันแน่
“ค่ะ” ตอบเสียงแผ่วแล้วจะเลี่ยงเดินเข้าห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน
“วันนี้อย่าลืมเอาชุดของพี่ไปซักให้ด้วยนะ พวกนั้นมือหนักซักทีไรไม่ขาดก็ยับไม่เหมือนเอม ฝากด้วยแล้วกันนะจ๊ะ” ว่าจบก็ไม่รอฟังคำตอบรับรีบเดินออกไปเพื่อถ่ายละครทันทีจนน้องสาวทำได้เพียงมองตามหลังแล้วถอนหายใจ
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าตนเองเป็นเพียงลูกเมียน้อยหรือไม่ก็ลูกที่เขาเก็บมาเลี้ยง
มีประโยชน์แค่ในตอนที่เขาต้องการเท่านั้น...