บทที่ 8 ม่าน
เสียงดังมาจากด้านซ้ายของนีรา หล่อนเหลียวไปมอง ชลชาติยื่นหน้าไปมองเช่นกัน ร่างหญิงสาวในชุดผ้าซิ่นสีควันบุหรี่ เสื้อคอกลมสีไข่ไก่แขนสามส่วน สวมเครื่องประดับเป็นเงินทั้งสร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือและแหวน ทุกชิ้นที่สวมอยู่เป็นรูปหัวพญานาคทั้งหมด หล่อนก้าวเดินอย่างสง่างาม รอยยิ้มที่ส่งมาให้หนุ่มสาวอ่อนโยน หล่อนเป็นหญิงสาวที่งดงามมากในสายตาของชลชาติและนีรา
“เป็นอย่างไร หลับสบายดีหรือไม่”
คำถามดังขึ้นอีกครั้ง นีรากับชลชาติยิ้มรับรอยยิ้มของหญิงสาว ชลชาติตอบคำถามของหล่อน
“ครับ คุณช่วยพวกเราใช่มั้ยครับ”
“มิได้ ข้าคอยดูแลท่านทั้งสองเท่านั้น ผู้ที่ช่วยท่านรอพบท่านอยู่ข้างใน ตามข้ามา”
รอยยิ้มยังอ่อนโยนน่ามองเช่นเดิมแต่คำพูดต่างจากคนธรรมดา ชลชาติมองหน้านีราหล่อนเงยมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ตามข้ามาสิ”
หญิงสาวหันกลับมาเมื่อหนุ่มสาวไม่ก้าวเดินตามคำสั่งของหล่อน
“ค่ะ”
นีราตอบแล้วยิ้ม หล่อนก้าวนำชลชาติไปก่อน หญิงสาวผู้มีคำพูดแปลกๆ เดินตรงไปข้างหน้าผ่านก้อนหินก้อนใหญ่สีทอง ผ่านเข้าไปด้านหลังเป็นม่านสีเงินวับวาว หล่อนถึงกับชะงักเท้าหยุดยืนนิ่ง ม่านบางๆ ไม่ใช่เนื้อผ้า ไม่ใช่ลูกปัดสีเงินร้อยเป็นสายทำเป็นมู่ลี่แต่สิ่งที่หล่อนเห็นเป็นสีเงินวาวระยิบระยับกั้นช่องว่างที่เหมือนปากถ้ำเปิดสู่ภายนอก
“เหตุใดไม่เดินตามข้ามา ตกใจสิ่งใดรึ”
ผู้ที่เดินนำทางหยุดยืนเหลียวกลับมามองสองหนุ่มสาว รอยยิ้มของหล่อนสดใส นีรายิ้มฝืดเต็มทน หล่อนชี้มือไปที่ม่านสีเงิน
“ไม่ใช่ผ้าม่านธรรมดาใช่มั้ยคะ”
หญิงสาวเหลียวกลับไปมองตามมือนีราแล้วหันมายิ้ม
“ใช่จ้ะ ไม่ใช่ผ้า ท่านแปลกใจม่านนี้ใช่หรือไม่”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องแปลกใจ ม่านนี้จะเปิดให้ผู้ที่จะก้าวข้ามเข้าไปสู่เมืองของข้า หากม่านนี้เปิดพวกท่านก็สามารถเข้าไปได้แต่หากม่านปิดตัวลงพวกท่านก็เข้าไม่ได้ ม่านเปิดอยู่ ข้าจะนำทางพวกท่านเข้าไปเองไม่ต้องกลัว ตามมาเถอะ”
“แต่ว่า..ทำไมถึง..เป็นอย่างนี้คะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”
นีรายังคงสงสัย ชลชาติแตะแขนหล่อนกระซิบข้างหู
“ไปเถอะถ้าถามมากกว่านี้ไม่ดีนะ ฉันอยากรู้ว่าเขาจะพาเราไปไหน”
หล่อนก้าวเดินต่อ ชลชาติเดินเคียงข้างหล่อนจับมือหล่อนไว้แน่น มือนุ่มเย็นเฉียบ เขาบีบมือหล่อน 2 ครั้งเพื่อคลายความกลัวของหล่อนให้น้อยลง
ผู้หญิงที่แต่งกายงดงาม ยิ้มสวย ผิวคล้ำก้าวผ่านเข้าไปในม่านสีเงิน นีราบีบมือชลชาติแน่นกว่าเดิมขณะก้าวเท้าผ่านม่านประหลาด ความเย็นฉาบผิวหน้า ลำคอ แขน ขาและเท้า หล่อนหันมาสบตาชลชาติ เขาพยักหน้าให้เดินต่อแต่พอพวกเขาหันกลับมา ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาสองคู่เบิกกว้าง ยืนตะลึงอยู่กับที่
“นี่คือเมืองของข้า พวกท่านได้รับอนุญาตเข้ามาชม น้อยคนนักที่จะได้รับสิทธิ์นี้ ท่านประมุขกำลังรอพวกท่านอยู่ ตามมา”
“ท่านประมุขหรือคะ”
นีรากะพริบตาหันมามองคนพูด ภาพที่หล่อนกับชลชาติจ้องนิ่งอย่างตกใจหรือจะเรียกให้ถูกเป็นตื่นตะลึงในความงามมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเมืองน่าจะเป็นการตกแต่งถ้ำขนาดใหญ่ด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ มากกว่าจะเป็นเมือง แสงของเพชร พลอย นิล กะพริบวิบวับเข้าตา
“ใช่ ท่านเจ้าเมืองกำลังรออยู่ เดินเร็วหน่อยก็ดี หากพวกท่านสงสัยสิ่งใดค่อยถามท่านเจ้าเมืองหรือถามข้าก็ได้แต่หลังจากที่ท่านพบเจ้าเมืองเสียก่อน เชิญเถิด เร่งฝีเท้านิดหนึ่ง”
หญิงสาวหันกลับไปและพริบตานั้นภาพที่นีราและชลชาติเห็นหายวับไปมีกำแพงเมืองปรากฏขึ้นมาแทน
“พี่คะทำไมถึง...”
“อย่าเพิ่งถาม รีบตามข้ามา เราช้ามากแล้ว หากท่านอยากรู้ทุกอย่างก็รีบเดินเถิด”
ผู้หญิงที่เดินนำทางไม่หันมามองและเร่งให้นีราเดินเร็ว ชลชาติเป็นฝ่ายเดินนำนีราดึงมือหล่อนให้ก้าวเร็วๆ
ประตูเมืองเป็นก้อนหินเลื่อมวับเรียงซ้อนกันสูงประมาณ 3 เมตรและยาวสุดสายตา ชลชาติก้าวผ่านซุ้มประตูเมืองเข้าด้านในตัวเมือง ทางที่เดินตรงไปข้างหน้าเป็นหินตลอดจนถึงบ้านของท่านเจ้าเมืองแต่ก็ไม่เหมือนบ้านเป็นปราสาทมากกว่า ทรงปลายด้านหลังคาแหลมเช่นเดียวกับปราสาทในนวนิยาย ตัวปราสาทแยกเป็นหลังเล็กๆ แต่อยู่ในเขตเดียวกัน ตัวปราสาทเป็นสีเขียวนิลทั้งหลัง
“ถึงแล้ว ท่านเจ้าเมืองรอพวกท่านอยู่ที่ลานแท่น เชิญ”